รัฐมนตรีช่วยวีระได้กล่าวก่อนเริ่มการบรรยายว่ามีความยินดีมากที่บริษัทปูนซิเมนต์ไทยได้จัดงานขึ้น
เพราะภาวะเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนควรจะหันหน้าเข้ามาปรึกษากันอย่างใกล้ชิดให้มาเป็นพิเศษ
สำหรับเรื่องนโยบายของรัฐบาลซึ่งนักลงทุนต้องการจะทราบมากนั้น รมช.วีระได้กล่าวว่ารัฐบาลจะยึดแนวนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2520 ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้านจัดสรรและที่ดิน
ดังนี้
ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลจะเร่งรัดการลงทุนภาคเอกชนทั้งทุนภายในประเทศและจากต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น
โดยจะลดขั้นตอนการปฏิบัติและระเบียบของราชการให้เหลือน้อยที่สุด ตลอดจนถึงการให้ความสะดวกแก่ผู้ลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ
โดยจะเข้าร่วมมือและประสานงานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
ด้านสังคม รัฐบาลจะขยายสวัสดิการแก่ประชาชนทั่วไป เน้นการช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อย
รวมทั้งการขยายแผนงานการก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อยให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ด้านชุมชน สาธารณูปโภค รัฐบาลจะพัฒนาให้เหมาะสมและให้สัมพันธ์กับการขยายตัวทางสังคม
โดยคำนึงถึงความเหมาะสมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสภาพแวดล้อม
ในการนี้กระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่สนองนโยบายของรัฐ เพื่อวางแนวทางการปฏิบัติ
โดยมีการเคหะแห่งชาติทำหน้าที่จัดสรรที่ดินให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยและปานกลาง
แต่ปัจจุบันนี้แนวทางการปฏิบัตินี้ต้องถูกจำกัดขีดความสามารถลง เพราะการเคหะเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งซึ่งรัฐบาลมีนโยบายตัดเงินช่วยเหลือ
ดังนั้นจึงไม่สามารถสนองนโยบายของรัฐให้ตรงตามเป้าได้ถ้าไม่มีเอกชนคอยให้ความร่วมมือ
นอกจากนี้ รมช.วีระยังอมรับว่ายังมีกฎหมายบางฉบับที่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจจัดสรรบ้านและที่ดิน
ที่สำคัญ อาทิ ประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ประมวลกฎหมายที่ดินว่าด้วยเรื่องการค้าที่ดินและพ.ร.บ.อาคารชุด
ปี 2522
โดยเฉพาะประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ซึ่งบรรดาผู้จัดสรรทั้งหลายได้ร้องเรียนและให้ยกเลิกเสียในเรื่องนี้
รมช.วีระ ได้กล่าวว่า "รัฐบาลก็พยายามจะแก้ไขเพิ่มความสะดวกแก่ผู้จัดสรรมากขึ้น
แต่จะให้ยกเลิกนั้นคงจะทำไม่ได้ เพราะรัฐบาลยังมีความจำเป็นที่จะต้องคุ้มครองดูแลผลประโยชน์ของผู้บริโภคอยู่"
อุปสรรคด้านกฎหมายหลายประการที่ได้กล่าวมานั้น รมช.วีระยืนยันว่ารัฐบาลมิได้นิ่งนอนใจ
กำลังเร่งดำเนินการแก้ไขอยู่ในบางเรื่อง เช่น กฎระเบียบต่างๆ ก็คงจะสามารถแก้ไขได้รวดเร็วขึ้นเพราะมีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก
ส่วนตัวกฎหมายที่จะต้องแก้ไขนั้นคงจะต้องต่อคิวกับกฎหมายอื่นๆ ที่กำลังรอเข้าสภาพิจารณาอยู่
ก่อนจบการบรรยาย รมช.วีระได้ฝากความฝันไว้ 2 ประการคือ
ประการแรก คือทำอย่างไรจึงจะสามารถผลักดันให้ภาคเอกชนเข้ามารับบทบาทแทนรัฐบาลได้ในมาตรฐานเดียวกัน
ประการที่สองคือ ควรที่จะจัดสรรที่ดินบริเวณที่ภูมิประเทศสวยงามหรือป่าที่ถูกทำลาย
ให้กับนักจัดสรร หรือผู้มีฐานะดี เพื่อนำไปบูรณะใหม่หรือช่วยรักษาแทนรัฐบาล