เมื่อปี 2511 เดช บุลสุข เคยเป็นนักเรียนไทยที่ได้ทุน AMERICAN FIELD SERVICE
ได้เรียนหนังสือที่สหรัฐอเมริกา
เดชมีความประทับใจหลายสิ่งหลายอย่างของประเทศนี้ สิ่งหนึ่งที่ประทับใจไม่รู้ลืมซึ่งก็คงคล้ายๆ
กับนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาทั้งหลายก็คือความประทับใจที่มีต่อรสชาติอาหารและบริการของร้านแมคโดนัลด์
' ส
เพราะฉะนั้นเมื่อมีโอกาสเดินทางไปสหรัฐฯ อีกครั้งในปี 2524 ในฐานะนักธุรกิจหนุ่มไฟกำลังแรงมาก
เดชและเพื่อนนักธุรกิจด้วยกันจำนวนหนึ่งจึงไม่รั้งรอที่จะส่งจดหมายติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่ของแมคโดนัลด์'ส
ที่อิลลินอยส์
จดหมายฉบับนี้เป็นจดหมายเชิญชวนให้แมคโดนัลด์'ส เข้ามาเปิดสาขาขึ้นในประเทศไทยเป็นสาขาแรก
จนหลังจากนั้นอีกเกือบ 2 ปี ก็ได้จดหมายตอบรับกลับมาและที่ยังความตื่นเต้นยินดีให้กับเดชและเพื่อนๆ
อย่างมากก็คือการที่แมคโดนัลด์'ส ตัดสินใจคัดเลือกกลุ่มพวกเขาจากกลุ่มนักธุรกิจอีกจำนวนมากให้เป็นตัวแทนในประเทศไทย
และนั่นก็เป็นที่มาอย่างรวบรัดที่สุดของบริษัท แมคไทย จำกัด เจ้าของและผู้ดำเนินงานร้านแมคโดนัลด์'ส
สาขาประเทศไทยแห่งแรกที่ศูนย์การค้าอมรินทร์พลาซ่า ซึ่งเปิดบริการไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่วันที่
23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
แมคไทย เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกลุ่มของเดช บุญสุข กับบริษัทแมคโดนัลด์'ส
คอร์ปอเรชั่น โดยกลุ่มของเดชถือหุ้น 51% และอีก 49% ที่เหลือถือหุ้นโดยแมคโดนัลด์'ส
อคร์ปอเรชั่น
กรรมการของแมคไทยที่เป็นคนไทยนอกจากเดช บุลสุขแล้ว ก็มี ธีระ เมธเศรษฐ อีกคนหนึ่ง ส่วนกรรมการจากแมคโดนัลด์'ส
ที่ถูกส่งตรงมาจากสหรัฐฯ คือ MR.LOU BERMAN และ
MR.EDWARD H.SCHMITT รวมแล้วฝ่ายละ 2 คนเท่ากัน
ร้านแมคโดนัลด์'ส สาขาแรกที่อมรินทร์พลาซ่ามีเนื้อที่ 500 ตารางเมตร สามารถจุลูกค้าได้ไม่น้อยกว่า
200 คน แมคไทยบอกว่าได้ลงทุนครั้งแรกเป็นค่าก่อสร้าง ค่าที่ดิน ค่าตกแต่งภายในไปจนถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ
ไปแล้วกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งถ้าจะดูกันถึงความเหมาะสมของทำเลที่ตั้งแล้วก็ต้องยอมรับว่าได้ทำเลที่เด่นที่สุดของอมรินทร์พลาซ่า คืออยู่ตรงกึ่งกลางด้านหน้า
และในทางกลับกันชื่อเสียงและการลงทุนตกแต่งที่สวยงามของแมคโดนัลด์'ส ก็นับเป็นจุดเด่นของศูนย์การค้าแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
หรือพูดได้เต็มปากว่าช่วยเสริมซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
แมคโดนัลด์'ส เป็นกิจการขายอาหารประเภท FAST FOOD ซึ่งคนไทยเริ่มรู้จักและคุ้นเคยมาหลายปีแล้ว
เนื่องจากมีเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยช่วงใกล้ๆ นี้หลายยี่ห้อด้วยกัน
ในกิจการ FAST FOOD ด้วยกันนี่เองที่ทั่วโลกให้การยอมรับว่า แมคโดนัลด์'ส
เป็นเจ้าเก่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ขณะนี้แมคโดนัลด์'ส มีสาขาทั้งหมดมากกว่า 8,000 สาขา กระจายอยู่ทั่วทั้ง
50 มลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา และนานาประเทศอีกกว่า 30 ประเทศ
จากประวัติการก่อตั้งกิจการซึ่งสามารถนับย้อนหลังกลับไปได้ถึง 29 ปีเต็มๆ
นั้น แมคโดนัลด์'ส ถูกจัดให้เป็นเจ้าของร้านแฮมเบอร์เกอร์และอาหาร รวมทั้งเครื่องดื่มอีกหลายชนิดที่ประสบความสำเร็จอย่างมากๆ
ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้บุกเบิกในเรื่องเทคโนโลยีด้านการบริการอาหาร กลยุทธ์และเทคนิคด้านการตลาดและระบบการบริหารงาน
ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้กลายเป็นมาตรฐานในธุรกิจอุตสาหกรรมประเภทเดียวกันไปแล้ว
และถ้าจะถามว่าอะไรคือหัวใจแแห่งความสำเร็จจนถูกยกย่องเป็นมาตรฐาน คำตอบก็เห็นจะเป็นตัวอักษรย่อ
4 ตัว คือ Q.S.C. และ V. ที่ผู้บริหารทุกระดับไปจนถึงพนักงานทุกสีผิวในทุกๆ
สาขาจะต้องคำนึงจนขึ้นใจนั่นเอง
Q. นั้นก็คือ QUALITY อันหมายถึงคุณภาพของอาหารที่จะต้องดีอย่างสม่ำเสมอ
S. คือ SEVICE การบริการที่รวดเร็วและเป็นมิตร
C. คือ CLEANLINESS หรือความสะอาดที่ลูกค้าต้องกล่าวขวัญตลอดไป
D.
และ V. ก็คือ VALUE หมายถึงคุณค่าที่แมคโดนัลด์'ส มอบให้นั้นจะต้องคุ้มค่ากับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลูกค้าซื้อบริการ
Q.S.C. และ V. ถือเป็นหัวใจของแมคโดนัลด์'ส ทุกแห่งทุกสาขา หรือพูดได้อีกอย่างหนึ่งว่าคือสัญญาที่แมคโดนัลด์'ส
ให้กับผู้บริโภคทั่วโลกอย่างเสมอภาค
เมื่อแมคโดนัลด์'ส จะต้องคำนึงถึงคุณภาพของอาหารทุกชนิดที่ร้านมีขายนั้น
จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่แมคโดนัลด์'ส จะต้องใช้ความพิถีพิถันเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ใช้ในครัวอย่างสูงมาก
ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว ปลา ผัก หรือขนมปัง โดยเฉพาะมันฝรั่งทอดอันลือชื่อซึ่งถูกทอดด้วยเครื่องมือที่ตั้งอุณหภูมิไว้คงที่
มีการจับเวลาว่าจะต้องทอดกี่นาทีและพักทิ้งไว้อีกกี่นาทีก่อนเสิร์ฟ ก็ถูกเจาะจงไปด้วยว่า
มันฝรั่งที่จะใช้ทอดนั้นจะต้องเป็นพันธุ์ RUSSETT จะเป็นมันพันธุ์อื่นไม่ได้
เพราะมิฉะนั้นรสชาติของมันฝรั่งทอดจะเปลี่ยนไปไม่ได้มาตรฐานที่แมคโดนัลด์'ส ต้องการ
ส่วนเนื้อวัวซึ่งจะถูกนำมาปรุงแต่งด้วยสูตรลับของแมคโดนัลด์'ส เป็นแฮมเบอร์เกอร์ก็เช่นเดียวกัน
คือจะมีวัวพันธุ์เฉพาะที่ถูกเลือกไว้
ความพยายามที่จะรักษาคุณภาพของอาหารให้ได้มาตรฐานสม่ำเสมอนี้ แม้จะถูกยอมรับว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของแมคโดนัลด์'ส
แต่ก็จะกลายเป็นข้ออ่อนได้เหมือนกันเมื่อแมคโดนัลด์'ส ไปตั้งสาขาในต่างประเทศ
เพราะการต้องนำเข้าวัตถุดิบที่ไม่มีการผลิตหรือถ้ามีก็อาจจะไม่ได้คุณภาพตามเกณฑ์ในประเทศที่แมคโดนัลด์'ส
ไปเปิดสาขานั้น ก็จะถูกต่อต้านว่าเอาเปรียบประเทศนั้นได้ง่ายๆ
ที่จริงในเมืองไทยก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงประเด็นนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งไม่เฉพาะแต่แมคโดนัลด์'ส
เท่านั้น กิจการ FAST FOOD ของต่างประเทศที่เข้ามาเปิดสาขาล้วนโดนมาแล้วทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นผู้มีประสบการณ์ยาวนานในการเปิดสาขาต่างประเทศอย่างแมคโดนัลด์'ส
จึงไม่ลืมอย่างเด็ดขาดที่จะประกาศพร้อมๆ กับการเปิดตัวว่า แมคโดนัลด์'ส
มีนโยบายการใช้วัตถุดิบต่างๆ ภายในประเทศเพื่อส่งเสริมธุรกิจภายในประเทศให้เติบโตไปพร้อมๆ
กับแมคโดนัลด์'ส ด้วย อย่างเช่น มันพันธุ์ RUSSETT ก็ได้ทดลองปลูกไปแล้วทางภาคเหนือของไทย
ส่วนเนื้อวัวก็ได้เริ่มสั่งวัวพันธุ์ที่ต้องการเข้ามาทดลองเลี้ยงในประเทศไทยแล้วเช่นกัน
แต่ก็คงต้องใช้เวลาทดลองและขยายพันธุ์อีกหลายปี ในเฉพาะหน้านี้วัตถุดิบหลักๆ
จึงต้องอาศัยการนำเข้ามาพลางๆ ก่อน ซึ่งสำหรับเนื้อแฮมเบอร์เกอร์จะถูกนำเข้ามาจากออสเตรเลียในสภาพที่สำเร็จรูปภายใต้การแช่แข็งในอุณหภูมิ
0 ฟาเรนไฮต์ (ไม่ใช่เซลเซียส)เรียกกันว่าแข็งขนาดขว้างหัวแตกกันละ
เนื้อแฮมเบอร์เกอร์ที่ว่านี้ปรุงด้วยสูตรพิเศษจากโรงงานของแมคโดนัลด์'ส
โดยตรงซึ่งในภูมิภาคเอเชียโรงงานตั้งอยู่ที่ออสเตรเลีย เป็นเนื้อที่มีรสชาติติดอกติดใจนักกินมาก
จนเกิดคำล้อเลียนขึ้นว่า คนชั้นกลางอเมริกันนั้นไม่ตั้งความหวังอะไรมากมาย
ขอบิ๊กแมคสักก้อนกับโค้กอีกแก้วก็พอใจแล้วในชีวิต
ส่วนคนไทยจะติดอกติดใจเหมือนกับคนอเมริกันและคนอีกหลายๆ ประเทศที่ผ่านร้านแมคโดนัลด์'ส
มาแล้วหรือไม่นั้นก็คงจะได้ทราบผลกันคราวนี้แหละ
เรื่องความสะอาดและสุขอนามัยของร้านแมคโดนัลด์'ส ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่เด่นอย่างน่าสนใจ
และถ้ามองกันให้ดีๆ แล้วจะเป็นจุดขายที่ลูกค้าทุกวัยจะต้องประทับใจอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะน่าจะประทับใจมากกว่าร้าน FAST FOOD ยี่ห้ออื่นๆ ที่เปิดไปแล้วในบ้านเรา
ร้านแมคโดนัลด์'ส จัดมุมที่นั่งไว้เป็นมุมต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้า
คือมีมุมสำหรับเด็กมุมที่ห้ามสูบบุรี่และมุมที่สูบบุรี่ ได้ซึ่งทำให้แมคโดนัลด์'
ส เป็นร้าน FAST FOOD สำหรับทุกคนในครอบครัวตั้งแต่เด็กเล็ก วัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่จริงๆ
ไม่ใช่ร้านสำหรับวัยรุ่นจะเข้าไปนั่งพ่นควันบุรี่ฟุ้งกระจายเต็มห้องเพียงกลุ่มเดียวอย่างที่มากจะพบเห็นกันทั่วไปและผู้ใหญ่ตลอดจนคนไม่สูบบุรี่
เข็ดขยาดมานักต่อนักแล้วนั้น
เดช บุลสุข บอกกับ "ผู้จัดการ" ว่า เพื่อขจัดควันและกลิ่นทุกชนิดรวมทั้งควันและกลิ่นจากครัวซึ่งเป็นระบบครัวเปิดจะต้องมีควันและกลิ่นออกมารบกวนลูกค้าอย่างแน่นอนนั้น
แมคไทยได้ลงทุนติดตั้งเครื่องปรับอากาศชนิดพิเศษ ที่ดูดเอาควันและกลิ่นออกไปเป็นเงินหลายล้านบาท
ซึ่งถ้าว่าไปแล้วก็ไม่แพงเลย เพราะแมคโดนัลด์'ส จะได้ลูกค้าอีกหลายกลุ่มตอบแทนกลับมา
และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อเสียด้วย
ระบบการสั่งอาหารและส่งผ่านออเดอร์ของลูกค้าแต่ละรายไปในห้องครัวซึ่งเป็นบริการที่นับว่าสะดวกและรวดเร็วนั้น
ก็เป็นจุดเด่นที่สำคัญอีกประการหนึ่ง แมคโดนัลด์'ส ได้ใช้วิทยาการด้านคอมพิวเตอร์
เข้าช่วยทั้งระบบ คือหน้าที่เคาน์เตอร์นอกจากจะมีพนักงานหลายสิบคนคอยรับคำสั่งแล้วก็ยังมีเครื่อง
PANASONIC2P.O.S. SYSTEM ของเนชั่นแนลอยู่นับสิบเครื่องด้วยเช่นกัน
เครื่องมือดังกล่าวจะรับคำสั่งจากลูกค้า ด้วยการกดปุ่มไปตามรายการอาหารและเครื่องดื่มบนแป้น
จากนั้นคำสั่งจะถูกส่งผ่านไปที่ครัวโดยอัตโนมัติ และเมื่ออาหารจะถูกส่งลงท่อมาที่เคาน์เตอร์
พนักงานก็จะกดปุ่มให้เครื่องคำนวณราคารวมที่ลูกค้าจะต้องจ่ายเงิน
กระบวนการทั้งหมดนี้จะใช้เวลาอย่างมากไม่เกิน 5 นาที นับว่าสะดวกและรวดเร็วมากสมกับคำว่า
FAST FOOD
สำหรับผู้ที่เคยสัมผัสกับแมคโดนัลด์'ส มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐฯ หรือที่อื่นๆ
ก็มักจะมีความเห็นที่คล้ายคลึงกันว่า ไม่ต้องเป็นห่วงแมคโดนัลด์' ส หรอก
ควรจะต้องเป็นห่วงคู่แข่งของแมคโดนัลด์' ส ทั้งหลายเสียมากกว่า เพราะแมคโดนัลด์'ส
นั้น ตลอด 29 ปี ยังไม่เคยปรากฏว่าจะมีสาขาใดที่ไม่ประสบความสำเร็จ
สำหรับเดช บุลสุข เขาบอกกับ "ผู้จัดการ" เมื่อวันแรกที่เปิดร้านด้วยความเชื่อมั่นทำนองนี้เช่นกัน
เพียงแต่เขายังคาดหมายไม่ถูกเท่านั้น ว่าแมคโดนัลด์'ส สาขาแรกที่เขาลงทุนไปแล้วจะเป็นที่นิยมของคนไทยมากน้อยแค่ไหน
เดชกล่าวว่า เขาตั้งเป้าว่าจะขายได้สักวันอย่างน้อย 100,000 บาท ซึ่งหนึ่งปีจะเป็นเงินเท่าไร
ก็ลองคูณเอาดูก็แล้วกัน
ร้านแมคโดนัลด์'ส ถึงวันนี้ก็เปิดมาได้หลายเดือนแล้ว ซึ่งก็เป็นหลายเดือนที่เดชและผู้ถือหุ้นแมคไทยหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
แมคโดนัลด์'ส ยังไม่มีวันไหนที่ไทยได้ต่ำกว่า 100,000 บาท ตามเป้าที่วางไว้
และโดยเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์นั้นจะขายได้ถึง 300,000 - 400,000 บาท
ทีเดียว