|
จีน: มังกรท่องโลก
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กรกฎาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
นักท่องเที่ยวชาวจีนกำลังประกาศศักดาและความร่ำรวยของจีนให้ระบือไกลไปทั่วโลก
แต่ไหนแต่ไรมา การท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ควบคู่ไปกับความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร นอกเหนือไปจากกองทัพและพ่อค้าวาณิช อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน ต่างส่งประชาชนของตนออกไปท่องเที่ยวชมความมหัศจรรย์ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก เปรียบเหมือนเป็น “โฆษณาเดินได้” ที่ช่วยโฆษณาความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งของอาณาจักร มาตั้งแต่ยุคอาณาจักรกรีกและโรมัน จนถึงสมัย Victoria ของอังกฤษ ซึ่งจะพบนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษตามแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วโลก ตั้งแต่พีระมิดจนถึงยอดเขา Mont Blanc มาถึงยุคนักท่องเที่ยวอเมริกันและญี่ปุ่น ที่สะพายกล้องท่องโลกอย่างเปี่ยมสุข พวกเขาล้วนแล้ว แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความกินดีอยู่ดีและความร่ำรวยของประเทศของตน
มาถึงยุคนี้ที่เรียกว่าเป็นศตวรรษของจีน อีกทั้งเศรษฐกิจโลกยังเพิ่งโผล่ขึ้นจากภาวะถดถอย ทำให้นักท่องเที่ยวจากจีนกลายเป็นหัวหอกในการนำโลกเข้าสู่ยุคแห่งการท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยกันอย่างสนุกมืออีกครั้ง โดยที่ไม่มีพรมแดนอะไร ทั้งทางกายภาพหรือทางจิตใจ ที่จะมาขวางกั้นได้
เพียงเมื่อ 20 ปีก่อน ชาวจีนแผ่นดินใหญ่แทบไม่เคยได้ย่างกรายไปเที่ยวในประเทศใดเลย นอกจากเพราะประชากรจีนส่วนใหญ่ยังคงยากจนแล้ว ยังเป็นเพราะรัฐบาลจีนควบคุมการเดินทางออกนอกประเทศอย่างเข้มงวด แต่จีนเปลี่ยนแปลงไปแล้ว รัฐบาลจีนกำหนดเทศกาลวันหยุดประจำปีที่เรียกว่า “สัปดาห์ทอง” 3 สัปดาห์เต็มตั้งแต่ปี 1999 และได้ผ่อนคลายการควบคุมการเดินทางไปต่างประเทศ โดยเริ่มที่ชาติเพื่อนบ้านไปเอเชีย ก่อนจะขยายไปยังตะวันออกกลาง จนถึงยุโรปในช่วงปี 2002-2004 และสุดท้ายคือสหรัฐฯ ในปี 2007 ที่สำคัญที่สุดคือ การที่จีนร่ำรวยขึ้นและการขยายตัวของชนชั้นกลาง ทำให้การท่องเที่ยวของจีนขยายตัวตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
ตัวเลขของสถาบันด้านการท่องเที่ยวของจีนคาดว่า จะมีชาวจีนมากถึง 54 ล้านคนที่จะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศในปีนี้ เพิ่มจาก 47.6 ล้านคนเมื่อปี 2009 และจากเพียง 10.5 ล้านคนเมื่อปี 2000 และเนื่องจากเอเชียฟื้นตัวเร็วจากวิกฤติการเงินเมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ในขณะที่การท่องเที่ยวทั่วโลกตกลง 4% ในปีที่แล้ว แต่การท่องเที่ยวภายในเอเชียกลับเพิ่มขึ้น 2% ในปีเดียวกันนั้น โดยเป็นนักท่องเที่ยวจากจีนมากที่สุด และคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นต่อไป ขณะนี้ชาวจีนที่ออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศมีสัดส่วนเพียง 4% ของประชากรจีนทั้งหมด แต่นั่นก็เทียบได้กับจำนวนชาวญี่ปุ่น ที่ออกเที่ยวต่างประเทศในช่วงทศวรรษ 1980 และชาวเกาหลีใต้ที่เที่ยวต่างประเทศในช่วงทศวรรษ 1990 แล้ว แต่อัตราการเติบโตของการท่องเที่ยวต่างประเทศของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15% เท่านั้น ในขณะที่การท่องเที่ยวต่างประเทศของจีน เติบโตเฉลี่ยถึง 22% ต่อปีมาตั้งแต่ปี 2000 และคาดว่าภายในปี 2020 นักท่องเที่ยวชาวจีนจะเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศถึง 100 ล้านครั้ง ซึ่งจะทำให้จีนกลายเป็นตลาดการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
75% ของนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเที่ยวฮ่องกงและมาเก๊า ส่วนที่เหลืออีก 25% นั้น ครึ่งหนึ่งนิยมเที่ยวเอเชีย อีก 10% ไปเที่ยวไกลถึงยุโรปหรือสหรัฐฯ นักท่องเที่ยวจากจีนกลายเป็นตลาดนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ใหญ่อันดับ 2 ของสิงคโปร์ (รองจากอินโดนีเซีย) เนปาล (รองจากอินเดีย) และไต้หวัน (รองจากญี่ปุ่น แต่จีนกำลังจะแซงหน้าญี่ปุ่น กลายเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ อันดับหนึ่งของไต้หวันในปีนี้) แต่สำหรับเวียดนาม มาเก๊าและฮ่องกงแล้ว นักท่องเที่ยวจีนคือตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใหญ่ที่สุด ในปีที่แล้ว ฮ่องกงได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากจีนถึง 18 ล้านคน หรือมากกว่าประชากรฮ่องกงกว่า 2 เท่าตัว
ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทย ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีนเช่นกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่า นักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มสนใจไปเที่ยวไกลๆ อย่างยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศส ซึ่งชาวจีนบอกว่าอยากไปมากเป็นพิเศษ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ไปเที่ยว อังกฤษ ก็พุ่งขึ้นถึง 33% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สมาคมท่องเที่ยวของสหรัฐฯ บอกว่านักท่องเที่ยวจากจีนเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ ที่ไปเที่ยวอเมริกามากขึ้นในปี 2009 และคาดว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะไปเที่ยวสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีก จาก 5 แสนคนในปีที่แล้ว เป็น 795,000 คนในปี 2013
บรรดาธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ กำลังแข่งกันดึงนักท่องเที่ยวน้องใหม่กระเป๋าหนักอย่างจีน เพราะสิ่งที่นักท่องเที่ยว จีนนิยมทำมากที่สุดอย่างหนึ่งคือการชอปปิ้งและการเล่นพนัน นักท่องเที่ยวจีนใช้เงินเฉลี่ย 1,000 ดอลลาร์ต่อคนในการชอปปิ้งในอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นถึง 83% เมื่อเทียบกับปี 2008 และยังจ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวจากรัสเซียและญี่ปุ่นในฝรั่งเศส นักท่องเที่ยวจีนยังเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จ่ายหนักที่สุดในสหรัฐฯ หรือเฉลี่ย 7,200 ดอลลาร์ต่อคนต่อการเดินทางในฮ่องกง นักท่องเที่ยวจีนจ่ายเงินชอปปิ้งมากกว่านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นถึง 80% ชาวจีนชอบซื้อเครื่องสำอางและสินค้าหรูๆ นาฬิกา Rolex, สินค้าแฟชั่นอย่าง Burberry, Gucci, Louis Vuitton และ Chanel เพราะซื้อเมืองนอกถูกกว่าซื้อในจีนมาก เนื่องจากต้องเสียภาษีนำเข้าแพง และยังไม่ต้องกลัวว่าจะเจอของปลอม เหมือนกับในประเทศของตัวเองอีกด้วย
ห้างหรูๆ อย่าง Printemps ในกรุงปารีสลงทุนจ้างพนักงาน ที่พูดภาษาจีนได้ Galeries Lafayette บอกว่า นักท่องเที่ยวจากจีนเป็นลูกค้าอันดับ 1 ของห้างแซงหน้าญี่ปุ่นไปแล้ว แบรนด์หรูๆ อย่าง Cartier ลงทุนจัดปาร์ตี้หรูส่วนตัวสำหรับกรุ๊ปทัวร์จากจีนโดยเฉพาะบรรดาร้านค้าต่างๆ ช่วยบริษัทท่องเที่ยวของจีนจองโรงแรมและภัตตาคาร แลกกับการให้พานักท่องเที่ยวจีนไปชอปยังห้างร้านของพวกเขา ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัททัวร์ของจีนทำกำไรอย่างงาม จากการส่งกรุ๊ปทัวร์จีนไปชอปยังห้างร้านที่ตกลงกันไว้ แลกกับการได้ส่วนลด
ในมาเลเซีย เวียดนามและมาเก๊า ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนถึงครึ่งหนึ่งบอกว่า “ความบันเทิง” คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ การสร้างบ่อนกาสิโนกำลังผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว สิงคโปร์ หนึ่งที่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน ถึงกับยอมยกเลิกการห้ามสร้างบ่อนกาสิโนที่ใช้มานาน 40 ปี
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวชาวจีนมักถูกบ่นว่าเรื่องมารยาท เวียดนามซึ่งเคยมีความหลังที่เจ็บปวดประวัติศาสตร์จากการทำสงครามกับจีน บ่นว่านักท่องเที่ยวจีนชอบดูถูกพวกเขาว่าล้าหลัง แต่ในฮ่องกงและสิงคโปร์กลับตรงกันข้าม นักท่องเที่ยวจากจีนมักถูกดูถูกว่าเป็นพวกบ้านนอก ที่ไม่รู้จักมารยาทสังคม สื่อในฮ่องกงมักประจานนักท่องเที่ยวจีนด้วยรูป เช่นการปล่อยให้เด็กๆ ปัสสาวะกลางที่ชุมชน การเดินเท้าเปล่าที่ Hong Kong Disneyland ในวันเปิดสวนสนุกแห่งนั้นเมื่อปี 2005 หนังสือพิมพ์ Straits Times ของสิงคโปร์ เคยเขียนบทความในปีเดียวกันนั้นชื่อ “The Rise of the Ugly China Tourist” ดูถูกนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นคนเสียงดัง หยาบคาย และไร้มารยาท
รัฐบาลจีนไม่ได้ละเลยเสียงบ่นว่าเรื่องมารยาทของคนจีน หลังจากเหตุการณ์ที่ Hong Kong Disneyland คราวนั้น สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนเตือนชาวจีนไม่ให้ถ่มน้ำลาย ทานอาหาร เสียงดัง หรือแซงคิว เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ ในปี 2006 การท่องเที่ยวจีนและหน่วยงานด้านอารยธรรมของจีนออกคู่มือสิ่งที่ควรทำ (สุภาพ, เข้าแถว, ให้เกียรติสุภาพสตรี) และไม่ควรทำ (ทิ้งขยะเรี่ยราด ถอดถุงเท้าในที่ชุมชน ต่อราคาในห้าง) เวลาไปท่องเที่ยวต่างประเทศ รัฐบาลจีนเกรงว่า มารยาทที่ไม่งามของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะทำให้ภาพลักษณ์การเป็นมหาอำนาจของจีนมัวหมองลงไป
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนยังคงสองจิตสองใจกับการยอมให้ประชาชนของตนได้ท่องเที่ยวในประเทศอื่นๆ อย่างอิสรเสรี ในด้านหนึ่ง นักท่องเที่ยวชาวจีนในต่างประเทศ คือการโชว์อำนาจการใช้จ่ายของจีนได้อย่างดี แต่รัฐบาลจีนก็ยังกลัวว่าจะทำให้ชาวจีนได้สัมผัสกับวัฒนธรรมและความคิดแบบต่างชาติ ที่อาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของจีน คู่มือท่องเที่ยวต่างประเทศที่จัดทำโดยรัฐบาลจีน บางเล่มมีการเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเปิดเผยความลับของชาติ และให้ระวังการติดต่อกับชาวต่างชาติ โดยเฉพาะการถกเถียงเรื่องการเมือง แต่จีนคงจะควบคุมการติดต่อระหว่างคนจีนกับชาวต่างชาติได้ยากมากขึ้น หลังจากที่ชาวจีนมองเห็นการท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นกิจกรรมยามว่างไปเสียแล้ว นักท่องเที่ยวจากจีนคงจะเปลี่ยนแปลงโลกทั้งโลกตลอด 10 ปีต่อจากนี้ และโลกก็อาจจะเปลี่ยนแปลงชาวจีนไปด้วยเช่นกัน
แปล/เรียบเรียง เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
เรื่อง นิวสวีค
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|