“โชคลาภวาสนาเหมือนลมที่พัดผ่านตัวเราไปเพียงชั่วครู่ชั่วยาม แต่เคราะห์กรรมภัยวิบัติเหมือนพายุฝนที่เมื่อมาแล้วมักจะอยู่กับเรานานจนเกินไป”
บุญชู โรจนเสถียร ไม่มีน้ำยาแล้วหรือ?
คำถามนี้ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ทุกคนอยากจะได้คำตอบ แม้ส่วนใหญ่จะคิดว่าตัวเองรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม!
แต่ก่อนจะตอบออกมาก็น่าจะรู้เสียก่อนว่า คนอย่างบุญชู มีคุณสมบัติพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง
ซึ่งถ้าเราจะมองชีวิตเขาตั้งแต่ปฐมวัยจนปัจจุบัน เราจะไม่พูดว่าเขามีประวัติอะไรตามใบปลิวเถื่อนที่กล่าวโจมตีเขา
แต่เราพอจะสรุปได้ว่า เขาเป็นนักสู้คนหนึ่ง!
จากลักษณะการทำงานและจากจุดยืนที่เขามีอยู่ พอจะสรุปได้ว่า ทุกวันนี้เขาไม่ได้มีความท้อแท้ใจในการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย!
นอกจากวิญญาณของการต่อสู้ที่ยังคงมีอยู่แล้ว บุญชูยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่หาได้ยากในคนระดับเขา
ความอดทน!
เขาเป็นมนุษย์ที่มีความอดทนอย่างสูง! ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา บุญชูเปรียบเสมือนเรือที่เจอแต่มรสุมใหญ่ๆ
มาตลอด แต่เรือลำนี้ก็พร้อมที่จะโต้คลื่นต่อไป เพียงแต่รอให้โอกาสคลื่นลมสงบลงบ้างเท่านั้นเอง
เพราะเขาเองมักจะพูดให้กำลังใจคนอื่นเสมอว่า “ถ้าชีวิตยังมีความหวังก็ต้องอดทนสู้ต่อไป”
และบุญชูเป็นคนรอได้!
ตั้งแต่เด็กแล้วที่เขาต้องสู้เพราะไม่มีฐานะอะไรนอกจากเป็นลูกผู้รับเหมาจีนจนๆ
คนหนึ่ง เขาก็อดทนและรอจนได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วทำไมเขาจะอดทนรอต่อไปไม่ได้!
เส้นทางเดินข้างหน้าสำหรับบุญชูแล้วจะมีอุปสรรคขวางกั้นเขาก็อยู่ที่ระยะเวลาซึ่งเขามีอีกไม่มากเท่านั้น
บทพิสูจน์ของการเป็นผู้นำมักจะอยู่ที่ความอดทนอดกลั้น ว่ากันว่า คนเราจะทำงานใหญ่ได้แค่ไหน
ก็ต้องดูว่าคนนั้นมีความอดกลั้นไม่มากและนานเท่าใด?
อย่าลืมว่า เติ้ง เสี่ยว ผิง ต้องอดกลั้นกับความอัปยศขมขื่นจากการปฏิวัติวัฒนธรรมมากว่าหนึ่งทศวรรษ
คนที่มีความอดทนอดกลั้นเป็นอย่างสูงและยังรอได้น่าจะเป็นคนที่มีน้ำยาเอามากๆ
ทีเดียว!!