|
TTAขายเงินลงทุนเรือขุดเจาะKM-1
ASTVผู้จัดการรายวัน(23 มิถุนายน 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA แจ้งการขายเงินลงทุนในโครงการเรือขุดเจาะ KM-1โดยบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ เมอร์เมด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นโดยบริษัทฯ 57.14 %
โดยบริษัท เมอร์เมด ดริลลิ่งค์ (สิงคโปร์) พีทีอี แอลทีดี (MDS) เป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้นโดยเมอร์เมด 100 % ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายเงินลงทุนทั้งหมดของ MDS ลงวันที่ 21 มิถุนายน 53 ในสามบริษัท ได้แก่ เมอร์เมด เคนชาน่า ริก 1 พีทีอี แอลทีดี (MKR-1) เมอร์เมด เคนชาน่า ริก (ลาบวน) พีทีอี แอลทีดี ( MKRL ) และเคนชาน่า เมอร์เมด ดริลลิ่งค์ เอสดีเอ็น บีเอชดี ( KMD ) รวมเรียกว่า " กลุ่มบริษัทเป้าหมาย " ซึ่งผลของการขายเงินลงทุนทั้งหมดของ MDS ( รวมเรียกว่า " รายการขาย " ) ในกลุ่มบริษัทเป้าหมายนี้ทำให้เป็นการขายเงินลงทุนในโครงการเรือขุดเจาะ KM-1 ด้วย
ปัจจุบัน MKR-1 และ MKRL เป็นบริษัทย่อยที่ MDS ถือหุ้น 75% และ KMD เป็นบริษัทร่วมที่ MDS ถือหุ้น 40 % ซึ่งหลังจากการขายเสร็จสิ้นบริษัท MKR-1, MKRL จะไม่เป็นบริษัทย่อยของ MDS และ KMD จะไม่เป็นบริษัทร่วมของ MDS อีกต่อไป
ขณะที่ TTA ชี้แจงว่าเมอร์เมดได้ทบทวนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อที่จะพัฒนาผลกำไรโดยรวมและผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระยะที่ยาวมากขึ้นโครงการเรือขุดเจาะ KM-1 ที่ล่าช้าได้ถูกนำมาพิจารณา โดยได้พิจารณาถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หากว่าโครงการนี้ยังคงดำเนินการต่อไปภายใต้ข้อตกลงในปัจจุบัน เช่น เงื่อนไขต่างๆในสัญญา การขยายสัญญาว่าจ้างของปิโตรนาส ต้นทุนที่วิ่งสูงขึ้นและอื่น ๆ และได้เปรียบเทียบลู่ทางในแก้ปัญหาอื่นๆ ซึ่งแนวทางในการปฏิบัติที่ดีที่สุดที่จะบรรเทาความเสียหายให้ลดลง คือการเจรจากับผู้ถือหุ้นร่วม (co-shareholders) (KPV) อย่างเป็นมิตร เพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดเงินที่ได้จากการขายเงินลงทุน โดย MDS รวมไปถึงการชำระคืนหนี้ระหว่างกันที่เป็นหนี้ต่อ MDS และบริษัทย่อยอื่น ๆ ของเมอร์เมดคาดว่าจะเสร็จสิ้นไม่เกินวันที่ 15 ส.ค. 53 และหลังจากนั้นจะนำเงินที่ได้นี้ไปใช้ในในการทำธุรกิจอื่น ๆ
โดยบริษัทจะได้รับผลตอบแทนจากการขายเงินลงทุนในกลุ่มเป้าหมายทั้งสิ้น 43.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและ KPV ได้ตกลงที่จะจ่ายเงิน 22.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ MDS เพื่อชำระหนี้ที่กลุ่มบริษัทเป้าหมายยังคงค้างชำระ MDS และบริษัทย่อยอื่นๆของเมอร์เมด ส่วน MDS คาดว่าจะได้รับจากรายการขายทั้งสิ้น 66.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คือ เงินที่ขายหุ้นของกลุ่มบริษัทเป้าหมาย หรือ 2,149,182,000 บาทให้กับ MDS ซึ่งมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นในกลุ่มบริษัทเป้าหมายต่างๆ ที่ MDS ถืออยู่นั้นเป็นต้นทุนที่ MDS ไปลงทุนไว้ เนื่องจาก MDS ได้ลงทุนตามมูลค่าที่ตราไว้ ของหุ้นในแต่ละบริษัทเป้าหมาย และเมอร์เมดเห็นว่า เงินที่ได้รับจากการขายเงินลงทุนและเงินที่จะได้รับจากการชำระหนี้โดย KPV แทนกลุ่มบริษัทเป้าหมายนั้นเป็นสิ่งที่ได้ลดความ เสี่ยงทางธุรกิจ โดยเปิดโอกาสในการออกจากโครงการเรือขุดเจาะ KM-1 ซึ่งเงินที่จะได้รับจากการขายเงินลงทุนและที่จะได้รับจากการชำระหนี้โดย KPV จะเป็นเงินสด และขึ้นกับเงื่อนไขบางประการที่กำหนดไว้ในสัญญา
อนึ่ง ผู้ซื้อเงินลงทุนในกลุ่มบริษัทเป้าหมาย คือ บริษัท เคนชาน่า ปิโตรเลียม เวนเจอร์ส เอสดีเอ็น บีเอชดี (KPV) KPV จัดตั้งขึ้นที่มาเลเซียเมื่อ 5 ก.ย.50 และเป็นบริษัทย่อยของ เคนชาน่า ปิโตรเลียม เบอร์แฮด (KPB) ซึ่ง KPV ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้น ( holding company ) เพื่อลงทุนในธุรกิจเรือขุดเจาะและบริการที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะใอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง KPV เป็นเจ้าของร่วมกับ เคนชาน่าเอชแอล เอสดีเอ็น บีเอชดี (KHL) ซึ่งเป็นผู้สร้างเรือขุดเจาะ KM-1 เนื่องจาก KHL มีบ.ย่อยที่ถือหุ้นโดย KPB 100%
ขณะที่ผู้ขายของกลุ่มบริษัทเป้าหมาย คือ MDS ซึ่ง MDS เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์เมื่อ 27ก.พ.50 และเป็นบริษัทย่อยที่เมอร์เมดถือหุ้น 100% ลักษณะการประกอบธุรกิจของ MDS คือเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้น เพื่อการลงทุนในธุรกิจเรือขุดเจาะและบริการที่เกี่ยวข้องกับการขุดเจาะในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง
ขณะที่ MKR-1 จัดตั้งขึ้นเมื่อ 27 ก.ย. 50 ในสิงคโปร์ มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว68 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง MDSถือหุ้นใน MKR-1 คือ 1 ล้านหุ้น หรือ 75 % ของทุนชำระแล้วที่เหลืออีก 25 % ใน MKR-1 ถือหุ้นโดย KPV 17 ล้านหุ้น
ส่วน KMD ตั้งขึ้นเมื่อ 26 ก.ย. 50 ในมาเลเซีย มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 1แสน ริงกิตมาเลเซีย โดย MDS ถือหุ้น 4 หมื่นหุ้น คิดเป็น 40 % ของทุนชำระแล้วที่เหลืออีก 60 % ใน KMD ถือหุ้นโดย KPV 6 หมื่นหุ้นและ MKRL จัดตั้งขึ้นเมื่อ 11 พ.ค. 52 ในลาบวน มาเลเซีย มีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 4 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง MDS ถือหุ้น 3 หุ้นใน MKRL 75 % ของทุนชำระแล้วและที่เหลืออีก 25 % ใน MKRL ถือหุ้นโดย KPV 1 หุ้น หลังจากรายการขายเสร็จสิ้นลงแล้ว กลุ่มบริษัทเป้าหมายจะกลายเป็นบริษัทย่อยของ KPV ที่ถือหุ้นโดย KPV 100%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|