บล.กสิกรฯรุกเพิ่มสาขาดันแชร์โต4%


ASTVผู้จัดการรายวัน(22 มิถุนายน 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

นางสาวณัฐรินทร์ ตาลทอง ประธานกรรมการบริหาร บล.กสิกรไทย กล่าวว่าแผนขยายสาขาใหม่นี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะผลักดันยอดบัญชีลูกค้าของบริษัทให้เติบโตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่ 13,000 บัญชี เป็น 22,000 บัญชีภายในสิ้นปีนี้ เฉลี่ยคิดเป็น 500 บัญชี/สาขาใหม่ อีกทั้งจะช่วยผลักดันเป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์)ของบริษัทให้ถึง 4%ตามเป้าจากปัจจุบัน ณ ในเดือนมิถุนายนอยู่ที่ประมาณ 3.95% แล้ว

" เราเชื่อว่าสาขาที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนที่ผ่านมาจะช่วยให้ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งมีรายได้ประมาณ 750 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 220 กว่าล้านบาทได้ โดยในช่วง 1- 2เดือนที่ผ่านมาจากสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯนั้น เราขอยืนยันว่าไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เห็นได้จากวอลุ่มเทรดเมื่อเดือนที่ผ่านมา และเดินนี้ยังเติบโตในระดับสูง ขณะที่อัตราการเทรดผ่านะบบอินเทอร์เนต ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญของบริษัทก็เติบโตขึ้นอยู่ที่ 17% "

พร้อมกันนี้ผู้บริหารใหญ่ของ บล.กสิกรไทย ยังกล่าวยืนยันว่า หากแม้ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะไม่เอื้ออำนวยหรือสร้างความน่าสนใจต่อนักลงทุนได้มากนัก เรื่องนี้ก็ไม่มีผลต่อต้นทุนค่าใช้จ่ายของสาขาของบริษัท เนื่องสินค้าที่นำมานำเสนอให้ลูกค้านั้น ไม่ได้มุ่งเน้นแต่การลงทุนในหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว บริษัทยังมีสินค้าอื่นของเครือกสิกรไทยมานำเสนอให้ลูกค้า เลือกลงทุนให้เหมาะสมกับสภาพการ เช่น ตราสารนี้ กองทุนรวมฯ เป็นต้น

สำหรับการปิดสาขาใหม่ของบล.กสิกรไทยในครั้งนี้ เป็นไปตามแผน KS Jump Forward ที่มุ่งขยายสาขาไปกับธนาคารแม่ ที่มีโอกาสและศักยภาพในการทำตลาด เพื่อตอบโจทย์คอนเซ็ปต์ KS More ..REACH หรือการเพิ่มช่องทางให้บริการด้านการลงทุนในหลักทรัพย์อย่างครบวงจรและเข้าถึงลูกค้ามากที่สุด

โดยกลยุทธ์ที่จะผลักดันให้แผนนี้ประสบความสำเร็จ คือ อาศัยความแข็งแกร่งของการทำงานร่วมกันกับบริษัทในเครือ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการทางการเงินการลงทุนแบบครบวงจร และเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ไปยังลูกค้าในเครือของธนาคาร ที่มาใช้บริการสาขาและมีความต้องการด้านการลงทุนเพิ่มเติม

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานการจัดงานเงินลงทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ ( บล. ) กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS กล่าวถึงแนวโน้มตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ว่าดัชนีหุ้นมีโอกาสที่จะขึ้นไปถึงระดับ 810 – 820 จุด จากมุมมองว่าวิกฤตการเงินในยุโรปน่าจะดีขึ้น ขณะที่กระแสเงินลงทุนยังมีให้เห็นอยู่ อย่างไรก็ตามในช่วงสิงหาคม -กันยายน ดัชนีหุ้นไทยอาจปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 700-720 จุด จากผลประกอบการไตรมาสของบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศออกมาในลักษณะลดลง จนฉุดดัชนีตลาดหุ้นให้ปรับลดตามไปด้วย

" เรายังมองว่ายังมีโฟว์อยู่ ซึ่งแต่ก่อนยังแนะนำให้ลงทุนในหุ้นเพื่อรับข่าว เช่น กลุ่มพลังงาน รับเหมาก่อสร้าง แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนไปนักลงทุนควรมองหาหุ้นที่ไม่ลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจ นั่นคือหุ้นกลุ่มโรงพญาบาล โดยช่วงที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มโรงพญาบาลของไทยหลายตัวมีค่า P/E ลดลงเมื่อเทียบกับระดับภูมิภาค เช่น BH อย่างไรก็ภาพรวมแล้วในช่วงไตรมาส 4 ของปีหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ตามสัญญาฯการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส1/54 โดยคาดว่าช่วงปลายนี้น่าจะอยู่ที่ 910 จุดได้ "

นอกจากนี้ กรรมการผู้จัดการสายการจัดการเงินลงทุน บล.กสิกรไทย กล่าวเพิ่มเติม ให้นักลงทุนควรติดตามเรื่องสถานการณ์ค่าเงินหยวนของจีนให้ดี หากจีนยอมยืดหยุ่นค่าเงินสกุลหยวนของตนลง 3% จุดนี้จะมีต่อหุ้นที่ส่งออกสินค้าไปจีนและต่างประเทศ เช่น STA HANA SVI ที่จะได้รับผลดี และน่าลงทุน

ขณะเดียวกัน นายเผดิมภพ กล่าวถึง แผนงานของบริษัทว่า KS จะใช้เงินประมาณ 25 ล้านบาทเพื่อเปิดสาขาใหม่อีก 23 แห่งภายในเดือนกันยายนนี้ จากปัจจุบันนอกจากสำนักงานใหญ่อาคารกสิกรไทย ถนนพหลโยธินแล้ว บริษัทมีสาขาเพียงแห่งเดียวคือที่เสือป่า จุดนับเป็นการลงทุนขยายสาขาครั้งแรกในรอบ 5ปี

โดยการเพิ่มสาขาครั้งนี้ จะทำให้ บล.กสิกรไทย มีสาขามาที่สุดเป็นอันดับ 3 ในอุตสาหกรรมกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ด้วยกัน นอกเหนือจาก บล.คันทรี่ กรุ๊ป และบล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ที่มีสาขา 50 แห่งและ 42 แห่งตามลำดับ อีกทั้งสาขาใหม่ของบริษัทจะมีสองรูปแบบ รูปแบบแรก (K Investment Corner)ในกรุงเทพจะเป็นสาขาที่ตั้งอยู่ธนาคารกสิกรไทย เพื่อให้ลูกค้าของเครือกสิกรไทยได้รับความสะดวกสบายในบริการที่ครบครัน ประเดิมที่แรกคือ ธนบุรี ดาวคะนอง พัฒน์พงษ์ สมุทรปราการ

ขณะที่รูปแบบที่สอง (Business Service Center ) จะเป็นการเปิดสาขาในต่างจังหวัดที่แรกได้แก่ สาขาเชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นการตั้งสาขาที่แยกจากตัวธนาคารกสิกรไทย โดยตั้งอยู่ที่ชั้น 3 เซ็นทรัลพลาซ่า แอร์พอร์ต เริ่มเปิดให้บริการ 25 มิ.ย.นี้ ส่วนสาขาที่2ในต่างจังหวัดคือ สาขาพัทยา จะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี

"จากข้อมูลที่เราศึกษาพบว่า หากไม่นับรวมกทม.ที่มีปริมาณการเทรดสูงสุดแล้ว รองลงมาจะเป็น นนทบุรี สงขลา ชลบุรี และพัทยา ทำให้เรามีความสนใจที่จะเข้าไปเปิดสาขาเพิ่มเติมในจังหวัดเหล่านี้จึงเริ่มที่ภาคเหนือและตะวันออกของประเทศก่อน "

ทั้งนี้ บล.กสิกรไทยยืนยันว่า ในส่วนเจ้าหน้าที่การตลาดที่จะประจำในสาขาต่างของบริษัทนั้น จะผ่านการฝึกฝนและอบรมในด้านต่างเป็นอย่างดีจากสำนักงานใหญ่ก่อนเป็นเวลาร่วม 4- 5เดือน โดยปัจจุบันบริษัทมีมาร์เก็ตติ้งมืออาชีพ 110 คน และกำลังพัฒนาขึ้นมาอีก 30 คน โดยสิ้นปีตั้งเป้าจะมีทีมมาร์เก็ตติ้งสำหรับคอยให้บริการลูกค้าได้ถึง 200 คน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.