ตลาดอุปโภคบริโภคแข่งดุอัดโปรโมชั่นไตรมาส สี่ ผู้ประกอบการวางหมากดันยอดขาย
ตลาดแชมพูแข่งเดือด ยูนิลีเวอร์คู่ชกกรณีโฆษณาเปรียบเทียบกับพีแอนด์จี เปลี่ยนแนวรบแข่งในสนามอัดโปรโมชั่นคลีนิคและเฮดแอนด์โชว์เดอร์
ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ส่วนซันซิลอัดโปรโมชั่นแข่งแฟซ่า สหพัฒน์เร่ง สร้างแบรนด์ฟอร์มี
โหมทำแคมเปญกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง งานนี้พาเหรดยกทัพสินค้าแบรนด์ดังร่วมแคมเปญเพียบ
"ไลอ้อน"ประกาศไม่เดินเกมแข่งอัดโปรโมชั่น
จากการสำรวจของ"ผู้จัดการรายวัน"ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคตามโมเดิร์นเทรดในช่วงโค้ง
สุดท้ายก่อนที่บรรดาค่ายยักษ์ใหญ่ อุปโภคบริโภคจะปิดยอดขายพบว่า ขณะนี้ ตลาดแชมพูสระผมซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า
9,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่าตลาด 8,800 ล้านบาท เป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรงที่สุดตลาดหนึ่งในกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์
คลีนิค-เฮดแอนด์โชว์เดอร์รบในสนาม
จากการสำรวจช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด พบว่าคู่กรณี ระหว่างพีแอนด์จี และยูนิลีเวอร์
ที่มีเรื่องฟ้องร้องกันเกี่ยวกับภาพยนตร์โฆษณาไม่นานมานี้ได้เปลี่ยนแนวรบมาสู้ศึกในช่องทางจำหน่ายด้วยการอัดโปรโมชั่นที่เรียกได้ว่าเหมือนกันคือ
พีแอนด์จี จัดโปรโมชั่น ซื้อเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ขนาด 200 มล.แถมครีมนวดผม 100 มล.
ทางด้านคลีนิคเมื่อซื้อขนาด 200 มล.แถมครีมนวดผมขนาด 50 มล.เช่นกัน
ล่าสุด คลีนิค ได้รุกเปิดรับประกันความพึงพอใจในตัวสินค้าโดยยินดีคืนเงินให้สำหรับลูกค้าที่ไม่พึงพอใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
เช่นเดียวกับกลยุทธ์ที่ทางเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ของพีแอนด์จีโดยการเปิดศึกดังกล่าวนี้
ทำให้ตลาดแชมพูขจัดรังแคที่มีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท กลายเป็นตลาดที่น่าจับตามองมากตลาดหนึ่ง
เพราะว่าปัจจุบันทั้งสองค่ายเป็นคู่กรณีที่มีการฟ้อง ร้องกันในเรื่องของการทำภาพยนตร์โฆษณาเปรียบเทียบ
ปัจจุบันเฮดแอนด์โชว์เดอร์มีส่วนแบ่งตลาด7% ขณะที่คลีนิคมีส่วนแบ่งตลาด 14% มากกว่าเกือบเท่าตัว
ซันซิลปะทะแฟซ่าอัดโปรโมชั่น
ขณะที่ ตลาดแชมพูสระผมเพื่อความงามซึ่ง มีมูลค่าตลาด 4,500 ล้านบาท และถือว่าเป็นตลาด
ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีสัดส่วนถึง 67% ก็มีการแข่งขันในเรื่องของการทำโปรโมชั่นนี้เช่นกัน
โดยค่ายยูนิลีเวอร์ หลังจากที่ได้รีลอนช์แชมพูสระผมซันซิลครั้งใหญ่ไปแล้วเมื่อไม่นานนี้
จากการสำรวจตลาด พบว่าขณะนี้ค่ายดังกล่าวเร่งอัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายเป็นการใหญ่
โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ร่วมชิงโชค ทีวีสีซัมซุงจอแบน 21 นิ้ว จำนวน
54 เครื่อง หรือ ซื้อสินค้าครบ 180 บาท รับฟรีปลอกหมอน ทั้งนี้ เชื่อว่าการจัดแคมเปญดังกล่าวก็เพื่อกระตุ้นยอดขาย
และผลักดันให้ซันซิลมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 35% ซึ่งวางเป้าหมายไว้ในช่วงเวลา
6 เดือน จากที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 30%
ขณะที่ ค่ายคาโอ คอมเมอร์เชียล ซึ่งเป็นค่ายคู่กรณีที่สามารถดึงส่วนแบ่งตลาดของแชมพู
สระผมซันซิลไปได้ในช่วง 2-3 ปี ก็รุกตลาดอย่าง หนักเช่นกันเปิดตัวแคมเปญชนซันซิล
เมื่อซื้อแฟซ่าแถมครีมนวดผมในขนาดใหญ่ 1 ขวด โดย เป้าหมายในสิ้นปีนี้เพื่อมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น
12% จากเดิมมีส่วนแบ่ง 9%
ทั้งนี้ สิ้นปีเป้าหมายของค่ายยูนิลีเวอร์ที่เปิด เกมรุกในตลาดแชมพูอย่างหนัก
ก็เพื่อโกยรายได้ โดยรวมผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมทั้ง 4 แบรนด์ 4,500 ล้านบาท
และมีส่วนแบ่งในตลาด โดยรวม 50%
สหพัฒน์ทุ่มทุนดันฟอร์-มีเกิด
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล
จำกัด (มหาชน) เปิดเผย"ผู้จัดการรายวัน"ว่า ขณะนี้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปฟอร์-มี
ถือว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดบะหมี่สำเร็จรูป ดังนั้นบริษัทจึงต้องวางแผนที่จะสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
จึงได้จัดทำโปรโมชั่นต่อเนื่องจากแคมเปญก่อน โดย แคมเปญนี้เมื่อซื้อฟอร์-มี สามารถลุ้นรับคูปองส่วนลดสินค้า
อาทิ แอร์โร วาโก้ ชีเน่ เพี้ยซ สปีโด นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับปั๊มน้ำมันปตท.
ด้วยการจัดรายการส่งเสริมการขายเมื่อเติมน้ำมันตามเงื่อนไขที่กำหนดจะได้รับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ฟอร์-มี 1 ซอง
"การที่ฟอร์-มีเร่งอัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพราะว่าแบรนด์สินค้ามีปัญหา
แต่เรามีเป้าหมายที่จะสร้างแบรนด์มากกว่า ซึ่งการสร้าง แบรนด์ไม่ได้ทำเพียงแค่วันสองวันเท่านั้น
มันต้อง ใช้เวลาในการสร้างและใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย" นายบุญเกียรติ กล่าว
สำหรับปัจจุบันฟอร์-มี มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 3-5% ซึ่งเป้าหมายในการทำตลาดในปี
แรกนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด 5-10% จากมูลค่าตลาด 8,000-9,000 ล้านบาท
ไลอ้อนประกาศไม่เดินเกมแข่ง
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย
"ผู้จัดการรายวัน"ว่า ในช่วงไตรมาสสี่บริษัทคง จะดำเนินแผนการทำตลาดตามปกติ
โดยไม่มีแผนที่จะทำโปรโมชั่นแข่งเหมือนกับค่ายอื่นมากนัก ส่วนผลประกอบการสิ้นปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายที่
วางไว้จากเดิมคาดว่าจะโต 6% แต่สิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพียง 3% เท่านั้น เนื่องจากการแข่งขันในตลาดมีสูง
โดยเฉพาะการแข่งขันในเรื่องของการลดสินค้า ซึ่งพบมากในตลาดผงซักฟอกและน้ำยาล้างจาน
ประกอบกับการทำตลาดต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลังมีรายได้ลดลง เนื่องจาก ค่าเงินบาทตกเหลือเพียง
40 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับต้นปีค่าเงินบาท 43 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลประกอบการต่ำกว่า เป้าหมายที่วางไว้ แต่บริษัทก็พอใจ โดยพบว่าสินค้าที่สร้างรายได้หลัก
ในหมวดผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม 40% ในหมวดยาสีฟันและแปรงสีฟัน 10-20%
ขณะที่ เพอร์ซัลเนอร์แคร์ 10-20% และรายได้จากการส่งออก 10%
นายบุญฤทธิ์ กล่าวต่อถึงแผนการทำตลาด ในปีหน้า บริษัทจะเน้นการทำตลาดโดยไม่พึ่งมีเดีย
(Below The Line) เนื่องจากในปีนี้บริษัททุ่มงบในการใช้สื่อโฆษณาค่อนข้างมาก แต่
กลับไม่ได้ผล และแถมยังเป็นสื่อที่มีการลงทุนสูง ประกอบการแข่งขันในตลาดอุปโภคบริโภคมีความรุนแรง
ทำให้สินค้าภายในเครือที่ไม่ค่อยมีการพัฒนานวัตกรรมได้รับผลกระทบทางยอดขาย ดังนั้นในปีหน้านี้
บริษัทจะมีการวางแผนการ ทำตลาดให้มีความรอบคอบมากขึ้น และให้เม็ดเงินให้คุ้มค่า
รวมถึงพัฒนานวัตกรรมสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง