ลีเวอร์-P&Gงัดเกมรบลงสนามพักศึกโฆษณา


ผู้จัดการรายวัน(13 ตุลาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดอุปโภคบริโภคแข่งดุอัดโปรโมชั่นไตรมาส สี่ ผู้ประกอบการวางหมากดันยอดขาย ตลาดแชมพูแข่งเดือด ยูนิลีเวอร์คู่ชกกรณีโฆษณาเปรียบเทียบกับพีแอนด์จี เปลี่ยนแนวรบแข่งในสนามอัดโปรโมชั่นคลีนิคและเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง ส่วนซันซิลอัดโปรโมชั่นแข่งแฟซ่า สหพัฒน์เร่ง สร้างแบรนด์ฟอร์มี โหมทำแคมเปญกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง งานนี้พาเหรดยกทัพสินค้าแบรนด์ดังร่วมแคมเปญเพียบ "ไลอ้อน"ประกาศไม่เดินเกมแข่งอัดโปรโมชั่น

จากการสำรวจของ"ผู้จัดการรายวัน"ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคตามโมเดิร์นเทรดในช่วงโค้ง สุดท้ายก่อนที่บรรดาค่ายยักษ์ใหญ่ อุปโภคบริโภคจะปิดยอดขายพบว่า ขณะนี้ ตลาดแชมพูสระผมซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 9,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีมูลค่าตลาด 8,800 ล้านบาท เป็นตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรงที่สุดตลาดหนึ่งในกลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์

คลีนิค-เฮดแอนด์โชว์เดอร์รบในสนาม

จากการสำรวจช่องทางจำหน่ายโมเดิร์นเทรด พบว่าคู่กรณี ระหว่างพีแอนด์จี และยูนิลีเวอร์ ที่มีเรื่องฟ้องร้องกันเกี่ยวกับภาพยนตร์โฆษณาไม่นานมานี้ได้เปลี่ยนแนวรบมาสู้ศึกในช่องทางจำหน่ายด้วยการอัดโปรโมชั่นที่เรียกได้ว่าเหมือนกันคือ พีแอนด์จี จัดโปรโมชั่น ซื้อเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ขนาด 200 มล.แถมครีมนวดผม 100 มล. ทางด้านคลีนิคเมื่อซื้อขนาด 200 มล.แถมครีมนวดผมขนาด 50 มล.เช่นกัน

ล่าสุด คลีนิค ได้รุกเปิดรับประกันความพึงพอใจในตัวสินค้าโดยยินดีคืนเงินให้สำหรับลูกค้าที่ไม่พึงพอใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เช่นเดียวกับกลยุทธ์ที่ทางเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ของพีแอนด์จีโดยการเปิดศึกดังกล่าวนี้ ทำให้ตลาดแชมพูขจัดรังแคที่มีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท กลายเป็นตลาดที่น่าจับตามองมากตลาดหนึ่ง เพราะว่าปัจจุบันทั้งสองค่ายเป็นคู่กรณีที่มีการฟ้อง ร้องกันในเรื่องของการทำภาพยนตร์โฆษณาเปรียบเทียบ ปัจจุบันเฮดแอนด์โชว์เดอร์มีส่วนแบ่งตลาด7% ขณะที่คลีนิคมีส่วนแบ่งตลาด 14% มากกว่าเกือบเท่าตัว

ซันซิลปะทะแฟซ่าอัดโปรโมชั่น

ขณะที่ ตลาดแชมพูสระผมเพื่อความงามซึ่ง มีมูลค่าตลาด 4,500 ล้านบาท และถือว่าเป็นตลาด ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีสัดส่วนถึง 67% ก็มีการแข่งขันในเรื่องของการทำโปรโมชั่นนี้เช่นกัน

โดยค่ายยูนิลีเวอร์ หลังจากที่ได้รีลอนช์แชมพูสระผมซันซิลครั้งใหญ่ไปแล้วเมื่อไม่นานนี้ จากการสำรวจตลาด พบว่าขณะนี้ค่ายดังกล่าวเร่งอัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายเป็นการใหญ่ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ร่วมชิงโชค ทีวีสีซัมซุงจอแบน 21 นิ้ว จำนวน 54 เครื่อง หรือ ซื้อสินค้าครบ 180 บาท รับฟรีปลอกหมอน ทั้งนี้ เชื่อว่าการจัดแคมเปญดังกล่าวก็เพื่อกระตุ้นยอดขาย และผลักดันให้ซันซิลมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 35% ซึ่งวางเป้าหมายไว้ในช่วงเวลา 6 เดือน จากที่ปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาด 30%

ขณะที่ ค่ายคาโอ คอมเมอร์เชียล ซึ่งเป็นค่ายคู่กรณีที่สามารถดึงส่วนแบ่งตลาดของแชมพู สระผมซันซิลไปได้ในช่วง 2-3 ปี ก็รุกตลาดอย่าง หนักเช่นกันเปิดตัวแคมเปญชนซันซิล เมื่อซื้อแฟซ่าแถมครีมนวดผมในขนาดใหญ่ 1 ขวด โดย เป้าหมายในสิ้นปีนี้เพื่อมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 12% จากเดิมมีส่วนแบ่ง 9%

ทั้งนี้ สิ้นปีเป้าหมายของค่ายยูนิลีเวอร์ที่เปิด เกมรุกในตลาดแชมพูอย่างหนัก ก็เพื่อโกยรายได้ โดยรวมผลิตภัณฑ์แชมพูและครีมนวดผมทั้ง 4 แบรนด์ 4,500 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งในตลาด โดยรวม 50%

สหพัฒน์ทุ่มทุนดันฟอร์-มีเกิด

นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผย"ผู้จัดการรายวัน"ว่า ขณะนี้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปฟอร์-มี ถือว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดบะหมี่สำเร็จรูป ดังนั้นบริษัทจึงต้องวางแผนที่จะสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง จึงได้จัดทำโปรโมชั่นต่อเนื่องจากแคมเปญก่อน โดย แคมเปญนี้เมื่อซื้อฟอร์-มี สามารถลุ้นรับคูปองส่วนลดสินค้า อาทิ แอร์โร วาโก้ ชีเน่ เพี้ยซ สปีโด นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับปั๊มน้ำมันปตท. ด้วยการจัดรายการส่งเสริมการขายเมื่อเติมน้ำมันตามเงื่อนไขที่กำหนดจะได้รับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฟอร์-มี 1 ซอง

"การที่ฟอร์-มีเร่งอัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพราะว่าแบรนด์สินค้ามีปัญหา แต่เรามีเป้าหมายที่จะสร้างแบรนด์มากกว่า ซึ่งการสร้าง แบรนด์ไม่ได้ทำเพียงแค่วันสองวันเท่านั้น มันต้อง ใช้เวลาในการสร้างและใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย" นายบุญเกียรติ กล่าว

สำหรับปัจจุบันฟอร์-มี มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 3-5% ซึ่งเป้าหมายในการทำตลาดในปี แรกนี้ตั้งเป้ามีส่วนแบ่งตลาด 5-10% จากมูลค่าตลาด 8,000-9,000 ล้านบาท

ไลอ้อนประกาศไม่เดินเกมแข่ง

นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน"ว่า ในช่วงไตรมาสสี่บริษัทคง จะดำเนินแผนการทำตลาดตามปกติ โดยไม่มีแผนที่จะทำโปรโมชั่นแข่งเหมือนกับค่ายอื่นมากนัก ส่วนผลประกอบการสิ้นปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ วางไว้จากเดิมคาดว่าจะโต 6% แต่สิ้นปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพียง 3% เท่านั้น เนื่องจากการแข่งขันในตลาดมีสูง โดยเฉพาะการแข่งขันในเรื่องของการลดสินค้า ซึ่งพบมากในตลาดผงซักฟอกและน้ำยาล้างจาน ประกอบกับการทำตลาดต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลังมีรายได้ลดลง เนื่องจาก ค่าเงินบาทตกเหลือเพียง 40 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับต้นปีค่าเงินบาท 43 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลประกอบการต่ำกว่า เป้าหมายที่วางไว้ แต่บริษัทก็พอใจ โดยพบว่าสินค้าที่สร้างรายได้หลัก ในหมวดผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน น้ำยาปรับผ้านุ่ม 40% ในหมวดยาสีฟันและแปรงสีฟัน 10-20% ขณะที่ เพอร์ซัลเนอร์แคร์ 10-20% และรายได้จากการส่งออก 10%

นายบุญฤทธิ์ กล่าวต่อถึงแผนการทำตลาด ในปีหน้า บริษัทจะเน้นการทำตลาดโดยไม่พึ่งมีเดีย (Below The Line) เนื่องจากในปีนี้บริษัททุ่มงบในการใช้สื่อโฆษณาค่อนข้างมาก แต่ กลับไม่ได้ผล และแถมยังเป็นสื่อที่มีการลงทุนสูง ประกอบการแข่งขันในตลาดอุปโภคบริโภคมีความรุนแรง ทำให้สินค้าภายในเครือที่ไม่ค่อยมีการพัฒนานวัตกรรมได้รับผลกระทบทางยอดขาย ดังนั้นในปีหน้านี้ บริษัทจะมีการวางแผนการ ทำตลาดให้มีความรอบคอบมากขึ้น และให้เม็ดเงินให้คุ้มค่า รวมถึงพัฒนานวัตกรรมสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง


กลับสู่หน้าหลัก


Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.