“คิวเฮ้าส์”ประกาศปรับตัวครั้งใหญ่ กินรวบตลาดล่างยันไฮเอนด์


ASTVผู้จัดการรายสัปดาห์(28 พฤษภาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

* สงครามการแข่งขันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพิ่มดีกรีร้อนแรง
* เมื่อคิวเฮ้าส์ ผู้นำตลาดบ้านหรูหราราคาแพง ประกาศลงชิงแชร์บ้านระดับล่าง
*ส่ง “เดอะ คอนฟิเด้นซ์” น้องใหม่ เติมเต็มช่องทางการตลาด ปูพรมเปิดโครงการใหม่ทั้งเครือ 2.4 หมื่นล้านบาท

คร่ำหวอดในวงการอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 25 ปี สำหรับบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) (QH) หรือ คิวเฮ้าส์ ซึ่งตลาดเวลาที่ดำเนินธุรกิจมาประสบกับทุกสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งความรุ่งเรืองที่ตลาดรวมมียอดขายมากกว่า 170,000 ยูนิตต่อปี และภาวะวิกฤตตกต่ำในยุคต้มยำกุ้งจนทำให้ผู้ประกอบการล้มหายตายจากจำนวนมาก และจากประสบการณ์เหล่านั้น ทำให้คิวเฮ้าส์ มีความแข็งแกร่ง และเข้าใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ทำให้ไม่ว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในภาวะใด คิวเฮ้าส์ก็สามารถประคองตัวอยู่รอด และพร้อมที่จะรับมือกับทุกปัญหาได้เป็นอย่างดี

โดยคิวเฮ้าส์เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญในสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวหรูหรา ราคาแพง และในช่วงที่ผ่านมาคิวเฮ้าส์ลงทุนโครงการประเภทดังกล่าวมาตลอด จนกระทั่งในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อ 8-9 ปีก่อน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซบเซา ความต้องการบ้านระดับสูงลดลง ขณะที่ความต้องการบ้านระดับกลางมีมากขึ้น คิวเฮ้าส์จึงปรับตัวด้วยการตั้งบริษัท คาซ่า วิลล์ จำกัด ขึ้นมา เพื่อพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับกลาง ราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์ “คาซ่า วิลล์”โดยจุดขายของคาซ่า วิลล์อยู่ที่คุณภาพสินค้าซึ่งการันตีโดยคิวเฮ้าส์ที่เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า บ้านที่พัฒนาขึ้นโดยคิวเฮ้าส์จะเป็นบ้านที่มีคุณภาพสูง ภายใต้นโยบาย 5 คุณภาพ

รัตน์ พานิชพันธ์ กรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า ความสำเร็จของ คิวเฮ้าส์ เกิดจากการกำหนดกลยุทธ์ให้ตรงกับสภาพตลาดและความต้องการของผู้บริโภคซึ่งตลอดเวลา 25 ปี ที่ผ่านมา สภาพตลาดรวมมีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพเศรษฐกิจ บริษัทจึงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และล่าสุด เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน ได้จัดตั้งบริษัท เดอะ คอนฟิเด้นซ์ จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท ถือหุ้นโดยบริษัท คาซ่า วิลล์ 100% เพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยทุกประเภท ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “เดอะ ทรัสต์”(The Trust)

รัตน์ กล่าวว่า การรุกตลาดบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทครั้งนี้ ทำให้คิวเฮ้าส์มีสินค้าครอบคลุมทุกเซกเมนท์ ทั้งในแง่ของราคาที่มีสินค้าราคาตั้งแต่ 1.2- 100 ล้านบาท และมีสินค้าครบทุกประเภท ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม ซึ่งจะทำให้ในอนาคตอันใกล้สัดส่วนรายได้ของคิวเฮ้าส์มาจาก คิวเฮ้าส์ 40% คาซ่า วิลล์ 40% และเดอะ คอนฟิเด้นซ์ 20%

สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ควอลิตี้ เฮ้าส์ และบริษัท คาซ่า วิลล์นั้น บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียมรวม 14 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 17,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการของ ควอลิตี้ เฮ้าส์ 4 โครงการ โครงการบ้านเดี่ยว คาซ่า วิลล์ 7 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ

โดยควอลิตี้ เฮ้าส์ จะพัฒนาบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย 4 โครงการ แบ่งเป็นการพัฒนาภายใต้แบรนด์ Q. House 2 โครงการ ได้แก่ Q.House Avenue พระรามห้า (North) และQ.House Avenue พระรามห้า (South) และแบรนด์ ลัดดารมย์ 1 โครงการ คือ ลัดดารมย์ Elegance ถนนวงแหวนรอบกลาง แยกมหิดล และ แบรนด์ วรารมย์ 1โครงการ คือ วรารมย์ Premium วัชรพล-จตุโชติ

ส่วนบริษัท คาซ่า วิลล์ จะลงทุนโครงการบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว แบรนด์ ‘คาซ่าวิลล์’ 4 โครงการ ได้แก่ คาซ่าวิลล์ พระรามสอง 3 คาซ่าวิลล์ รังสิต คลองสอง คาซ่าวิลล์ รามอินทรา-วงแหวน และ คาซ่าวิลล์ พระรามสอง 4 โครงการทาวน์เฮาส์ แบรนด์ คาซ่าซิตี้ 3 โครงการ ได้แก่ คาซ่าซิตี้ พระรามสอง ซึ่งได้เปิดตัวและขายหมดในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา คาซ่าซิตี้ สุขุมวิท 101/1และ คาซ่าซิตี้ เกษตร-นวมินทร์

โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ได้แก่ Q Langsuan ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับไฮ-เอนด์ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม นี้ และ คาซ่าคอนโด ท่าพระ และคาซ่าคอนโด สุขุมวิท 97 คาดว่าจะเปิดขายได้ในช่วงไตรมาส 2 และ 4 ปีนี้

สำหรับบริษัท เดอะ คอนฟิเด้นซ์ จะเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7,000 ล้านบาท ประกอบด้วย เดอะทรัสต์ วิลล์ วัชรพล-หทัยราษฎร์ เป็นบ้านเดี่ยว เดอะทรัสต์ ซิตี้ งามวงศ์วาน 25 เป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น เดอะทรัสต์ ทาวน์ ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์ และเดอะทรัสต์ ทาวน์ วงแหวน-ลำลูกกา เป็นทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ คือ เดอะทรัสต์ เรสซิเด้นซ์ นวลจันทร์ เดอะทรัสต์ เรสซิเด้นซ์ ปิ่นเกล้า และเดอะทรัสต์ เรสซิเด้นซ์ งามวงศ์วาน 25

ส่วนผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปีนี้ บริษัทฯและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 5,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,233 ล้านบาท เติบโตขึ้น 126%แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 2,561ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1,980 ล้านบาท ค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานและค่าบริการ 75 ล้านบาท ค่าเช่าพื้นที่ในอาคารพักอาศัยและค่าบริการ 210 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 213 ล้านบาท มีกำไรสุทธิรวม 1,002 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันปี 2552 จำนวน 710 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 243%


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.