ส่งออกเม.ย.พุ่ง35%การเมืองไม่มีผล


ASTVผู้จัดการรายวัน(27 พฤษภาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

ส่งออกเม.ย.พุ่ง 35% โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 หลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว การเมืองในประเทศป่วนไม่มีผล “พรทิวา” มั่นใจเดือนหน้ายังส่งออกได้ดี ทั้งปีโตตามเป้า 14% แน่

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนเม.ย.2553 มีมูลค่า 14,091 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 35.16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 การนำเข้ามีมูลค่า 14,357 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 46% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 266 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) 53 ส่งออกมีมูลค่ารวม 58,471.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.45% การนำเข้ามีมูลค่า 56,627.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 54.88% และดุลการเกินดุล 1,844.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับการส่งออกในเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้นถึง 35.16% นั้นเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 27.5% จากการเพิ่มขึ้นทั้งในแง่ปริมาณ และมูลค่าของมันสำปะหลัง น้ำตาล อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ผักและผลไม้ โดยสินค้าที่ลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ ข้าว เพราะปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถาน และอินเดีย รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาท

ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 37.1% โดยสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่า 20% เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องสำอาง ขณะที่อัญมณี เพิ่มสูงถึง 305.9% เพราะการส่งออกทอคำสูงขึ้น 1,138%

ขณะที่ตลาดส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งตลาดหลัก และตลาดใหม่ โดยตลาดหลักส่งออกเพิ่มขึ้น 21% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 จากการสูงขึ้นของ สหรัฐฯ 12.5% ญี่ปุ่น 13.6% สหภาพยุโรป (15 ประเทศ) 15% อาเซียน (5 ประเทศ) 36.4% ส่วนตลาดใหม่ เพิ่มขึ้น 48.4% จากการเพิ่มขึ้นของ ฮ่องกง 47% เกาหลีใต้ 22% ออสเตรเลีย 148.3% อินโดจีน 53.8% ตะวันออกกลาง 29.9% ละตินอเมริกา 64% ยุโรปตะวันออก 50.1% เอเชียใต้ 18.9% และจีน 26.9%

ทางด้านการนำเข้าในเดือนเม.ย.ที่เพิ่มขึ้น 46% นั้น เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า โดยเชื้อเพลิง เพิ่ม 67.6% สินค้าทุน 45.2% เพราะนักลงทุนมั่นใจภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้มีการขยายการลงทุน ประกอบกับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเพิ่มดำเนินการ สินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่ม 40.2% สอดคล้องกับภาคการส่งออกที่เพิ่มขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่ม 30.8% ยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง เพิ่ม 87% จากยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศ รวมทั้งตลาดส่งออกขยายตัว

นางพรทิวากล่าวว่า การส่งออกของไทยที่เพิ่มขึ้น เป็นเพราะเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัว ทำให้ประเทศคู่ค้าเริ่มนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น โดยปัญหาการเมือง ไม่ได้มีผลกระทบต่อการส่งออก เพราะไทยสามารถชี้แจงให้ประเทศคู่ค้ามั่นใจและเชื่อมั่นในการทำการค้ากับไทย และในเดือนมิ.ย. จะเชิญผู้นำเข้ารายสำคัญที่นำเข้าสินค้าไทยจำนวน 200 รายมาเป็นแขกรัฐบาลไทยภายใต้โครงการไทยแลนด์ เบส เฟรนด์ ซึ่งจะถือเป็นงานแรกที่จะฟื้นความเชื่อมั่นให้กับคู่ค้า

“แม้จะมีปัญหาทางการเมือง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออก ซึ่งคู่ค้าก็เข้าใจไทย โดยเชื่อว่าการส่งออกในเดือนพ.ค. แม้จะเป็นเดือนที่มีปัญหา จะยังส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และทั้งปียังยืนยันขยายตัวตามเป้าหมายที่ 14% มูลค่า 174,000 ล้านเหรียญสหรัฐแน่นอน” นางพรทิวากล่าว

ส่วนปัญหาวิกฤติการเงินของประเทศกรีซนั้น ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ในยุโรปจนทำให้การส่งออกของไทยไปยุโรปมีปัญหา แต่ห่วงค่าเงินยูโรที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลงมากอย่างต่อเนื่อง จึงแนะนำให้ผู้ส่งออกซื้ออัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าแบบฟิกซ์ค่าเงินไว้ (fix rate) เพื่อป้องกันความเสี่ยง หากเงินยูโรลดลงอีก อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมการส่งออกจะจัดทีมไปสอบถามผู้ส่งออกไทยที่ทำการค้ากับยุโรป ถึงผลกระทบ ของวิกฤติกรีซในครั้งนี้ ก่อนหามาตรการช่วยเหลือต่อไป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.