|
จับตาอสังหาฯไตรมาส2 AREA เผย2เดือนตกต่ำสุดๆ
ASTVผู้จัดการรายวัน(26 พฤษภาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
AREAแนะจับตาตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 2 หลังพบยอด 2 เดือนแรกตกต่ำสุดๆ พร้อมเผยผลสำรวจตลาดไตรมาสแรกโตพุ่งพรวด อุปทานเปิดใหม่ 81 โครงการ 22,333 หน่วยเพิ่มขึ้น 70% มูลค่ารวม 50,892 ล้านบาท ขณะที่ราคาเฉลียลดลงเหลือ 2.279 ล้านบาท จากเดิม 3.211 ล้านบาท เหตุผู้ประกอบการแห่สร้างบ้านบีโอไอ
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนล่าสุดคือ เดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 สถานการณ์ผันผวนมาก ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
“สถานการณ์ตลาดในไตรมาส 2 จะได้รายงานสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิดต่อไป แต่เท่าที่รวบรวมข้อมูลในช่วง 2 เดือนแรกของไตรมาส 2/2553 เมษายน – พฤษภาคม 2553 สถานการณ์ตกต่ำมาก” ดร.โสภณกล่าว
ส่วนผลสำรวจในโครงการวิจัยต่อเนื่อง Real Estate Index ล่าสุดถึงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ พบว่า 1.อุปทานที่อยู่อาศัยเฉพาะที่เปิดขายใหม่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ณ ไตรมาส 1/2553 จำนวนหน่วยขายเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2552 มากกว่า 70% โดยจากผลการสำรวจภาคสนามพบว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ (ไม่รวมโครงการที่ขายมาก่อนหน้านี้แล้ว) มีจำนวน 81 โครงการ จำนวน 22,333 หน่วย มูลค่า 50,892 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยต่อหน่วย 2.279 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้วจำนวนโครงการเพิ่มขึ้น 13% จำนวนหน่วยเพิ่มขึ้น 72% มูลค่าเพิ่มขึ้น 22% มีเพียงแต่ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยที่ลดลง 29% จาก 3.211 ล้านบาท ในปี 2552 เหลือเพียง 2.279 ล้านบาทในปีนี้
สถานการณ์ด้านอุปทานหรือด้านผู้ประกอบการในตลาด มีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แม้จะมีปัจจัยเสียงด้านการเมืองอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ประกอบการหวั่นวิตกแต่อย่างใด จึงทำให้มีอุปทานใหม่ออกมาขายในไตรมาสแรกของปีนี้มากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 72% ในด้านจำนวนหน่วย และ 22% ในด้านมูลค่าการพัฒนาโครงการ และยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายที่ปรับเพิ่มเป้าหมายการลงทุนให้สูงขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ โดยปรับปรุงเงื่อนไขและราคาจำหน่ายของ“บ้านบีโอไอ” จากราคา 6 แสนบาท เป็นไม่เกิน 1.2 ล้านบาท จึงทำให้ ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาที่อยู่อาศัยในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นหากคาดการณ์ทั้งปีอาจมีอุปทานใหม่ในปีนี้ประมาณ 89,332 หน่วย (22,333x4) ซึ่งคาดว่าอุปทานจะเพิ่มขึ้นประมาณ 55% เมื่อเทียบกับปี 2552 จำนวน 57,604 หน่วย แต่จำนวนอุปทานทั้งปีอาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกประมาณ 10-20% เนื่องจากตัวเลขที่นำมาคาดการณ์เป็นตัวเลขของไตรมาส 1 ซึ่งเป็นฤดูของการเปิดตัวมากอยู่แล้ว
2. สถานการณ์ด้านกำลังซื้อที่อยู่อาศัยที่เปิดใหม่ จำนวนหน่วยที่ขายได้เพิ่มขึ้น 3.3 เท่าเมื่อเทียบไตรมาสแรกของปีที่แล้ว จากการสำรวจจำนวนหน่วยที่ขายได้ในเดือนแรกของโครงการที่เปิดขายใหม่ พบว่าในไตรมาสแรกของปีที่แล้วขายได้ประมาณ 17% แต่ถ้าเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้สามารถขายได้มากถึง 43% ของจำนวนอุปทานใหม่ที่เปิดขายทั้งหมด
จำนวนหน่วยที่ขายได้ของที่อยู่อาศัยในไตรมาสแรก ปี 2553 เพิ่มขึ้นถึง 3.3 เท่า (จากจำนวน 2,195 หน่วยในไตรมาส 1/2552 เป็น 9,604 หน่วย ในไตรมาส 1/2553) และหากพิจารณาในแง่ของมูลค่าที่ขายได้ พบว่าเพิ่มขึ้นถึง 2.7 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก ปี 2552 (จากมูลค่า 5,070 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2552 เป็น 18,604 ล้านบาท ในไตรมาส 1/2553) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น กำลังซื้อของผู้บริโภคก็มีมากขึ้น หรือมีความเชื่อมั่นมากขึ้น จึงได้ตัดสินใจซื้อ และทั้งนี้อาจจะไม่เกี่ยวกับมาตรการภาษีของรัฐบาลในการช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะที่อยู่อาศัยที่เปิดขายใหม่นี้ส่วนใหญ่จะขายกระดาษ และเป็นส่วนน้อยที่จะสร้างเสร็จก่อนขาย
3.ตลาดคอนโดมิเนียมยังโดต่อเนื่อง จากสัดส่วนจำนวนหน่วยขาย 39% ในไตรมาสแรก ปี 2552 เพิ่มขึ้นเป็น 55% ในไตรมาสแรก ปี 2553
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยที่เปิดตัวใหม่ในไตรมาสแรก ปี 2553 จะพบว่าประเภทที่อยู่อาศัยที่เปิดขายมากที่สุดดังนี้ อันดับ 1: อาคารชุด หรือคอนโดมิเนียมนั่นเอง (จากจำนวน 5,073 หน่วย หรือสัดส่วน 39% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2552 เพิ่มเป็น 12,287 หน่วย หรือสัดส่วน 55% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2553) ซึ่งหากเปรียบเทียบจากจำนวนหน่วยแล้วตลาดคอนโดมิเนียมมีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นถึง 1.4 เท่า
อันดับ 2: ทาวน์เฮาส์ (จากจำนวน 3,092 หน่วย หรือสัดส่วน 30% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2552 เพิ่มเป็น 6,227 หน่วย หรือสัดส่วน 28% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2553) ซึ่งจะเห็นได้ว่าสัดส่วนการพัฒนาลดลง แต่จำนวนหน่วยขายกลับเพิ่มขึ้นถึง 101%
และอันดับ 3: บ้านเดี่ยว (จากจำนวน 3,122 หน่วย หรือสัดส่วน 24% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2552 ลดลงเป็น 2,549 หน่วย หรือสัดส่วน 11% ของหน่วยที่เปิดขายทั้งหมดในไตรมาส 1/2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|