|
พิษการเมืองถล่มธุรกิจรายใหญ่ ธปท.คาด2.3หมื่นล.ไม่หวั่นNPL
ASTVผู้จัดการรายวัน(26 พฤษภาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ธปท.คาดเบื้องต้นลูกค้าแบงก์ในธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบประมาณ 2.3 หมื่นล้าน คิดเป็น 0.3%ของสินเชื่อทั้งระบบ ชี้หากเป็นเอ็นพีแอลทั้งก้อนมีผลต่อให้เงินกองทุนแบงก์ทั้งระบบหดแค่ 0.1% ถือว่าไม่มาก นัดถกนายแบงก์หารือร่วมกัน เพื่อประเมินความเสียหายและหาข้อมูลเพิ่มเติม
นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในเบื้องต้น พบว่า ลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวประมาณ 23,000 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.3%ของสินเชื่อทั้งระบบ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยอดสินเชื่อดังกล่าวยังไม่ถึงขั้นเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) แต่หากสุดท้ายแล้วอยู่ในกรณีเลวร้าย คือ เป็นหนี้เสียทั้งก้อนก็คาดว่าจะกระทบฐานะเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส เรโช)แค่ 0.1% เท่านั้น ถือว่าไม่มากนัก
นอกจากนี้ ในวันนี้ ธปท.จะเชิญผู้บริหารระดับสูงของธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและต่างชาติเข้าหารือจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินความเสียหายที่มีต่อธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ พร้อมทั้งรับฟังข้อเสนอของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ เพื่อนำข้อมูลเป็นแนวทางในการช่วยเหลือต่อไป
ประกอบกับเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากในปัจจุบัน ธปท.ได้เก็บข้อมูลเฉพาะที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ให้แก่ลูกค้าในวงเงินมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ยังขาดข้อมูลสินเชื่อรายย่อยที่มีการปล่อยกู้ในวงเงินที่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จึงเป็นการเก็บข้อมูลให้มีมากขึ้น เพื่อประเมินความเสียหายให้มีความชัดเจน
สำหรับกรณีที่มีลูกค้าธนาคารพาณิชย์บางแห่งร้องเรียนว่าในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องประกาศวันหยุดราชการในวันที่ 19-21 พ.ค.ที่ผ่านมา และมีผลให้ธปท.ได้ประกาศให้ธนาคารพาณิชย์หยุดทำการ ทำให้ลูกหนี้บางรายไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลานั้น ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ธปท.ได้มีการหารือกับธนาคาพาณิชย์ถึงกรณีนี้แล้ว โดยธนาคารพาณิชย์จะไม่คิดค่าผิดนัดชำระหนี้ เพราะเข้าใจดีกว่าช่วงเวลาดังกล่าวเป็นวันหยุดในกรณีพิเศษ
ด้านนายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า ธปท.ได้นัดเวลาหารือกับธนาคารพาณิชย์ในเวลาประมาณ 17.00-18.00 น.เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยในเบื้องต้นมองว่ากระทบไม่มากนัก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ธปท.ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ธนาคาพาณิชย์อยู่เสมอ ประกอบกับขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ในระบบมียอดเอ็นพีแอลไม่มากประมาณ 4.6% และหากมีการหักเงินสำรองออก(เอ็นพีแอลสุทธิ)อยู่ที่ 2.5% และมีบีไอเอส เรโชที่ระดับ 15.9% จึงมองว่าไม่กระทบต่อฐานะและความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์โดยรวม
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|