MILLเผยตุนBacklog8หมื่้นตันลุ้นปีนี้โกยรายได้ 1.2 หมื่นล้าน


ASTVผู้จัดการรายวัน(26 พฤษภาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

บอส MILL เผยมี Backlog Order ในมือแล้ว 80,000 ตัน บวกกับราคาเหล็กเริ่มขยับเป็นขาขึ้น อีกทั้งสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ มั่นใจสิ้นปีนี้รายได้แตะ 1.2 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมาย ส่วนผลงานไตรมาสแรกปีนี้โชว์กำไรพุ่ง 138% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เผยผลประกอบการไตรมาส 2 มีลุ้นขยายตัวดีต่อเนื่อง

นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีลอินดัสทรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ MILL เปิดเผยว่าในปัจจุบันบริษัทมี Backlog order อยู่ที่ประมาณ 80,000 ตันและยังมีแนวโน้มจะขยับเพิ่มขึ้นได้อีกมากในอนาคต เนื่องจากขณะนี้ความต้องการใช้เหล็กของลูกค้าในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกงและออสเตรเลีย ยังมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับราคาเหล็กยังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทอย่างมาก จึงทำให้มั่นว่าในปี 53 จะสามารถผลักดันผลประกอบการของ MILLให้แตะที่ระดับ 12,000 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการขยายตัว 10 % ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

" จุดเด่นของ MILL คือผู้ผลิตเหล็กที่มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเกือบจะครบทุกชนิดสินค้าในแง่ของอุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีที่ตั้งในการส่งสินค้าทั้งในกรุงเทพฯและระยอง ซึ่งเป็นคีย์ในการใช้เหล็ก ขณะเดียวกันบุคลากรของบริษัทมีความสามารถในการบริหารจัดการในแง่ของการผลิตมีการบริหารจัดการได้ดีเพราะมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเหล็กมานานช่วยป้องกันความเสี่ยงได้ ดังนั้น MILL จึงเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั้งในส่วนของสินค้าและบริการที่ไว้วางใจได้ "

นายสิทธิชัยได้กล่าวถึงผลประกอบการในไตรมาสแรกปี 53 ที่เพิ่มขึ้น 138.17% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 52 ว่าเป็นผลมาจากประสิทธิภาพในการบริหารงานที่เพิ่มขึ้น รายได้จากการขายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น และ MILL ยังคงเดินหน้าขยายตลาดอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศไปพร้อม ๆ กับพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มี Value Added และตรงกับความต้องการของตลาดมากที่สุด นอกจากนั้นก็ยังมุ่งดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุมด้วยการลดต้นทุนในการผลิตให้ต่ำที่สุด เพิ่มมาตรการป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมุ่งสร้างสรรค์กิจกรรมและความสัมพันธ์อันดี เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมโดยรวมด้วย พร้อมกับให้ทั้งธุรกิจและสังคมเติบโตและพัฒนาควบคู่ไปด้วยกัน

" ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้ถือว่าน่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 138% เป็นผลมาจากการทำงานอย่างหนักของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกคนเพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นให้มากที่สุด ผนวกกับช่วงที่ผ่านมาราคาเหล็กเริ่มขยับขึ้นและ MILL ก็สามารถบริหารจัดการในเรื่องต้นทุนได้อย่างมี

ประสิทธิภาพ และแนวโน้มในไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่ายังจะขยายตัวดีต่อเนื่องจากปัจจัยบวกที่สนับสนุนไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้เหล็กที่มีต่อเนื่องและการบริหารจัดการภายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพของ MILL เอง " นายสิทธิชัยกล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.