GSM โทรฯ เคลื่อนที่ระบบใหม่..ผันที่ "ชินวัตร" จะย่อโลกด้วยมือถือ


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2536)



กลับสู่หน้าหลัก

การแข่งขันของผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระหว่าง 2 ค่ายใหญ่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟว์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส บริษัทในเครือของชินวัตร ผู้รับสัมปทานจากองค์การโทรศัพท์ฯ ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ NMT900 (เซลลูล่าร์ 900) กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ แทค ผู้รับสัมปทานจากการสื่อสารฯ เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ AMPS 800 (เวิร์ลโฟน) นับวันยิ่งดูจะเข้มข้นมากขึ้น

การแข่งขันนี้กำลังจะยกระดับขึ้นไปต่อสู้กันด้วยเทคโนโลยีในต้นปีหน้า ด้วยการนำเอาระบบ "ดิจิตอล" เข้ามาแทนระบบ "อนาล็อก" ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

โดยทางเทคนิคแล้ว ระบบดิจิตอลมีคุณสมบัติที่ดีกว่าระบบอนาล็อคอยู่หลายประการ เช่น คุณภาพของเสียงที่ชัดเจนกว่า ความสามารถในการเพิ่มช่องความถี่ที่มีความจำกัดในระบบอนาล็อค เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนช่องความถี่ได้

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง ซึ่งจะพลิกโฉมการสื่อสารในบ้านเราได้ก็คือ ระบบดิจิตอล สามารถให้บริการการส่งข้อมูลผ่านความคลื่นความถี่วิทยุ เช่นเดียวกับการส่งผ่านสายโทรศัพท์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นอกเหนือจากการเป็นพาหนะนำเสียงที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว

"ในทางเทคนิคระบบดิจิตอล สามารถทำอะไรๆ ได้มากกว่าและดีกว่า อย่างเช่น เสียงที่สนทนาระหว่างกันจะมีความคมชันกว่า คือเสียงพูดจะถูกเปลี่ยนมาเป็นคลื่นสัญญาณดิจิตอลที่มีคลื่นความถี่ที่คงที่ และเมื่อเกิดเสียงรบกวนที่สอดแทรกเข้ามาระหว่างการส่งสัญญาณในอากาศ เครื่องรับ-ส่งจะสามารถแยกสัญญาณตัดเสียงรบกวนออกสัญญาณที่ออกมาจึงมีความคมชัด ซึ่งในระบบอนาล็อคที่ใช้อยู่ในปัจจุบันไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มช่องสัญญาณความถี่ คือจะเพิ่มได้เป็น 1:8 คือ 1 ช่องสัญญาณเดิมที่ใช้กันอยู่ในระบบอนาล็อก แต่ระบบดิจิตอบสามารถทำให้มีเครื่องโทรศัพท์หรือเครื่องลูกข่ายได้ถึง 8 เครื่อง โดยการนำ 1 ช่องสัญญาณที่มีอยู่เดิมในระบบอนาล็อคมาซอยออกเป็น 8 ช่วงเวลา ในหนึ่งช่องจึงสามารถเพิ่มช่องความถี่ได้มากขึ้นเท่ากับว่าในอนาคตการขาดแคลนเลขหมายจะหมดไป และสามารถรองรับการขยายตัวได้มากขึ้น" ผู้เชี่ยวชาญระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ท่านหนึ่ง เล่าให้ฟัง

โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอลที่ใช้กันอยู่ในโลกปัจจุบัน และมีผู้ให้บริการในเชิงพาณิชย์แล้วมีด้วยกัน 2 ระบบ คือระบบ PCN และระบบ GSM ซึ่งมีผู้ให้บริการส่วนใหญ่อยู่ในประชาคมยุโรป

สำหรับในประเทศไทย จะมีการนำทั้ง 2 ระบบเข้ามาเปิดบริการเช่นเดียวกัน คือ ทางด้าน "แทค" ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ AMPS800 (เวิลด์โฟน) ในปัจจุบันจะนำโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล ที่เรียกว่าระบบ PCN (PERSONAL COMMUNICATION NETWORK) เข้ามาติดตั้งให้บริการส่วนทาง "เอไอเอส" ของชินวัตรที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ NMT 900 หรือเซลลูล่าร์ 900 จะนำระบบที่เรียกว่า GSM (GLOBAL SYSTEM FOR MOBILE COMMUNICATION) มาให้บริการ

"ในทางเทคนิคแล้วโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 2 ระบบนั้นมีลักษณะเช่นเดียวกัน จะแตกต่างกันตรงที่การพัฒนาของรูปลักษณะตัวเครื่อง และที่คลื่นความถี่ที่นำมาใช้เท่านั้น โดย GSM จะใช้คลื่นความถี่ที่ย่าน 900 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นความถี่เดียวกันกับระบบปัจจุบันที่ทางเอไอเอสใช้อยู่ ส่วน PCN จะใช้คลื่นความถี่ที่ย่าน 1,800 เมกะเฮิรตซ์ ซึ่งเป็นย่านความถี่ใหม่" ผู้เชี่ยวชาญคนเดียวกันอธิบายถึงการใช้ความถี่ของระบบดิจิตอล ที่ทั้ง 2 บริษัทมีโครงการว่าจะเปิดให้บริการแก่ลูกค้าได้ในราวต้นปีหน้า

อิริค วอน เอสเชน ผู้จัดการฝ่ายระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัท อิริคสัน เทเลโฟน คอร์ปอเรชั่น ฟาร์อีสท์ จำกัดและบริษัท อีริคสัน คอมมิวนิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ซัพพลายเออร์ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ และเป็นบริษัทหนึ่งที่พัฒนาระบบของโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบดิจิตอล ได้ให้ความเห็นว่า

โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอลที่มีผู้ให้บริการอยู่แล้วนั้นระบบ GSM เป็นระบบที่มีผู้ให้บริการและผู้ใช้มากกว่าระบบ PCN เพราะถ้าเปรียบ GSM ถือกำเนิดจากความร่วมมือของรัฐบาลในแต่ละประเทศถึง 18 ประเทศ ที่เริ่มต้นในกลุ่มประเทศ NORDIC และขยายออกไปทั่วยุโรป ส่วน PCN นั้นเกิดมาตามแรงผลักดันของตลาดซึ่งภาคเอกชนเป็นผู้ให้กำเนิดขึ้นมา มีใช้กันในบางประเทศ

ความเหลื่อมล้ำที่มองเห็นได้ชัดเจนในเบื้องต้นคือ อำนาจของการรวมกลุ่ม ซึ่งทางการพาณิชย์นั้น ทำให้ผู้ที่ทำการซัพพลายเออร์ในระบบและผู้ผลิตเครื่อง อย่างเช่น โมโตโลล่า อิริคสัน โนเกีย ฟิลิปส์ อัลคาเทล ฯลฯ หันมาให้ความสนใจในการพัฒนาระบบ GSM มากกว่า จึงทำให้หลายประเทศได้นำระบบ GSM นี้มาใช้

"การที่ทางเอไอเอสตัดสินใจเลือกมาใช้ระบบของ GSM ก็คือว่าเป็นระบบที่มีใช้กันอย่างแพร่หลาย และมีซัพพลายเออร์ ที่จะมาให้บริการอุปกรณ์และติดตั้งระบบมีมากกว่าในแง่นี้จะเป็นความได้เปรียบในเชิงการตลาดและง่านต่อการพัฒนาระบบในอนาคต เพราะเป็นระบบที่ใหญ่" สมประสงค์ บุญยะชัย ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของเอไอเอส บริษัทในเครือชินวัตร กล่าว

โดยขณะนี้ระบบ GSM ในเมืองไทยยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น แต่โครงการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำระบบนี้มาใช้มีมาเกือบ 10 ปีแล้ว เพราะทางเอไอเอสเพิ่งได้รับอนุญาตจากองค์การโทรศัพท์ฯ แผนการในขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดหาซัพพลายเออร์ในส่วนที่จะสนับสนุนระบบเครือข่ายให้กับเอไอเอส ซึ่งมีซัพพลายเออร์ของ GSM ทั่วโลกได้ยื่นเสนอเข้ามา เช่น โมโตโลล่า โนเกีย อัลคาเทล อีริคสัน ซีเมนต์ ฯลฯ คาดว่าประมาณเดือนสิงหาคมปี 2536 นี้ จะมีการสรุปผลและทำการเลือกผู้ซัพพลายระบบให้ ในราวต้นปี 37 จะเริ่มทดลองใช้ได้ และจะเปิดบริการในเชิงพาณิชย์หากได้รับสนใจจากผู้ใช้

ความโดดเด่นของโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ GSM นอกจากจะให้สัญญาณเสียงที่มีความคมชัดแล้ว ยังมีคุณสมบัติอีกมากมายที่จะให้ความสะดวกแก่ผู้ใช้ อย่างเช่น ระบบการรักษาความปลอดภัยในการถูกดักฟังและการถูกแอบพ่วงหมายเลขทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

โดยโทรศัพท์ระบบนี้จำต้องมีอุปกรณ์ 2 ส่วนมาประกอบกันคือ ตัวเครื่องกับ SIM CARD (SIM CARD ถือเป็นหัวใจของเครื่อง) ตัวเครื่องมีลักษณะเช่นเดียวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่ว ๆ ไป ส่วนตัว SIM CARD มีลักษณะคล้าย ๆ กับบัตร ATM หรือที่เรียกกันว่า สมาร์ทการ์ด เพียงแต่ SIM CARD นั้น จะเป็นเหมือนไมโครชิป ในขณะที่สมาร์ทการ์ดนั้นเป็นแถบแม่เหล็ก

ภายใน SIM CARD จะบรรจุข้อมูลของผู้เป็นเจ้าของเครื่อง และรหัสประจำตัวต่าง ๆ เช่นเขตพื้นที่ของการจดทะเบียนของเครื่อง รหัสประจำตัวของผู้ใช้ สำหรับการใช้เครื่อง ทั้ง 2 จำต้องใช้ร่วมกันเพื่อให้ความสมบูรณ์ สิ่งเหล่านี้คือจะทำให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบ GSM ทุกเครื่องจึงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แตกต่างจากโทรศัพท์ที่ใช้กันอยู่ทั่วไป

และนอกจากนี้ตัว SIM CARD สามารถถอดออกมาและไปใช้กับเครื่องอื่น ๆ ได้ทุก ๆ เครื่อง เพราะตัวที่สำคัญอยู่คือ SIM CARD เพียงนำมาประกอบกันเข้าเครื่องก็จะเปลี่ยนหมายเลขตามเจ้าของ SIM CARD สมประสงค์ เล่าถึงคุณสมบัติที่เด่นในตัวของระบบ GSM ที่ค่ายชินวัตรเลือกมาให้บริการ

ในปัจจุบันการรวมตัวของผู้ให้บริการทั่วโลกเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากที่กลุ่มประเทศ NORDIC และ เนเธอแลนด์ ได้เชื่อมระบบเครือข่าย GSM ระหว่างกันจนขยายตัวไปสู่ประเทศในยุโรปเกือบทุกประเทศแล้วในปีนี้

"การรวมตัวของผู้ให้บริการระบบ GSM ภายใต้วัตถุประสงค์คือ ต้องการพัฒนาระบบนี้ให้ก่อประโยชน์มากที่สุดระบบนี้ให้ก่อประโยชน์มากที่สุด การที่เราเข้าเป็นสมาชิกก็จะได้รับซอฟแวร์สำหรับมาใช้บริการในระบบนี้ ซึ่งเขาจำกัดว่าจำต้องเป็นประเทศสมาชิกเท่านั้น และนอกจากนั้นองค์กรนี้มีโครงการที่จะเชื่อมระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ GSM นี้เข้าด้วยกัน (INTERNATIONAL ROAMING) ในปี 2537 ซึ่งจะมีหน่วยงานกลางที่จะเข้ามาเป็นคนดูแลการใช้ในระบบอินเตอร์ เช่น การเก็บค่าบริการระหว่างประเทศสมาชิก" สมประสงค์ กล่าวอย่างมั่นใจถึงอนาคตของระบบ GSM

ฉะนั้นแล้วคงอีกไม่นานที่นักธุรกิจไทยจะติดต่อสื่อสารระหว่างกันด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 2 อาจจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ ณ ส่วนใดของโลก เพราะการสื่อสารด้วยอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ได้รับการพัฒนาระบบขึ้นมาใหม่ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เรียกว่าระบบ GSM จะทำให้ฝันที่ชินวัตรจะกลายเป็นผู้นำในการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นความจริงขึ้นมาได้ เพราะการย่อโลกให้เล็กลงด้วย อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่เรียกกันทั่วไปว่า "มือถือ"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.