|
ปรับเครดิตองค์กรSPALIเป็น "A-"พร้อมเพิ่มระดับให้หุ้นกู้มีประกัน
ASTV ผู้จัดการรายวัน(24 พฤษภาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ทริสฯปรับอันดับเครดิตองค์กร "ศุภาลัย " เป็น "A-" พร้อมแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" จากเดิมที่ระดับ " BBB+ / Stable " และเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันของบริษัทเป็น "A"จากเดิมที่ระดับ "A-" สะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ความสามารถในการดำเนินธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มในการสร้างรายได้และกำไรของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เป็น "A-" จากเดิมที่ระดับ "BBB+" พร้อมทั้งเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันของบริษัทเป็น "A"จากเดิมที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของ บริษัทที่ปรับตัวดีขึ้น ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงผลงานที่ยาวนานในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย แบรนด์สินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดผู้มีรายได้ระดับปานกลาง และความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ แต่จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่ ไม่มีเสถียรภาพ ตลอดจนลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง และการแข่งขันในการซื้อที่ดินของผู้ประกอบการรุนแรงยิ่งขึ้น ขณะอันดับเครดิตของหุ้นกู้นั้นได้รับแรงหนุนจากมูลค่าของอาคารสำนักงานให้ เช่า "ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์" ซึ่งใช้เป็นหลักประกันที่ระดับ 1.7 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้คงค้างตลอดอายุของหุ้นกู้ด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอา ไว้ได้ในระยะปานกลาง โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจแม้ว่า มาตรการด้านภาษีของรัฐบาลจะสิ้นสุดลงและการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ก็ตาม แม้บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจเชิงรุกมากขึ้นและมีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ ระหว่างการก่อสร้างจำนวนมากช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แต่ก็ควรจะรักษากระแสเงินสดและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้ อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยระหว่างการพัฒนาประมาณ 40 โครงการ ด้วยมูลค่ายอดขายคงเหลือ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 53 ประมาณ 14,000 ล้านบาท และยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ถึง 18,300 ล้านบาท โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทมีทั้งโครงการคอนโดมิเนียม64% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดและโครงการบ้านจัดสรร 36% ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนการ ดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้บริษัทสามารถเสนอขายที่อยู่อาศัยในราคาที่แข่งขันได้
ยอดขายของบริษัทในปี 52 คิดเป็นมูลค่า 13,237 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จาก 9,091 ล้านบาทในปี 51 ยอดขายช่วงไตรมาสแรกของปี 53 เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 5,490 ล้านบาท จาก 1,979 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 52 อันเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเปิดขายโครงการใหม่ช่วงปี 52 ถึง 3 เดือนแรกของปี 53 ส่วนรายได้ของบริษัทนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขาย โดยปี 52 มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 56% เป็น 9,618 ล้านบาท จาก 6,170 ล้านบาทในปี 51
โดยไตรมาสแรกปี 53 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มถึง 52% เป็น 3,162 ล้านบาท ผลมาจากการโอนคอนโดมิเนียมในโครงการศุภาลัย ริเวอร์ เพลส และศุภาลัย ปาร์ค ศรีนครินทร์ มูลค่ารวม4,600 ล้านบาทในปี 52 และการโอนคอนโดมิเนียมโครงการซิตี้โฮม รัชดา-ปิ่นเกล้ามูลค่า 969 ล้านบาท รวมทั้งการโอนบ้านจัดสรรที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 3 เดือนแรกปี 53 ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงแข็งแกร่งกว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ระดับ38.33% ในปี 52 และ 39.69% ในไตรมาสแรกปี 53 ความสามารถในการทำกำไรที่สูงของบริษัทเป็นผลมาจากการบริหารต้นทุนการดำเนิน งานที่ดี
ขณะผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นก็ทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 77.06% ในปี 52 และ 39.21% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 53 ขณะอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงอย่างต่อเนื่องเป็น 30.10% ณ สิ้น ธ.ค. 52 และ 21.59% ณ สิ้น มี.ค. 53 โดยลดลงจาก 48.50% ณ สิ้นปี 51
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า หลังจากมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในปี 52 ผู้ประกอบการรายใหญ่ส่วนใหญ่จึงวางแผนขยายธุรกิจเชิงรุกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า การซื้อที่ดินในทำเลดีจึงมีแนวโน้มที่จะมีต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านภาษีของรัฐบาลซึ่งส่วนใหญ่ได้สิ้นสุดลงใน ปี 52 และมาตรการบางส่วนซึ่งกำลังจะสิ้นสุดในปี 53 ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 53 ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยในปี 53 จะค่อยๆ ฟื้นตัวตามการเติบโตของเศรษฐกิจ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|