|
ศก.เจ๊ง9หมื่นล้าน นักเที่ยว18ชาติเผ่น
ASTV ผู้จัดการรายวัน(21 พฤษภาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
แบงก์ชาติชี้ 19 พ.ค.ทมิฬ สร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจไทยเลวร้ายสุดๆ คาดเบื้องต้นทุบจีดีพี 0.9% หรือประมาณ 9 หมื่นล้าน ต่างชาติห้ามเที่ยวไทย 18 ประเทศแล้ว มาม่า-ปลากระป๋องขาดตลาด คนแห่ซื้อตุนรับเคอร์ฟิว “พรทิวา” แจกถุงยังชีพ 4 พันถุง เยียวยาเหยื่อม็อบแดง
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงการประเมินความเสียหายของระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวมที่เกิดขึ้นจาก ความขัดแย้งทางการเมือง การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และการจลาจลเผาบ้านเมืองว่า สถานการณ์ล่าสุดที่มีการจลาจลเผาบ้านเมือง ห้างสรรพสินค้า ธนาคารพาณิชย์ได้ทำให้ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยมากกว่าที่ ธปท.ประเมินไว้ในกรณีฐานที่ 0.9% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หรือประมาณ 90,000 ล้านบาท และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลว่า จะมากกว่าการประมาณการกรณีเลวร้ายที่ ธปท.ประเมินไว้ก่อนหน้าหรือไม่
“ที่จะเห็นชัดเจนต่อจากนี้คือ ตัวเลขการขยายตัวของเศรษฐกิจในเดือนเม.ย. และพ.ค. ซึ่งเป็น 2 เดือนแรกงของไตรมาสที่ 2 ทำให้ไตรมาสนี้จะลดต่ำลงจากการขยายตัวในไตรมาสแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ตัวเลขความเสียหายและสถานการณ์ยังคงไม่นิ่ง ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การใช้จ่าย ค้าปลีกค้าส่ง และผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และการเลื่อนหรือหยุดการลงทุนของนักลงทุนไทยและต่างประเทศ ดังนั้น ธปท.คงต้องรอตัวเลขที่ชัดเจนอีกระยะจึงจะประเมินความเสียหายเป็นตัวเลขได้”
หลังจากนี้ ธปท.จะมีการพูดคุยและสำรวจผู้ประกอบการทั้งหมด ทั้งที่ถูกระทบโดยตรง และโดยอ้อมว่า ผลกระทบทั้งหมดที่ได้รับเป็นอย่างไร ขณะเดียวกันต้องพูดคุยกับสถาบันการเงิน และนักลงทุนต่างประเทศให้เห็นถึงความคิดความเห็น และความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยด้วย เพราะในการประเมินด้านวิชาการจะต้องรอบคอบ และมองข้อมูลทั้งด้านลบและด้านบวกให้ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการประเมินความเสียหายของปัจจัยการเมืองต่อเศรษฐกิจไทย ในรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อล่าสุด วันที่ 29 เม.ย.นั้น ธปท.ได้พิจารณาไว้เป็น 3 กรณีคือ ความเสียหายในกรณีฐาน หรือความเสียหายที่เหตุการณ์ไม่รุนแรงไปกว่าช่วงที่มีการประเมินมากนัก ความเสียหายจากปัจจัยการเมืองจะอยู่ที่ 0.9% ของจีดีพี
และในกรณีที่เหตุการณ์ดีขึ้นกว่าในช่วงการประมาณการ ความเสียหายจะลดลงเหลือประมาณ 0.3- 0.5% ของจีดีพี
แต่หากสถานการณ์การเมืองเลวร้ายลงมากจากที่ประมาณการ ธปท.ได้ประเมินความเสียกรณีเลวร้ายไว้ที่ 1.4 -1.6% ของจีดีพี หรือประมาณ 140,000-160,000 ล้านบาท.
***ททท.ปรับแผนโรดโชว์-ยกเลิกงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดถึงวันที่ 21 พ.ค.นี้ ต่างประเทศได้ยกระดับการเตือนคนของประเทศตัวเองมาประเทศไทย ขึ้นเป็นระดับสูงสุด คือ ระดับ 5 ห้ามเดินทางมาไทยหากไม่จำเป็น รวมเป็น 18 ประเทศแล้ว ซึ่ง 4 ประเทศใหม่ล่าสุดคือ สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ ออสเตรเลีย บราซิล
นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าด้านการสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ต้องปรับแผนการตลาดเดินสายโรดโชว์ต่างประเทศใหม่ หลังจากที่สถานการณ์เปลี่ยนไป ซึ่งจะมีทั้งการเลื่อนออกไป หรือการร่นเวลาจัดเร็วขึ้น ล่าสุดตัดสินใจเลื่อนการจัดงาน ไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท พลัส 2010 หรือ ทีทีเอ็ม จากเดิมวันที่ 2-4 มิ.ย. ที่เมืองทองธานี ออกไปไม่มีกำหนด อย่างไรก็ตามงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย ยังจัดเหมือนเดิมแต่เลื่อนออกไปและลดเหลือ 5 วันคือ 9-13 พ.ค.นี้ จากเดิมจัด 10 วัน คือ 4 – 13 พ.ค. ที่เมืองทองธานี
ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้ ททท.จะประชุมร่วมกับภาคเอกชนในวงการท่องเที่ยว เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์การท่องเที่ยวในปัจจุบัน และทิศทางอนาคต
***มาม่า-ปุ้มปุ้ยขาดตลาดรับเคอร์ฟิว
นายเพชร พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า เปิดเผยว่า จากการภาครัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว หรือห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถานในระยะเวลาที่กำหนดตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา และล่าสุดเมื่อวานนี้ ( 20 พฤษภาคม ) ประกาศเพิ่มเป็นอีก 3 วัน หรือระหว่างวันที่ 20 - 22 พ.ค. โดยห้ามออกนอกบ้านตั้งแต่เวลา 21.00 น. - 05.00 น. พบว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าในช่องทางร้านสะดวกซื้อ ลดลงจากชั้นวางสินค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งบรรจุภัณฑ์ชนิดซองราคา 6 บาท และบรรจุภัณฑ์ชนิดถ้วย 12 บาท คาดว่าเกิดจากการที่ผู้บริโภคตื่นตระหนกกับสถานการณ์จึงแห่ซื้อสินค้า กักตุนไว้ภายในบ้าน
“ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 -19 พฤษภาคม ที่ผ่านมานี้ เกิดการก่อการร้ายในพื้นที่เรดโซน อาทิ บ่อนไก่ ราชปรารภ ศาลาแดง ฯลฯ ผู้บริโภคที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงก็เกิดการกักตุนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาแล้ว ในระดับหนึ่ง ทำให้สินค้าขาดแคลนในจุดบริเวณที่เกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย”
ขณะที่บริษัทสหพัฒน์ พยายามกระจายสินค้าในช่องทางจำหน่ายตามปกติ โดยเฉพาะในช่องทางร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น เพราะเป็นช่องทางที่ใกล้บ้านสอดคล้องกับสถานการณ์ในเวลานี้ที่ห้ามผู้บริโภค ออกนอกเคหะสถาน ส่วนช่องทางอื่นๆ อาทิ โมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ตในห้างสรรพสินค้า และร้านโชวห่วย ส่วนใหญ่จะปิดดำเนินการทำให้บริษัทไม่ได้เข้าไปส่งสินค้าเพิ่มเติม โดยจะเน้นเจาะพื้นที่ที่สามารถเข้าไปจัดจำหน่ายสินค้าได้เท่านั้น ส่วนยอดขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่าในตลาดต่างจังหวัดไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ อย่างใด
นายไกรเสริม โตทับเที่ยง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลากระป๋องปุ้มปุ้ยปลายิ้ม เปิดเผยว่า ปัจจุบัน พบว่า ร้านค้าปลีกสั่งซื้อปลากระป๋องปุ้มปุ้ย และปลากระป๋องปรุงรสเพิ่มขึ้นเพราะเป็นอาหารที่สะดวกและเป็นทางเลือกของผู้ บริโภคอีกทางหนึ่ง ดังนั้นผู้บริโภคจึงซื้อสินค้ากักตุน และเมื่อภาครัฐประกาศเคอร์ฟิว คาดว่าประชาชนจะกักตุนสินค้าหรือกลุ่มอาหารกระป๋องสำเร็จรูปไว้ภายในบ้าน เพิ่มขึ้น
นายทวี ปิยะวัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เอฟ.พี. เทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดอาหารแปรรูปจากเนื้อปลาแช่แข็งแบรนด์พีเอฟพี กล่าวว่า กลุ่มอาหารแปรรูปแช่แข็ง แม้ว่าจะเป็นสินค้าอีกกลุ่มที่สะดวกและเอื้อให้ผู้บริโภคซื้อกักตุนในช่วง เวลาที่สถานการณ์ไม่ปกติ แต่พบว่า ช่องทางจำหน่ายโดยเฉพาะคีออสในห้างสรรพสินค้าต้องปิดดำเนินการ ส่วนช่องทางตลาดสด บริษัทก็ไม่สามารถกระจายสินค้าได้ ดังนั้นจึงคาดว่ายอดขายของพีเอฟพีตกลง 2-3% ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ระยะ 1 สัปดาห์
***พาณิชย์แจกถุงยังชีพ
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม โดยประสานงานไปยังผู้ผลิตสินค้า เพื่อจัดถุงยังชีพบรรจุข้าวสาร บะหมี่ นม น้ำพริกกระปุก และน้ำดื่ม จำนวน 4,000 ชุด และได้ทำการแจกจ่ายให้กับประชาชนในบริเวณที่ได้รับความเดือดร้อน เช่น ชุมชนเคหะบ่อนไก่ ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ชุมชนดินแดง และชุมชนริมทางรถไฟมักกะสัน ไปแล้ว โดยมีประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือในเบื้องต้น เกือบ 3,500 ครัวเรือน หรือเกือบ 30,000 คน
ส่วนการช่วยเหลือระยะต่อไป สัปดาห์หน้า จะจัดส่งรถโมบายธงฟ้า เพื่อจัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการโดยตรง ไปจำหน่ายให้กับผู้ใช้แรงงาน ข้าราชการ และประชาชน ในราคาถูกลด 10-30% รวมถึงสินค้าธงฟ้าราคาพิเศษจริงๆ โดยมีเป้าหมายช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในแหล่งชุมชนที่ได้รับผลกระทบไม่ ต่ำกว่า 5,000 ครัวเรือน เช่น ชุมชนย่านพระราม 4 ปทุมวัน ราชปรารภ และสามเหลี่ยมดินแดง
สำหรับแผนการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมจะ จัดโครงการธงฟ้าโดยนำสินค้าจากผู้ประกอบการในย่านประตูน้ำ อินทรา ราชประสงค์ ไปจัดจำหน่ายให้กับประชาชน เพื่อให้มีช่องทางในการระบายสินค้า โดยจะเริ่มงานแรกที่จ.มุกดาหาร วันที่ 1-7 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ กระทรวงฯ เตรียมเสนอของบประมาณ จำนวน 300 ล้านบาท จากนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยจากเหตุชุมนุมทาง การเมือง เพื่อนำมาใช้ในการจัดงานธงฟ้า ซึ่งจะจัดให้มากขึ้นและถี่ขึ้น
ในส่วนของการสร้างความเชื่อมั่นด้านการส่งออก กระทรวงฯ จะเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าต่างประเทศ โดยจะเดินหน้าการจัดงานไทยแลนด์ เบสต์ เฟรนด์ ตั้งเป้าหมายเชิญลูกค้าเเข้ามา 200 ราย ซึ่งถือเป็นงานแรกที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่น ส่วนงานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติ (ไทยเฟกซ์) จะจัดตามแผนเดิม คือ ช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้.
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|