MRT-BTS-เรือแสนแสบปิดอีก1วัน ปั๊มพื้นที่เสี่ยงยังไม่เปิด-พาณิชย์คุมเข้มสินค้า


ASTV ผู้จัดการรายวัน(21 พฤษภาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

รถไฟฟ้า MRT-BTS และเรือแสนแสบ ปิดบริการต่ออีก 1 วัน รอประเมินสถานการณ์ ปั๊มน้ำมันในพื้นที่เสี่ยงยังไม่เปิด แนะประชาชนเติมปั๊มรอบนอก บขส.หยุดวิ่งช่วงเวลาเคอร์ฟิวส์ สุวรรณภูมิเตรียมพื้นที่ และรถบริการให้ผู้โดยสาร "พาณิชย์" ส่งเจ้าหน้าที่คุมเข้มสินค้าป้องกันฉวยโอกาส พร้อมงัดธงฟ้าช่วยลดค่าครองชีพ

นายชูเกียรติ โพธยานุวัตร ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากมีการจับกุมแกนนำนปช.และมีการก่อจลาจลในพื้นที่หลายแห่งของ กทม.นั้น จากการสำรวจสถานีรถไฟฟ้า MRT ที่อยู่ในพื้นที่ของการชุมนุมและจุดที่การปะทะระหว่างทหารและผู้ชุมนุม ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ที่ผ่านมา พบว่า มี 2 สถานีที่ได้รับความเสียหายไม่มาก คือ สถานีศูนย์สิริกิติ์ และสถานีคลองเตย โดยกระจกด้านหน้าสถานีถูกทุบแตก และนำยางรถยนต์เข้าไปเผาด้านในบริเวณเชิงบันไดเลื่อนขึ้นลงสถานี แต่เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยของรฟม.สามารถเข้าไปดับได้ทัน

“ความเสียหายของทั้ง 2 สถานีไม่มากนัก มีเพียงกระจกบริเวณทางเข้าหน้าสถานีแตกเท่านั้น ส่วนความพร้อมในการเปิดให้บริการเดินรถนั้น เบื้องต้นคาดว่า ในวันศุกร์ที่ 21 พ.ค.นี้ รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จะยังคงต้องปิดให้บริการเดินรถต่อไป จนกว่าการประเมินสถานการณ์จะชัดเจนว่า มีความปลอดภัยแล้ว”

นอกจากนี้ รฟม.และผู้ที่เกี่ยวข้องจะมีการทบทวนแผนการรักษาความปลอดภัยของระบบรถไฟฟ้า อีกครั้ง ว่ายังมีจุดไหนที่ยังเป็นช่องโหว่อีกบ้าง แม้ว่าการออกแบบระบบรถไฟฟ้าใต้ดินทั้งหมดจะมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่าง มากแล้วก็ตาม

ส่วนรถไฟฟ้า BTS ยังคงงดให้บริการทั้งสายสุขุมวิทและสายสีลม อีก 1 วัน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของระบบทั้งหมดก่อน

นายเชาวลิต เมธยะประภาส ผู้จัดการ บริษัทครอบครัวขนส่ง ผู้ให้บริการเดินเรือในคลองแสนแสบ กล่าวว่า จะปิดการให้บริการเดินเรือในคลองแสนแสบต่ออีก 1 วันในวันนี้ โดยจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งว่าจะเปิดให้บริการได้ในวันถัดไปหรือไม่ เนื่องจากเส้นทางเดินเรือในคลองแสนแสบนั้น เป็นการรับส่งคนจากนอกเมืองเข้าสู่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นในที่มีปัญหา ทำให้ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างมาก โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินรายได้ที่สูญเสียไปจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นและทำให้ต้องหยุดให้บริการ


***แนะผู้ใช้รถเติมน้ำมันกทม.รอบนอก

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า วอร์รูมกระทรวงพลังงานได้ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองและประชุมร่วมกันในเช้า วานนี้ (20 พ.ค.) มีความเห็นร่วมกันว่ายังไม่เสนอศอฉ. เพื่อขอให้ยกเลิกประกาศห้ามขนส่งเชื้อเพลิงในพื้นที่ 13 เขต ด้านในกทม. แม้ว่าในขณะนี้ 90 ปั๊ม จากทั้งหมด 107 ปั๊ม ต้องปิดขายน้ำมัน เนื่องจากไม่สามารถขนส่งน้ำมันเข้ามาในพื้นที่ได้ก็ตาม ซึ่งอาจจะต้องทำให้ประชาชนเดือดร้อนบ้าง แต่หากพิจารณาภาพรวม สถานการณ์ยังไม่สงบ จึงขอให้ประชาชน รถสาธารณะต่างๆ รวมทั้งแท็กซี่ไปเติมน้ำมันในพื้นที่รอบนอก โดยในรัศมี 10 กิโลเมตร ยังมีปั๊มน้ำมันเติมได้อีก 288 แห่ง

อย่างไรก็ตาม จากที่ ศอฉ.ขยายประกาศใช้เคอร์ฟิวต่อในวันที่ 20-22 พ.ค. โดยห้ามประชาชนออกจากบ้าน 21.00-05.00น. จึงได้กำชับไปยังบริษัทค้าน้ำมัน ที่อยู่ในพื้นที่รอบนอก ขนส่งน้ำมันในช่วงกลางวันเท่านั้น และได้เข้มงวดขึ้น โดยประสานกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร เพื่อความปลอดภัยและมีการติดตามรถขนส่งโดยตลอด

**** ปตท.เปิดคลังจ่ายน้ำมันตามปกติ

นายปรัชญา ภิญญาวัธน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า วานนี้ (20 พ.ค.) คลังน้ำมัน ปตท. ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเปิดให้บริการจ่ายน้ำมันตามปกติ และจะมีการขนส่งน้ำมันน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับทุกสถานีบริการในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยควบคุมการขนส่งอย่างใกล้ชิดและมีการรายงานการขนส่งตลอดเส้นทาง ยกเว้นสถานีบริการ 28 แห่ง ใน 13 เขตพื้นที่ ซึ่งต้องขออนุญาตจาก ศอฉ. และกรมธุรกิจพลังงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน

ทั้งนี้ คาดว่าสถานีบริการน้ำมันจะทยอยเปิดให้บริการจนครบทุกสถานีในช่วงบ่ายวันที่ 20 พ.ค.นี้ ซึ่งประชาชนทั่วไปยังสามารถไปเติมน้ำมันได้ตามปกติ ส่วนสถานีบริการเอ็นจีวีขณะนี้ได้เปิดให้บริการตามปกติทุกสถานี ยกเว้น 7 แห่ง ใน 13 เขตพื้นที่ดังกล่าว

***บขส.หยุดวิ่งช่วงเวลาเคอร์ฟิว

บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) แจ้งว่า บขส.หยุดบริการเดินรถขาออกจากกรุงเทพฯ และจังหวัดที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ประกาศเคอร์ฟิวส์ วันที่ 20-22 พ.ค. ระหว่างเวลา 21.00 น -05.00 น (ของวันถัดไป) ผู้ใช้บริการที่ซื้อตั๋วหรือสำรองที่นั่งไว้แล้ว ไม่ประสงค์จะเดินทางหรือเลื่อนการเดินทาง ติดต่อสถานีเดินรถของบขส.ได้ทั่วประเทศ โดยผู้โดยสารที่ตกค้างเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ให้ติดต่อขอใช้บริการได้ที่สถานีเดินรถโดยไม่เสียสิทธิ์ใดๆ นอกจากนี้ บขส.จัดรถ 50 คัน รับ นปช.กลับบ้านที่สนามศุลภชลาศัย

***สุวรรณภูมิจัดรถบริการผู้โดยสาร

นายนิรันดร์ ธีรนาทสิน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศห้ามประชาชาชนออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00 น.ถึง 05.00น. ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค.-22 พ.ค. 2553 สนามบินสุวรรณภูมิได้เตรียมมาตรการรองรับผู้โดยสารเพื่ออำนวยความสะดวก 4 แนวทาง คือ 1.กรณีที่ผู้โดยสารขาเข้ามาถึงในช่วงประกาศเคอร์ฟิวแล้วต้องการพักรอ ภายในสนามบินได้จัดพื้นที่บริเวณชั้น 1 และ 4 ของอาคารผู้โดยสารฝั่งตะวันออกไว้ให้พร้อมเครื่องดื่ม 2.กรณีต้องการออกจากสนามบิน สามารถเดินทางโดยรถแท็กซี่ 3.เดินทางด้วยรถลีมูซีนของสนามบิน โดยทั้ง 2 วิธีผู้โดยสารจะต้องเตรียมหนังสือเดินทางและตั๋วโดยสารไว้เพื่อยืนยันกับ เจ้าหน้าที่ และ 4.ทอท.ได้จัดรถ Airport Express ไว้บริการฟรี 3 รอบ คือ 22.00น.,24.00น.และ 02.00น. ใน 3 เส้นทาง คือ สุขุมวิท,รัชดาและสีลม

ด้านบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส แจ้งว่า ยังคงทำการบินตามปกติ และขอให้ผู้โดยสารเดินทางถึงสนามบินก่อนเวลาตามประกาศเคอร์ฟิวส์ และขอให้เตรียมเอกสารการเดินทางให้พร้อม เพื่อแสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่หากมีการขอตรวจสอบเอกสารการเดินทางจากท่าน

***"พาณิชย์"คุมเข้มสินค้ากันป่วน

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้เรียกประชุมหน่วยงานทั้งหมดของกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งส่วนภูมิภาค เพื่อประเมินผลกระทบหลังการชุมนุมทางการเมือง และเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย โดยข้อสรุปที่ได้จะเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ รับทราบ เบื้องต้นจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา ดังนั้นในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะเดินหน้าแผนงานที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะการจัดงานแสดงสินค้า โดยจะเพิ่มกิจกรรมลงไปในจังหวัดต่างๆ เช่น งานมุกดาหาร แฟร์ ที่จะมีการจัดงานระหว่างวันที่ 1-7 มิ.ย.นี้ จะมีการเพิ่มขนาดงานให้ใหญ่ขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเข้าร่วมงาน รวมทั้งเป็นช่องการระบายสินค้า

ในส่วนของงานธงฟ้า จะมีการเพิ่มการจัดงานมากขึ้น โดยจะขอให้รัฐบาลสนับสนุนงบให้กับกระทรวงพาณิชย์เพิ่มเติม ในการให้ผู้ประกอบการนำสินค้ามาจำหน่ายให้กับประชาชน ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งผู้ประกอบการที่มีช่องทางการจำหน่ายสินค้ามากขึ้น และประชาชนจะได้ซื้อสินค้าในราคาที่ถูกลง ส่วนเรื่องการกักตุนสินค้า ยังไม่พบ เพราะระบบการจำหน่ายสินค้ายังเป็นปกติดีทุกอย่าง หากประชาชนบริโภคสินค้าในระดับปกติ ก็จะไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนสินค้าแน่นอน ดังนั้น ประชาชนไม่ควรตื่นตระหนกซื้อกักตุนในจำนวนมาก

นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่สายตรวจพิเศษออกตรวจราคาสินค้าไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสกว่า 13 สาย และหากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดดังกล่าว สามารถร้องเรียนไปที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 ซึ่งกรมฯ จะจัดส่งเจ้าหน้าที่หน่วยเคลื่อนที่เร็วออกไปตรวจสอบแก้ไขปัญหาให้ในทันที อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุการณ์กักตุนสินค้าเกิดขึ้นจริง กรมฯ จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดในการจัดการกับผู้ที่ฉวยโอกาส มีโทษจำคุกสูงสุด 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.