ยัน"วินโคสท์ โลจิสติกส์"ผลงานดี


ASTV ผู้จัดการรายวัน(19 พฤษภาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

นางสาวกรนันท์ สุคนธ์ฤทธิกร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) WIN ชี้แจงว่าตามที่ผู้สอบบัญชีได้แสดงความเห็นการสอบทานงบการเงินแบบไม่สามารถ ให้ความเชื่อมั่นได้และมีข้อสังเกตไว้ในรายงาน และงบการเงินรวมระหว่างกาล สำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 53 ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 53 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยนั้น ผู้สอบบัญชีได้รายงานในงบการเงินว่า " เนื่องจากความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต สืบเนื่องจากบริษัท วินโคสท์ โลจิสติกส์ จำกัด (บริษัทย่อย) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 99.9% ได้รับหนังสือจากผู้ให้เช่า โดยขอให้บริษัทย่อยดังกล่าวชำระหนี้ และบอกเลิกสัญญาเช่าโดยให้ผลนับตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม52 โดยบริษัทย่อยดังกล่าวจะต้องหยุดประกอบกิจการ พร้อมทั้งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้แล้วเสร็จ ภายใน 180 วัน นับแต่วันสัญญาระงับ ซึ่งบริษัทย่อยยังไม่ได้บันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สินดังกล่าว ซึ่งมีมูลค่าสุทธิตามบัญชี 80.88 ล้านบาท เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการทำให้สัญญาเช่าให้มีผลต่อไป " ดังนั้น บริษัทฯ ชี้แจงดังนี้

1. ผู้สอบทานไม่มีข้อสงสัยในเรื่องตัวเลขของงบการเงินงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31มีนาคม 53 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย กล่าวคือบริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องจากมีผลขาดทุนสุทธิลดลงถึง 9.26% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เนื่องมาจากการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง

2.การที่บริษัทย่อยได้ยื่นคำร้องเพื่อขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อศาล ล้มละลายกลาง และศาลล้มละลายกลางได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการของบริษัทย่อย เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 53 นั้น ทั้งนี้บริษัทย่อยยังมีความตั้งใจที่จะเสนอแผนธุรกิจ และแผนปรับโครงสร้างกับเจ้าหนี้ โดยมีความประสงค์จะยื่นอุทธรณ์เพื่อให้ศาลฎีกาพิจารณาคดีอีกครั้งภายในวัน ที่ 27 พฤษภาคม 53 ตามที่ทนายความได้ทำคำร้องขอขยายระยะเวลาของการอุทธรณ์เพื่อคัดค้านคำสั่ง ศาลชั้นต้นต่อศาลฏีกาแผนกล้มละลายออกไปอีก 30 วัน โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าแผนฟื้นฟูกิจการจะส่งผลให้บริษัทฯสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหา หนี้สินได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวสามารถอธิบาย และชี้แจงข้อสังเกตของผู้สอบทานบัญชี ได้ดังนี้

2.1 การบอกเลิกสัญญาเช่าจากผู้ให้เช่า คือการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ระบุวันบอกเลิกสัญญาคือวันที่ 16 ตุลาคม 52 แต่ด้วยเหตุที่บริษัทย่อย ที่เป็นผู้เช่าได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ และศาลได้รับคำร้องเพื่อนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการไต่สวน ในวันที่ 14 ตุลาคม 52 ทำให้สัญญาดังกล่าวได้คงสภาพโดยอัตโนมัติ (Automatic Stay) รวมทั้งปรากฏว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม 53 ทางการนิคมอุตสาหกรรมฯ ได้เรียกเก็บเงินค้ำประกันจากทางธนาคาร ที่ทางบริษัทได้วางไว้กับการนิคมอุตสาหกรรม เมื่อวันเริ่มทำสัญญาเช่า และออกใบเสร็จรับเงินระบุว่าเป็นค่าเช่าพื้นที่ให้กับบริษัท ย่อย ส่งผลให้บริษัทย่อยยังคงสถานะในการครอบครองพึ้นที่เช่าจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2553และด้วยเหตุนี้บริษัทจึงยังไม่ได้บันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของทรัพย์สิน ดังกล่าวในงบการเงินรวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 53 ด้วย

2.2 สำหรับกรณีการหยุดให้บริการด้านการขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟเป็นการชั่วคราว ที่บริษัทย่อยได้หยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 52 นั้น หากบริษัทย่อยสามารถบรรลุข้อตกลงกับการนิคมอุตสาหกรรมฯ รวมถึงเจ้าหนี้รายอื่นๆ หรือสามารถอุทธรณ์การเข้าแผนฟื้นฟูกิจการได้เป็นผลสำเร็จ บริษัทย่อยยังมีความตั้งใจที่จะกลับมาให้บริการขนส่งทางรถไฟอีกครั้ง

3. เรื่องหนี้สินการผิดนัดชำระกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่งนั้น บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 25 มกราคม 53 และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 53 ได้มีการผ่อนชำระหนี้ตามแผนการชำระหนี้อย่างเคร่งครัด โดยขณะนี้บริษัทฯได้รับการปรับสถานะเป็นลูกหนี้ปกติแล้ว

ดังนั้นการที่ผู้สอบบัญชีไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นได้และมีข้อสังเกตไว้ใน รายงาน จึงเกิดจากความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ที่ได้กล่าวข้างต้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.