|
SIRIออกหุ้นกู้ลดเพิ่มทุน500ล.
ASTV ผู้จัดการรายวัน(19 พฤษภาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
แสนสิริฯ ลุยออกหุ้นกู้อายุ 7 ปี มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยคงที่ 5.6 %ต่อปีจ่ายทุก3เดือน เจาะจงขายนักลงทุน คาด 20 พ.ค.เสนอขาย หลังแต่งตั้งธนาคารไทยพาณิชย์จัดจำหน่าย พร้อมโชว์ผลการดำเนินงานQ1/53 โตสวนกระแสการเมืองด้วยยอดขายรวม 5,200 ล้านบาท รายได้รับรู้ 4,321 ล้านบาท และมีกำไรกว่า 339 ล้านบาทอัตรากำไรเติบโต 3 เท่าหรือ 185% จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่52
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการออกหุ้นกู้ระยะยาว อายุ 7 ปี มูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท โดยจะนำทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจให้ครบวงจรและครอบคลุมทุกเซ็กเมนท์มากขึ้น โดยได้แต่งตั้งให้ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้งหมด สำหรับผลตอบแทนของหุ้นกู้ กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.6% ต่อปีตลอดอายุหุ้นกู้ จ่ายดอกเบี้ยทุก3 เดือน โดยกำหนดวันออกหุ้นกู้ในวันที่ 20 พ.ค.53นี้
“ การเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวจำนวน 2,000 ล้านบาทในครั้งนี้ ส่งผลให้มีการปรับแผนการเพิ่มทุนของบริษัทฯ จากเดิมที่กำหนดไว้ประมาณ 1,400 ล้านหุ้น มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ลดเหลือเพียง 500 ล้านหุ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ลงทุนเนื่องจากจะทำให้ Dilution ลดลง และ ROE (อัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น) เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในส่วนการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว จะดำเนินการให้เสร็จสิ้นไตรมาสที่ 2นี้”
สำหรับผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริ ในช่วงไตรมาสแรก สามารถสร้างยอดขายรวมได้ 5,200 ล้านบาท สูงกว่าเป้ายอดขายไตรมาสแรกที่ตั้งไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังสามารถทำรายได้สูงถึง 4,321 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้ 2,950 ล้านบาท รวมทั้งสามารถทำกำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดขึ้นถึง 185% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี52 ที่มีกำไรสุทธิ 119 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 220 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย 4 เดือน (สิ้นสุด ณ 30 เม.ย.53) มียอดขายรวม 5,905 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27% ของยอดขายทั้งปีที่วางเป้าหมายไว้ที่ 22,000 ล้านบาท
“ ปัจจัยที่สนับสนุนให้กลุ่มบริษัทแสนสิริ ประสบความสำเร็จในด้านการขายโครงการที่อยู่อาศัยตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี นี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้ายังคงมีอยู่อย่างต่อ เนื่อง ประกอบกับผลจากการขายที่อยู่อาศัยพร้อมเข้าอยู่เพื่อรองรับการโอนก่อน มาตรการลดหย่อนภาษีธุรกิจอสังหาฯจะหมดลง ส่งผลให้มียอดโอนจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ในช่วงต้นไตรมาสที่ 2 ยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยโดยรวมก็ค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าจะมีปัจจัยลบทางการเมืองจนทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อช้าลง แต่ยังมั่นใจว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดขายโครงการที่อยู่อาศัยรวมตั้งแต่เดือนเม.ย.-พ.ค. ของบริษัท มียอดขายแล้ว 341 ยูนิต มูลค่ารวม1,415 ล้านบาท โดยที่อยู่อาศัยทุกเซกเมนต์และทุกระดับราคายังได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะยอดตอบรับจากแคมเปญการตลาด Flexi Living มอบบริการสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ตามความต้องการ
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 จะเน้นใช้กลยุทธ์การทำการตลาดภายใต้แนวคิด ‘THE ICONIC LIVING’ ที่มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าเป็นสำคัญ นอกจากนี้ มีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียม 1 โครงการ โครงการบ้านพร้อมพัฒน์ พรีว่า จำนวน 1โครงการ ตั้งเป้าหมายยอดขายไตรมาส 2 ประมาณ 4,100 ล้านบาท
อนึ่ง ก่อนหน้านี้มีบริษัทอสังหาฯรายใหญ่ มีการออกหุ้นกู้ เพื่อเสริมสภาพคล่องของบรัทจำนวนมาก เช่น บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ออกหุ้นกู้วงเงิน 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยขายในช่วง4 ปีตั้งแต่ปี52 เป็นต้นไป โดยในช่วงปลายปี 52 แลนด์ฯได้ขายหุ้นกู้ไปแล้ว 3,000 ล้านบาท และในช่วงไตรมาสแรกของปี53นี้ ได้มีการออกหุ้นกู้ขายเพิ่มอีก 2งวด งวดละ 1,000 ล้านบาท และ2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออกี 5,000 ล้านบาทนั้นคาดว่าจะทยอยออกจำหน่ายในช่วงปลายปีนี้และปีหน้า
บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) ได้ออกหุ้นกู้ประเภทมีการค้ำประกันมูลค่ารวมไม่เกิน 1,500 ล้านบาทอายุ2ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.90 % ต่อปี ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) นั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริหารบริษัทได้อนุมัติออกหุ้นกู้จำนวนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 5 ปี เพื่อใช้เป็นเงินทุนการพัฒนาโครงการในอนาคต ด้าน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เตรียมออกหุ้นกู้จำนวน 1,500 ล้านบาท.
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|