GSTEEL -GJSอ่วมกว่า5.2พันล้าน


ASTV ผู้จัดการรายวัน(19 พฤษภาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

นายอารี เซท ลีวี่ กรรมการ บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL แจ้งผลงานไตรมาสแรกปีนี้ว่าบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 5,196.41 ล้านบาท ขณะงวดเดียวกันปีก่อนขาดทุน 4,754.69 ล้านบาท หรือขาดทุนเพิ่ม 441.72 ล้านบาท คิดเป็น 9.29% เนื่องจากช่วงเดียวกันของปี 52 บริษัทและบริษัทย่อยได้บันทึกต้นทุนขายราคาสูงเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบที่ สูงขึ้น อีกทั้งได้รับรู้ถึงค่าใช้จ่ายสำคัญถึง 1,406 ล้านบาท และ 2,341 ล้านบาท ในไตรมาสแรกปี 52เพราะ " หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ" และ " ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินค้าคงเหลือ " ตามลำดับ

ขณะที่ไม่มีค่าใช้จ่ายเหล่านี้เกิดขึ้นในไตรมาสแรกปีนี้ และถูกหักล้างไปด้วยยอด 5,090 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นในไตรมาสนี้ จาก " ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ระหว่างก่อสร้างและเงินจ่ายล่วงหน้าสำหรับการ จัดซื้อที่ดินอาคารและอุปกรณ์ " นอกจากนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายจาก " ขาดทุนจากการขายเศษเหล็กปนเศษดิน" และ "ขาดทุนจากการซื้อวัตถุดิบด้อยคุณภาพ"

ด้านรายได้รวมงวดนี้บริษัทและบริษัทย่อยมี 5,113 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนมีรายได้รวม 5,541 ล้านบาท ลดลง 428 ล้านบาทหรือ 8 % เนื่องมาจากปริมาณการขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และบริษัทยังได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดของสภาพคล่องทำให้ไม่สามารถดำเนินการ ผลิตได้ในที่ระดับสูงเพราะราคาผลิตภัณฑ์เหล็กค่อนข้างทรงตัวเมื่อเปรียบ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 52

นายอิสระ อัคราพิทักษ์ กรรมการ บริษัท จี เจ สตีล จำกัด (มหาชน ) หรือ GJS แจ้งผลงานไตรมาสแรกปี 53 พบว่าบริษัทขาดทุนสุทธิ 5,258 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 4,842.24 ล้านบาท ส่วนกำไรขั้นต้นงวดนี้มี 206 ล้านบาท เพิ่มจากงวดนี้ปี 52 เพราะปี 52 ปริมาณขายและราคาขายสินค้าลดลงอย่างเป็นสาระสำคัญและต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย และในไตรมาสแรกปี 53 เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวส่งผลให้ราคาขายเริ่มปรับตัวสูงขึ้นและต้นทุนขายลดลง อย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนรายได้อื่นลดลงจากการขายเศษวัสดุและสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานจากการผลิตลด ลง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายต่ำลงจากปริมาณการขายที่ลดลง และได้รับเศษเหล็กจากผู้ขายต่างประเทศแห่งหนึ่ง และได้ว่าจ้างให้ผู้สำรวจอิสระในการตรวจสอบสภาพเศษเหล็กและพบว่ามีสิ่งเจือ ปนอยู่มาก บริษัทจึงบันทึกประมาณการผลขาดทุนของมูลค่าเศษเหล็กนี้ 100 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ขายรายนี้

ทั้งนี้ GSTEEL และบริษัทย่อยทั้งหมด รวมถึง GJS แจ้งถึงข้อตกลงระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท (ผู้ถือหุ้นใหญ่)กับ G Steel และ GJS ผู้บริหารใหม่ของ G Steel เชื่อว่าข้อตกลงนี้จะเป็นการเอื้อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทอย่างมากในการ สร้างมูลค่าเพิ่มต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสำหรับผู้ถือหุ้นทั้งหมดและเป็นการ แสดงถึงผลเชิงบวกในการอำนวยประโยชน์ต่อความสำเร็จในการปรับโครงสร้างเงินทุน ของบริษัท

ตามงบการเงินไตรมาสแรกปี 53 ของ G Steel และ GJS ตลอดระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจและเป็นไปตามทางการค้าปกติ G Steel และ GJS ได้ทำการขายสินค้าให้แก่ลูกค้าบางราย ซึ่งจากผลกระทบของวิกฤตการณ์ทางการเงิน และความผันผวนของราคาสินค้าซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ได้ในช่วงปลายปี 51 ลูกค้ารายดังกล่าวจึงไม่สามารถทำการชำระหนี้ค่าสินค้าให้แก่ G Steel และ GJS ได้โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 52 มียอดคงค้างของลูกหนี้การค้าทั้งของ GSteel และ GJS เป็นเงินทั้งสิ้น 2,056 ล้านบาท

ดังนั้น ทั้งสองบริษัทจึงได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวนของยอดหนี้ที่ยัง ไม่ได้จ่ายชำระ และมีสิทธิที่จะได้รับการชำระค่าสินค้าเต็มจำนวนตามที่ได้เคยตั้งค่าเผื่อ หนี้สงสัยจะสูญจากยอดหนี้ของลูกค้าดังกล่าว G Steel และ GJS ตั้งใจที่จะเรียกร้องสิทธิอย่างเต็มที่และดำเนินการทางกฎหมายกับลูกค้ากลุ่ม นี้ภายใต้ตัวบทกฎหมายแล้วแต่กรณีไป

ตามข้อตกลงของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ความสามารถในการรับรู้มูลค่าจากมูลหนี้ของลูกหนี้กลุ่มนี้ได้ปรับเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ ตามที่คณะกรรมการบริษัทของ G Steel และ GJS ได้มีมติรับทราบถึงข้อตกลงในวันนี้ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้ตกลงไว้กับ G Steel และ GJS ในการค้ำประกันเป็นการส่วนตัวเพื่อเป็นประโยชน์กับ G Steel และ GJS เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยครอบคลุมถึงยอดลูกหนี้การค้าที่ยังไม่จ่ายชำระดังกล่าว และ ภาระการค้ำประกันก็จะลดลงเป็นสัดส่วนตามไปด้วย และ ผู้ถือหุ้น รายใหญ่ตกลงที่จะยินยอมให้ผู้บริหารใหม่เข้าทำการบริหารงานของบริษัท และจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในแต่ละวันของ G Steel และ GJS เป็นระยะเวลา 5 ปีเพื่อให้การปรับโครงสร้างบริษัทเสร็จสมบูรณ์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.