|
ค้าปลีกชงรัฐแวตฟรีโซน สยามฯอัด300ล.กู้ชีพผู้เช่า
ASTVผู้จัดการรายวัน(12 พฤษภาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
“สยามพิวรรธน์” ประชุมลูกห้อง “สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่ฯ” เรียบร้อย พร้อมรอนำมาตรการยื่นรัฐขอความช่วยเหลือด่วน เล็งเสนอพื้นที่ราชประสงค์และแยกปทุมวันเป็น “แวตฟรีโซน” อ้อนรัฐอัดงบตลาดปลุกธุรกิจท่องเที่ยว-ชอปปิ้ง พร้อมทุ่มงบตลาดเพิ่มอีก 25% เป็น 300 ล้านบาท โหมฮาร์ดเซล กู้ชีพผู้เช่า
นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ และสยามพารากอน เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ประชุมหารือกับผู้เช่าพื้นที่หรือลูกห้องใน 2 ศูนย์ฯคือ สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่ทั้งสองศูนย์ฯได้รับผลกระทบจากการที่ม็อบเสื้อแดงปิดถนนย่านราชประสงค์มานานกว่า 1 เดือนแล้ว ประเมินความเสียหายเบื้องต้นกว่า 2,000 ล้านบาท โดยจะรวบรวมข้อเสนอต่างๆเพื่อนำเสนอให้กับรัฐบาลเพื่อขอความช่วยเหลือไป ขณะที่สยามพารากอนนั้นจะมีการประชุมกับผู้เช่าพื้นที่ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้การเจรจากับผู้เช่าพื้นที่ได้ทำการเจรจาเป็นแบบเทลเลอร์เมด โปรแกรม เพื่อดูแลสภาพคล่องของผู้เช่าเป็นกรณีรายๆไป อย่างไรก็ตาม จะรอดหรือไม่รอดนั้นก็อยู่ที่ศักยภาพของแต่ละรายเป็นสำคัญ ยอมรับว่าการปิดศูนย์ฯมามานานกว่า 1 เดือนนั้น ถือว่าเป็นวิกฤติครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทำศูนย์การค้ามานาน 40 ปี ซึ่งปีที่แล้วต้องปิดศูนย์ฯประมาณวันครึ่ง ก็ส่งผลกระทบนานกว่า 7 เดือน แต่ครั้งี้ปิดนานเดือนกว่า คงต้องใช้ระยะเวลานานในการเยียวยามากกว่าปีขึ้นไป
ในเบื้องต้นนี้ ทางผู้ประกอบการศูนย์การค้า ค้าปลีก และอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนในย่านราชประสงค์ ได้เสนอให้ทางภาครัฐช่วยส่งเสริมด้านตลาดในภาพรวมของการชอปปิ้งย่านปทุมวันและย่านราชประสงค์
รวมทั้งได้เสนอให้ภาครัฐพิจารณามาตรการในการช่วยเหลือต่างๆ เช่น เรื่องของภาษี แวตฟรี โซน ให้กับผู้ประกอบการและผู้ซื้อสินค้านย่านนี้นาน 6 เดือน ซึ่งจะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพในการทำราคาขายสินค้าและสร้างผลกำไรด้วย เป็นการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยพื้นที่ที่อยู่ในข่ายดังกล่าวตั้งแต่ แยกเซ็นทรัลชิดลม จนถึงแยกปทุมวัน สี่แยกลุมพินีจนถึงสี่แยกปรตูน้ำ
อย่างไรก็ตา มาตรการเยียวยาผู้ประกอบการของทางภาครัฐที่ออกมาก่อนหน้านี้นี้ก็มีหลักการพอสมควร ซึ่งอันที่จริงแล้วรัฐจะต้องพิจารณาและดำเนินการในรายละเอียดอย่างรอบคอบ เพราะมีรายละเอียดมาก อีกทั้งหลีกเลี่ยงการถูกกล่าวหาว่าเลือกปฎิบัติ
นางชฎาทิพกล่าวต่อว่า เกรงว่าในช่วง 3 เดือนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งตามที่รัฐบาลประกาศออกมา เพราะอาจจะเกิดสูญญากาศทาการเมืองได้ ซึ่งขอเสนอว่า ในส่วนนี้รัฐบาลควรที่จะเร่งผลักดันกฎหมายต่างๆที่เป็นประโยน์ต่อประเทศออกมาก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจนตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ในช่วงนี้ ทางสยามพิวรรธน์เองก็ต้องหามาตรการมาบรรเทาทุกข์ให้กับลูกห้องไปก่อน ล่าสุดบริษัทฯได้ใช้งบประมาณรวมกว่า 300 ล้านบาท เป็นการเพิ่มงบขึ้นมาอีก 25% หรือ 100 ล้านบาท เพื่อทำตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม-ธันวาคมปีนี้ ทั้งแผนระยะสั้น ระยะยาว เพื่อช่วยเหลือ ร้านค้าเช่ามากกว่า 1,000 ราย ภายใน 3 ศูนย์ฯ
“เราเชื่อว่าจะปลุกการท่องเที่ยวและการจับจ่ายกลับคืนมาได้ ด้วยการฉีดยาแรงเข้ามากระตุ้นด้วยแคมเปญต่างๆ ที่เน้นการ ลดราคา เป็นหลัก” นางชฎาทิพกล่าว
ล่าสุดใช้งบประมาณ 20 ล้านบาท จัดแคมเปญ “S.O.S. Super Sales เรายกสยามฯมาไว้ที่นี่” วันที่ 11-16 พ.ค.นี้ที่ ทองหล่อมิดทาวน์และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นการนำเอาร้านค้าที่ได้รับความเดือดร้อนและสนใจที่จะมาเปิดพื้นที่ขายสินค้ารวมกว่า 200 ราย เพิ่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับร้านค้า ในการขายนอกพื้นที่ศูนย์ฯ ต่อจากนั้นก็จะมีแคมเปญตามมาอีกมาก ที่เน้นการลดราคา
สำหรับแผนดำเนินงานในโครงการใหม่ นางชฎาทิพกล่าวต่อว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะการหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งภายในช่วงสิ้นปีนี้ คาดว่าจะสามารถสรุปโครงการ คอมเพล็กซ์ ใหม่ได้ ส่วนโครงการพาราไดซ์พาร์ค หรือเสรีเซ็นเตอร์เดิมนั้น คาดว่าจะเปิดตามกำหนดเดิมคือ กรกฎาคมนี้ ส่วนแผนการปรับปรุงใหญ่ของสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ ด้วยงบ 1,000 ล้านบาท และรีโนเวตสยามเซ็นเตอร์ งบ 350 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จปลายปีนี้ตามกำหนดเดิม
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|