บล.ภัทรขยับพอร์ตลงทุนเป็น1.4พันล.


ASTVผู้จัดการรายวัน(12 พฤษภาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA เปิดเผยว่า มูลค่าพอร์ตการลงทุนของบริษัทปัจจุบันได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1,400 ล้านบาท จากต้นปีอยู่ที่บริษัทได้ลงทุน 1,2000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 16% เนื่องจาก ราคาหุ้นที่บริษัทเข้าไปลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยพอร์ตลงทุนของบริษัทจะเน้นลงทุนในระยะยาวและลงทุนในหุ้นพื้นฐานที่ดี ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนที่จะมีการเพิ่มพอร์ตการลงทุน ซึ่งคาดว่าผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20-25%

ทั้งนี้ จากการที่นักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้นนั้นส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) อยู่ที่ 5% ซึ่งนักลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วน 22% ของมูลค่าการซื้อขายโดยรวมของบล.ภัทร โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีสัดส่วน 19% แต่หากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนและมีสัดส่วนการลงทุนมากขึ้นกว่า 20% นั้นเชื่อว่าจะช่วยทำให้มาร์เกตแชร์ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6%

สำหรับมูลค่าการซื้อขายช่วงไตรมาส2/53 ออกมาดีเฉลี่ยต่อวัน 26,339.39 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันปีก่อนที่ 21,322.99 ล้านบาทต่อวัน ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่ดี ซึ่งต้องรอประกาศผลการดำเนินงานออกมาก่อน โดยช่วงไตรมาส2 ปี 52 บริษัทมีกำไร 126 ล้านบาท ขณะที่รายได้ทางด้านที่ปรึกษาทางการเงิน (ไอบี) มีรายได้ที่ดีจากที่จะรับรู้รายได้จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัท บีทีเอส กร๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)หรือ BTS และยังมีงานที่ปรึกษาอื่น ๆ

อย่างไรก็ตามทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยขณะนี้ประเมินยาก แต่บล.ภัทร คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะอยู่ที่ 860 จุด ซึ่งปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนในเรื่องปัญหาทางการเงินการคลังของกรีซซึ่งเป็นเรื่องที่ประเมินได้ยาก หากยังมีปัญหาอยู่เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไทยและเอเซีย กลับไปที่ยุโรป และไทยมีปัญหาทางการเมืองทำให้มีแรงเทขายออกมาต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยว่า หากการชุมนุมทางการเมืองยุติ เชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อขายหุ้น ซึ่งจะส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนในกลุ่มลูกค้าต่างประเทศของบริษัทดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

"ไตรมาส 2 นี้ วอลุ่มน่าจะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อโบรกเกอร์ เพราะจะได้รับอานิสงส์ของการกลับเข้ามานักลงทุนต่างประเทศ และหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้มาร์เก็ตแชร์ของบริษัทมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้ ขณะที่ผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในยุโรปยังประเมินได้ยาก แต่เชื่อว่าเม็ดเงินที่ไหลออกนอกประเทศ จะกลับเข้ามาลงทุน โดยยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นออกบ้างจากปัญหาการเมืองของไทยและปัญหายุโรป แต่โดยรวมนักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิอยู่" นายอภินันท์ กล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.