|
สถานะ SCB หลังโอนทรัพย์คดีทักษิณ
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( พฤษภาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
"เงินนี้เป็นเงินของลูกค้า ไม่ใช่เงินของธนาคาร หากมีคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมายตามสิทธิ์ เราพร้อมทำตาม เราไม่มีปัญหา สภาพคล่อง เพราะในระบบของเรามีสูง และเงินก้อนนี้เมื่อเทียบกับเงินฝากที่มี 9 แสนล้านบาท ถือว่าไม่มาก" กรรณิกา ชลิตอากรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งได้โอนเงินให้กระทรวงการคลังตามคำสั่งศาลฎีกาแผนกคดี อาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ ศย 100/1679 ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน 2553
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ธนาคารไทยพาณิชย์มีเงินที่อายัด ไว้ของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 35,999,205,706 บาท (จากเงินอายัดที่ตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งหมด 46,373 ล้านบาท) ประกอบด้วย ชื่อบัญชี น.ส.พิณทองทา ชินวัตร สาขาชิดลม 3,000,000,000 บาท, สำนักรัชโยธิน 311,013,095 บาท, สำนักรัชโยธิน 13,000,000,000 บาท, สำนักรัชโยธิน 3,000,000,000 บาท, ชื่อบัญชี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สาขาพหลโยธิน 100,000,000 และ 33,502,451 บาท, ชื่อบัญชี นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ สำนักรัชโยธิน 340,021,142 และ 1,000,000,000 และ 3,000,000,000 บาท, ชื่อบัญชี นายพานทอง แท้ ชินวัตร สาขาชิดลม 1,000,000,000 บาท, สาขาย่อยเซ็นจูรี 908,384,143 บาท สำนักรัชโยธิน 6,140,582 บาท, ชื่อบัญชีคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร (ชินวัตร) สำนักรัชโยธิน 188,037,520 บาทและ 100,360,000 และ 10,000,000 บาท, สาขาซอยอารีย์ 1,782,803 บาท ชื่อบัญชี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สำนักรัชโยธิน 10,000,000,000 บาท ทั้งนี้ยังไม่นับรวมมูลค่าของตราสารหนี้และหน่วยลงทุน
สถานะของธนาคารไทยพาณิชย์หลังโอนเงินกว่า 3.6 หมื่น ล้านเข้าคลัง ได้ก่อให้เกิดกระแสข่าวลือถึงปัญหาสภาพคล่องของแบงก์อาจเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่มีการยืนยันว่า SCB มีเงินกองทุนสูงถึง 153,370 ล้านบาทและมีเงินฝากรวมกว่า 900,000 ล้าน ถ้าเทียบกับเงินอายัดที่คืนคลัง 3.6 หมื่นล้านก็เท่ากับ 4% ของเงินฝาก SCB ทั้งหมด
"การมีธุรกรรมรับฝากเงินหรือถอนเงินเป็นจำนวนสูงในระดับหลักหมื่นล้านบาท ต่อวัน ถือเป็นธุรกรรมปกติสำหรับธนาคารขนาดใหญ่และมีระบบงานรองรับอยู่แล้ว ดังนั้นการนำส่งเงินอายัดตามคำสั่งในหมายบังคับคดีในเงินฝากที่เกี่ยวข้อง จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธนาคาร"
ตามด้วยข่าวผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2553 นี้ ที่มีกำไรสุทธิ 6.4 พันล้านเพราะการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย 4.7% และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเพิ่ม 18.5%
อนาคตของสถาบันการเงินสำคัญแห่งนี้จึงเป็นที่น่าจับตาว่า หลังเงินฝาก 3.6 หมื่นล้านไหลออกและผลกระทบจากวิกฤติการเมืองม็อบเสื้อแดงที่รุนแรง อาจก่อปัญหาหนี้เสียในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโรงแรมและลูกค้ากลุ่มธุรกิจการค้าใหญ่น้อยได้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|