สุพจน์ สิงห์เสน่ห์ AUDITOR มืออาชีพแห่งพีทมาร์วิค สุธี


นิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2533)



กลับสู่หน้าหลัก

หนึ่งในสำนักงานตรวจสอบบัญชีระดับอินเตอร์เนชั่นแนลเฟิร์ม ที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนิยมใช้บริการกันมากแห่งหนึ่งก็คือ สำนักงานพีท มาร์วิคสุธี (KPMG PEAT MARVICK SUTHEE)

มีคำกล่าวว่าลูกค้าก็คือกระจกสะท้อนเงาผู้ตรวจสอบบัญชีนี้เองว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนปฏิบัติการตรวจสอบบัญชีด้านไหนบ้าง

ปัจจุบันสำนักงานพีทมาร์วิค สุธี นี้มีลูกค้าที่เป็นบริษัทจดทะเบียนและบริษัทรับอนุญาตในตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ 25 บริษัท โดยจัดเป็นกลุ่มสถาบันการเงินอยู่ 5 แห่งคือแบงก์กสิกรไทย แบงก์มหานคร แบงก์ศรีนคร แบงก์นครหลวงไทยและบงล.จีเอฟ

กลุ่มพาณิชย์และบริการ 2 แห่งคือบริษัทเบอร์ลี่ยุคเกอร์และบริษัทอาร์ ซี แอล

กลุ่มอุตสาหกรรม 9 แห่งคือบริษัท ผลิตภัณฑ์อิสานบริษัทฝาจีบ อลูคอน อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมพรมไทยยูนิคอร์ด หาดทิพย์ อาหารสยาม ซันโยยูนิเวอร์แซลและไทยแลนด์ ฟิชเชอรี่

ส่วนกลุ่มอื่น ๆ อีก 10 แห่ง คือบริษัทรัตการเคหะ ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ สยามเจเนอรัลไทยคิวฟู แจ๊กเจียอุตสาหกรรมและโครงการกองทุนของบริษัทกองทุนรวมอีก 5 กองทุน คือ กองทุนทรัพย์ทวีสอง กองทุนธนภูมิ กองทุนร่วมพัฒนาและกองทุนสินภิญโญสี่และห้า

สำนักงานพีท มาร์วิค สุธีแต่เดิมเป็นสำนักงานตรวจสอบบัญชีชื่อ "สำนักงานสุธี สิงห์เสน่ห์" ที่สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงไม่ต่ำกว่า 30 กว่า ปีโดยดร.สุธี สิงห์เสน่ห์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและปัจจุบันประธานกรรมการบรรษัทอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นก่อตั้ง

"ก่อนที่เราจะเป็น KPMG เราเคยอยู่ในกลุ่ม ซึ่งเขาแข็งมากทางยุโรป ต่อมาเมื่อ 3 ปีกว่ามาแล้วราวตุลาคมปี 30 ทาง PMG และ PEAT MARVICK เขารวมตัวกัน หลังจากนั้นมาเราก็กลายเป็น KPMG PEAT MARVICK SUTHEE ไป" สุพจน์ สิงห์เสน่ห์ หนึ่งในหุ้นส่วนคนไทยเล่าให้ฟัง

ปัจจุบันสำนักานตรวจสอบบัญชีแห่งนี้มีหุ้นส่วนคนไทยทั้งสิ้น 5 คน นับตั้งแต่หุ้นส่วนอาวุโสอย่าง ดร.สุธี สิงห์เสน่ห์ ดร.พยอมสิงห์เสน่ห์ซึ่งเป็นคู่ชีวิตของสุธีและสุพจน์ สิงห์เสน่ห์ น้องชายคนเล็กสุดของครอบครัว รวมทั้งหุ้นส่วนอีกสองคนคือนิรันดร์ ลีลาเมธวัฒน์ และ"คลิฟ" หุ้นส่วนคนไทยอีกคนหนึ่งที่ไปทำงานในสาขาต่างประเทศ

"บริษัทที่อยู่ในตลาดที่ผมดูแลทั้งหมดมีอยู่ 5 บริษัทเป็นสถาบันการเงินหนึ่งแห่งคือ บงล.จีเอฟ และอยู่ในกลุ่มอาหารสองแห่งคือบริาทยูนิคอร์ดและบริษัทไทยแลนด์ฟิชเชอรี่ฯ รวมทั้งกุ่มอื่น ๆ อีกสองคือบริษัทแจ๊กเจียอุตสาหกรรมและบริษัทไทยคิวฟู" สุพจน์ สิงห์เสน่ห์ ได้กล่าวถึงการแบ่งความรับผิดชอบดูแลลูกค้าตามความถนัด

สุพจน์ สิงห์เสน่ห์มีมาดของความเป็นอาจารย์อยู่สูงบุคลิกเป็นผู้มีวาจาอันเยบร้อยและถ่อมตนอยู่มาก วิถีชีวิตการทำงานของสุพจน์เริ่มต้นกับพี่ชายคือ ดร.สุธี ที่สำนักงานตรวจสอบบัญชีแห่งนี้เป็นเวลา 18 ปี หลังจากจบการศึกษาปริญญาตรีสาขาบัญชีจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีทำงานมีประสบการณ์ได้ประมาณ 3 ปี เขาก็ตัดสินใจบินไปเรียนต่อเอ็มบีเอหรือระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจโดยเน้นวิชาการบริหารการเงินเป็นวิชาเอกที่มหาวิทยาลัยมิซิแมน สหรัฐอเมริกา

"โดยส่วนตัวผมสนใจทางด้านสาขาการเงินอยู่ เพราะว่าพื้นฐานการศึกษามาทางนี้ ขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมก็เป็นส่วนหนึ่งที่น่าสนใจ คุณจะเห็นว่าลูกค้าที่ผมดูแลส่วนใหญ่อยู่ในภาคนี้เช่นบริษัทยูนิคอร์ด ไทยแลนด์ฟิชเชอรี่กลุ่มไทยคิวฟูและแจ๊กเจียอุตสาหกรรมก็ตาม" สุพจน์เล่าให้ฟัง

ความมีใจรักบวกกับพื้นฐานการเรียนรู้จากครอบครัวซึ่งมีพี่น้อง 4 ใน 7 คนที่เรียนจบบัญชีจากสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงทั้งธรรมศาสตร์และจุฬาฯ ทำให้พี่น้องครอบครัว "สิงห์เสน่ห" มีสายเลือดนักบริหารการเงินและการบัญชีอยู่มาก

"เรามีกันอยู่ 7 พี่น้องผู้ชาย 3 คนและผู้หญิง 4 คน ผมเป็นคนท้ายสุด ซื้อขึ้นต้นทุกคนว่า "สุ" เพราะมันง่ายสำหรับการตั้งชื่อดีนับตั้งแต่คนโตชื่อ "สุเทพ" ส่วนอจ.สุธีเป็นคนที่สองคุณพ่อไม่ได้เป็นนักบัญชีแต่คงมองเห็นว่าศึกษาเล่าเรียนทางนี้แล้วจะมีอนาคตดีและอาจจเป็นเรื่องใจชอยด้วย" สุพจน์ สิงห์เสน่ห์ซึ่งเพิ่งจะมีอายุครบ 42 ปีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเล่าให้ฟัง

ทุกวันนี้บทบาทของสำนักงานตรวจสอบบัญชีมีอยู่สูงมากในวงการธุรกิจใหญ่น้อยทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อรับรองความถูกต้องทางบัญชีตัวเลขและรับรองด้านภาษีอากร ตลอดจนเป็นข้อมูลต่อการตดัสินใจลงทุนหรือให้กู้ยืมเงินโดยเฉพาะในบริษัทจดทะเบียนที่ต้องการระดมทุนโดยผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ยิ่งต้องเสนอข้มูลทางบัญชีที่มีประโยชน์ต่อผู้ลงทุนที่จะต้องการนำไปวิเคราะห์งบดุล

ดังนั้นข้อมูลที่รวดเร็วและเชื่อถือได้โดยผ่านผู้ตรวจสอบบัญชีระดับมาตรฐานดังเช่นสำนังกานพีท มาร์วิค สุธีจึงเป็นข้อมูลทางการเงินที่เป็นข่าวสารสำคัญต่อการตัดสินใจสำหรับผู้ลงทุน ผู้ถือหุ้นและหน่วยราชการผู้ควบคุมด้วย

การพิจารณารับลูกค้าของพีท มาร์วิคนั้นสุพจน์เล่าว่ายืนบนหลักการพิจารณาที่ว่ามีความเป็นไปได้และพร้อมเพียงดในการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีขั้นตอนการพิจารณาคล้ายของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตั้งแต่เยี่ยมชมโรงงาน ขอทราบถึงแนวความคิดฝ่ายจัดการ เข้าไปดูการทำงานของฝ่ายบัญชีตลอดจนวิเคราะห์งบการเงินปีที่ผ่าน ๆ มา

"เท่าที่เราทำงานกับอันเดอร์ไรเตอร์มาหลายบริษัท เราก็มีประสบการณ์ด้านนี้พอควรพอจะทางตลาดหลักทรัพย์ฯ เขาจะมีแนวทางที่จะรับบริษัทเสนอตัวเข้ามาเป้นบริษัทจดทะเบียนอย่างไร แต่โอกาสจะเข้าได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับบริษัทมากกว่า ไม่ใช่คุณอยากจะเข้าตลาดฯแล้วก็ช่วยกันดันเข้าโดยไม่คำนึงถึงว่าเข้าไปแล้วจะทำได้หรือไม่ ผลการดำเนินงานของเขาจะดีหรือไม่ ถ้ามันเป็นเรื่องที่ยังไม่พร้อมเราก็จะบอกตรง ๆ อาจจะเป็นเหตุนี้ก็ได้ที่เราทำเคสไหนแล้วไม่เคยมีปัญหา" นี่คือการทำงานของที่นี่

ถึงจะมีคำกล่าวทำนองที่ว่าบริษัทจดทะเบียนที่ให้พีทมาร์วิคทำการตรวจสอบบัฐชีให้นั้นส่วนใหญ่จะผ่านเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มากในปีก็ด้วยดร.สุธี สิงห์เสน่ห์เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาก่อน คอนแคชั่นนี้ก็เอื้อต่อการทำธุรกิจนี้เพียงใดนั้น สุพจน์ ได้กล่าวว่า

"ถ้าหากคำว่า "เอื้อ" หมายถึงตำแหน่งหน้าที่การงาน ผมคิดว่าคงไม่ใช่อย่างนั้น ผมมองที่ประวัติการทำงานอันยาวนานที่เรามีคุณภาพมากกว่าการเมือง คุณอย่าลืมว่าผู้สอบบัญชีโดยหน้าที่เป็นอันเดอร์ไรเตอร์ไมได้แต่อันเดอร์ไรเตอร์เขาอยากมีส่วนทำงานกับผู้สอบบัญชีซึ่งมีคุณภาพ เพราะรู้ว่าชื่อเสียงและความเชื่อถือมีส่วนทำให้งานของเขาง่ายยิ่งขึ้น"

ทุกวันนี้พีท มาร์วิค สุธีจะให้บริการอยู่สองฝ่ายใหญ่ ๆ คือ ฝ่ายการให้คำปรึกษาด้านภาษีอากร และฝ่ายทำหน้าที่ตรวจสอบบัญชี ส่วนบริการด้านคอนซัลแตนท์หรือที่ปรึกษาด้านการลงทุนนั้นสุพจน์เล่าว่าขณะนี้ได้เริ่มบ้างแล้ว

"แต่การทำคอนซัลแตนท์สิ่งที่สำคัญมากก็คือทรัพยากรบุคคล ซึ่งการพัฒนาคนด้านนี้ต้องใช้เวลาเพื่อให้เขามีคุณภาพให้บริการคำปรึกษาได้จริง ๆ งานตอนนี้บริษัทต่างชาติจะเข้ามาลงทุนต้องการให้เราสำรวจตลาดให้รอลูกค้าในประเทศของเราต้องการขยายกิจการและอยากให้เราหาหุ้นส่วนต่างประเทศให้ เราก็จะช่วยแนะนำ"

สุพจน์ได้เน้นความภูมิใจของพีท มาร์วิค สุธีที่มี HUMAN RESOURCE DEVELOPMENT PROGRAM อย่างมาก ทุกวันเสาร์จะเป็นวันสำหรับการฝึกอบรมอย่างเดียวหลังจากที่มีประสบการณ์ภาคสนามจริง ๆ ใน 5 วันทำการแล้ว ก็จะมีกาแรลกเปลี่ยนปัญหาที่ต้องช่วยกันคิดและแก้ไข

ปัจจุบันพีท มาร์วิค สุธีเป็นสำนักงานตรวจสอบบัญชีที่มีขนาดไม่เล้กหรือใหญ่เกินไปโดยมีพนักงานทีจบปริญญาตรีสาขาบัญชีไว้ไม่ต่ำกว่าจำนวน 170 คน ที่ถูกหล่อหลอมไปสู่การเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีภายใต้มาตรฐานอินเตอร์เนชั่นแนลเฟิร์มแบบพีท มาร์วิคซึ่งจะมีคู่มือการปฏิบัติงาน AUDIT MANUAL ที่จะถูกปรับให้เข้ากับกฎหมายไทย บริษัทหนึ่งจะใช้ทีมงานตรวจสอบบัญชีประมาณ 5-6 คน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดธุรกิจของลูกค้าและระยะเวลา

"ดังนั้นไม่ว่าคุณจะไปใช้พีท มาร์วิค หรือ PMG ที่ไหนในโลก เขาก็จะพยายามทำให้คุณได้มาตรฐานงานเดียวกัน" สุพจน์เล่าให้ฟังถึงมาตรฐานการให้บริการ

นโยบายหนึ่งที่ทางกลุ่ม KPMG PEAT MARVICK ที่จะมีการแลกเปลี่ยนพนักงานซึ่งกันและกันเป็นโปรแกรมที่ทางสุพจน์เล่าว่า กำลังดำเนินการอยู่ซึ่งการจะส่งใครไปนั้นจะต้องเป็นตัวแทนที่มีคุณภาพทำงานให้เขาได้ เป็นลักษณะ ON THE JOB TRAINING

"เราอยู่ในวิชาชีพนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือคน ลูกค้าของเราจะได้รับบริการดีเพียงไหนนั้นอยู่ที่การฝึกคนที่เรามีอยู่ด้ดีแค่ไหน นี่คือนโยบายด้านคนที่เด่นมากของที่นี่

ภาพลักษณ์ของสุพจน์ สิงห์เสน่ห์ก็สะท้อนความจริงบางประการได้ว่า การเลือกเดินบนหนทางอันยาวนานได้สั่งสมความเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีคุณภาพและชื่อเสียง ดุจเดียวกับพี่ชายขอเขา ดร.สุธี สิงห์เสน่ห์ได้ประสบความสำเร็จมาแล้ว เพียงแต่สุพจน์ค่อนข้างจะมีสไตล์การทำงานเงียบ ๆ อยู่ภายในสำนักงานพีท มาร์วิคสุธีเท่านั้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.