ในบรรดาพรรคการเมืองหลายๆ พรรคที่ชูป้ายค้านการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ชื่อว่าพลเอกเปรม
ติณสูลานนท์ พรรคสหประชาธิปไตยที่มีนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าพรรคดูเหมือนจะได้รับความบอบช้ำมากที่สุด
ตั้งแต่ประธานที่ปรึกษาเลขาธิการพรรค ถูกธนาคารกรุงไทยแจ้งความร้องทุกข์ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
ลูกพรรคคนอื่นๆ ก็ถูกแจ้งจับในข้อหาต่างๆ กันเป็นแถว "ฟอร์มดีมีชัยไปกว่าครึ่ง"
เห็นจะใช้กับสหประชาธิปไตยไม่ได้ ต้องหันมาใช้สโลแกนว่า "ฟอร์มดีนัก
เลยถูกตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม"
"ผมไม่เสียใจ เพราะได้ทำไปเพื่อประเทศชาติ แต่ขอให้จำไว้วันนี้ทำผมได้วันหน้าจะได้รู้กัน"
คำพูดของพ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ ประธานที่ปรึกษาพรรคสหประชาธิปไตยประกาศต่อหน้าผู้สื่อข่าวในการแถลงข่าว
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาต่อกรณีที่ตนถูกธนาคารกรุงไทยฟ้องร่วมกับตามใจขำภโตอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารที่เป็นโจทก์
"ผมเป็นผู้แทนฯ วันไหนจะยื่นญัตติด่วนให้สอบสวนปลัดและรองปลัดกระทรวงการคลังทันที"อีกประโยคหนึ่งที่
พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ย้ำ
จากสองประโยคนี้ใครก็คงเดาได้ว่าศึกระหว่างคณะกรรมการธนาคารกรุงไทยชุดปัจจุบันกับ
พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์และตามใจ ขำภโตจะต้องเป็นศึกยืดเยื้อชนิดที่ต้องฟาดฟันกันให้บรรลัยไปข้างหนึ่งเพราะทางด้านพนัส
สิมะเถียรปลัดกระทรวงการคลังและภุชงค์ เพ่งศรีรองปลัดในฐานะประธานกรรมการและกรรมการของแบงก์กรุงไทยเมื่อกล้าขึ้นไปขี่หลังเสือมีหรือจะยอมให้เสือตะปบกินเอาง่ายๆ
และใครจะเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำนั้นเป็นเรื่องของอนาคต เพราะทั้งพ.อ.พลและตามใจอาจจะถูกมองว่ากำลังเป็นเสือลำบากที่มีเขี้ยวเล็บคมกริบ
มิหนำซ้ำยังมีอดีตผู้นำกองทัพอีกหลายคนที่ร่วมหัวอกเสือลำบากด้วยกัน
เรื่องผิดเรื่องถูกตามข้อกฎหมายก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ระวังอย่าให้ถูก
"เข้าใน"ว่าเป็นการกระทืบซ้ำเหยียบย่ำกันเกินไป คำคมจากกำลังภายในที่ว่า
"ลูกผู้ชายฆ่าได้หยามมิได้" นั้นยังใช้การได้อยู่
ย้อนกลับเข้ามาคดีความครั้งนี้กันดีกว่า เพราะถาจับประเด็นรวบๆ กันว่า
ธนาคารกรุงไทยฟ้องพ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์และตามใจ ขำภโตซึ่งทั้งสองคนนี้เป็นผู้บริหารระดับสูงของพรรคสหประชาธิปไตยสีสันของเรื่องคงออกไปแนวการเมืองหมด
แต่โดยเหตุที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกระทรวงการคลังผู้ถือหุ้นใหญ่ธนาคารกรุงไทย
ยืนกรานหนักแน่นว่าการฟ้องสองผู้บริหารของพรรคสหประชาธิปไตยไม่เกี่ยวกับการเมือง
จึงน่าจะแยกคดีของ พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์กับตามใจ ขำภโต ออกจากกัน
พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ถูกบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เงินทุนสากล(บริษัทในเครือธนาคารกรุงไทย)
แจ้งจับข้อหาจ่ายเช็คดอกเบี้ยเงินกู้จำนวน 13,645,300 บาทแต่ธนาคารปฏิเสธการสั่งจ่าย
"คดีของเสธ.พลนั้นมันแค่คดีเช็คเด้งธรรมดา และคุณเชื่อเหรอว่าเงินแค่นี้เสธ.พลไม่มีปัญญาจ่าย
เรื่องของเรื่องเสธ.พลคงคิดว่าไหนๆ ถูกการเมืองรังแกแล้วก็เบี้ยวเสียเลย
ข่าวจะได้ใหญ่ขึ้น ซึ่งพอปฏิเสธหมายเชิญตัวของกองปราบไป 2 ครั้ง ครั้งที่
3 เจ้าหน้าที่สามารถแจ้งข้อหาและทำการจับกุม เสธ.พลก็เข้ามอบตัวและทำประกันตัวออกไปในวันเดียวกัน"
นักสังเกตการณ์การเมืองวิเคราะห์ให้ฟัง
และถ้าย้อนหลังไปเมื่อเริ่มมีข่าวว่าธนาคารกรุงไทยจะฟ้องตามใจ ขำภโต กับพ.อ.พล
เริงประเสริฐวิทย์ พ.อ.พลก็ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์อย่างเกรี้ยวกราดว่ากิจการของตนเป็นกิจการที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาตลอด
พร้อมทั้งอวดหลักฐานที่เป็นจดหมายของชาญ มนูธรรมกับพลเอกประจวบ สุนทรางกูร
รัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีในโควต้าของพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มีไปถึงตามใจ
ขำภโต เพื่อให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้กับโรงงานสับปะรดของ พ.อ.พล
ไม่ว่า พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์จะแสดงความโกรธแค้นว่ารัฐบาลกลั่นแกล้งเพียงใด
การแถลงข่าวของพ.อ.พลก็ตำหนิพาดพิงไปแค่สมหมาย ฮุนตระกูล รักษาการณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเท่านั้น
ตัวหัวหน้ารัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ไม่เคยเอ่ยถึงแม้แต่แอะเดียว
"ใครเห็นข่าวก็ต้องรู้แล้วว่าลองมีจดหมายของชาญ มนูธรรมกับพลเอกประจวบ
สุนทรางกูรไปถึงตามใจ ขำภโต ก็หมายความว่าท่านนายกฯก็ต้องรับรู้และเห็นชอบด้วย
อยู่ๆ เมื่อพ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ไปร่วมกับพรรคสหประชาธิปไตยที่ชูธงว่าไม่ต้องการนายกรัฐมนตรีชื่อพลเอกเปรมอีก
ก็โดยกรุงไทยเบรคไม่ผ่านเช็คให้แถมยังโดนฟ้องอีก มือระดับ พ.อ.พล มีหรือไม่รู้ว่าเป็นคำสั่งมาจากไหน?
แต่อย่างว่ามือระดับนี้ทำอะไรต้องมีทางถอย การไม่กล่าวตำหนิพาดพิงไปถึงพลเอกเปรม
อาจจะทำให้ได้ประโยชน์บางอย่างในอนาคตก็ได้…ใครจะไปรู้"นักสังเกตการณ์การเมืองรายเดิมวิเคราะห์ต่อ
สำหรับคดีของตามใจ ขำภโตนั้นธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวหาตามใจ
ขำภโต อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยกับดร.วรุณ กาญจนกุญชร อดีตรองผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อสำนักงานใหญ่
ในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
"เราได้รับตัวเลขความเสียหายที่ธนาคารได้รับจาการใช้อำนาจของนายตามใจประมาณ
2,000 ล้านบาท ความเสียหายอาจมีมากกว่านี้ถ้าได้หลักฐานมากขึ้น จะเร็วจะช้าก็ต้องแล้วแต่ธนาคารกรุงไทยจะส่งหลักฐานมาให้
"พล.ต.ต.บุญชู วังกานนท์ ผบ.กองปราบปรามให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวและย้ำว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง
กองปราบทำตามหน้าที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว
พนักงานสอบสวนรายหนึ่งเปิดเผยว่าจะต้องเรียกพนักงานกรุงไทยทั้งที่ทำงานอยู่และลาออกไปแล้วมาสอบสวนอีกประมาณ
40 ปากและจะสอบสวนต่อไปในเรื่องการอนุมัติสินเชื่อให้กับกลุ่มธุรกิจของสุระจันทร์ศรีชวาลา
และพ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์ จะยังไม่พาดพิงไปถึงกลุ่มธุรกิจอื่น
"มันก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยเหมือนกันเพราะสมัยที่ผมอยู่แบงก์ชาติก็เคยทำหนังสือถึงกระทรวงการคลัง
ว่าการดำเนินงานของกรุงไทยไม่ค่อยชอบมาพากลตั้งหลายครั้งกระทรวงการคลังซึ่งเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ไม่เห็นทำอะไร
ทำไมถึงมาฟ้องร้องกันตอนนี้"นุกูล ประจวบเหมาะ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยให้ความเห็นกับ
"ผู้จัดการ"
"ผู้จัดการ" ก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมธนาคารกรุงไทยจึงเลือกสอบสวนเฉพาะการอนุมัตสินเชื่อกลุ่มธุรกิจของสุระ
จันทร์ศรีชวาลาและพ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์เท่านั้น พ.อ.พลนั้นสงสัยน้อยหน่อยเพราะโดนแจ้งความคดีเช็คไปแล้ว
สุระ จันทร์ศรีชวาลาแม้จะเป็นที่รู้กันว่าใกล้ชิดกับตามใจ ขำภโต จนสามารถกู้เงินไปได้ก้อนโต
ก็เป็นเรื่องความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจเช่นเดียวกับกลุ่มกิจการของสว่าง เลาหทัยหรือชวลิต
ทั่งสัมพันธ์ แล้วทำไมสุระต้องติดร่างแหไปกับ พ.อ.พลด้วย?
มาได้คำตอบเอาเมื่อ "ผู้จัดการ" คิดถึงครั้งหนึ่งที่คุยกับสุระ
จันทร์ศรีชวาลา ซึ่งสุระเล่าว่าตัวเขาคงสนับสนุนตามใจ ขำภโต กับพ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์โดยตรงไม่ได้
เพราะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในพื้นที่อุทัยธานีแต่เขาคือเจ้าของที่ดินกว่า 10
ไร่ย่านใจกลางเมืองอุทัยธานีที่เป็นย่านธุรกิจของจังหวัด
งานนี้สรุปว่า "คนไม่ผิด ผิดที่มีหยกติดตัว"
"ทั้งหมดที่กรุงไทยดำเนินการไปจะเห็นได้ว่าเป็นลักษณะรุกเพื่อปรามความฮึกเหิมของพรรคสหประชาธิปไตยโดยเฉพาะ
2 แกนนำของพรรคคือเสธ.พล เริงประเสริฐวิทย์และตามใจ ขำภโต ถ้าคุณเป็นคุณตามใจหากจะช่วยเหลือลูกพรรคในเรื่องเงินๆ
ทองๆ อย่างเต็มที่ก็ต้องชะงักแล้ว หรือถ้าคุณเป็นคุณสุระแล้วมีข่าวแบบนี้คุณจะกล้าไปกระซิบบรรดาพ่อค้านักธุรกิจชาวอุทัยธานีที่เช่าที่ดินของคุณอยู่ว่าให้ช่วยสนับสนุนเสธ.พลกับคุณตามใจ"
นักสังเกตการณ์ทางการเมืองอีกรายหนึ่งให้ความเห็น
"ผมว่าเรื่องนี้จะบอกว่าเป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะข่าวเรื่องคุณตามใจกับกลุ่มธุรกิจใหญ่ทั้ง
4 กลุ่มมันมีมานานแล้ว ตอนที่คุณตามใจเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่อยู่คณะกรรมการจะทำอะไรก็ไม่ถนัดเพราะคุณตามใจเขาคุมข้อมูลไว้หมด
พอหมดวาระออกจากกรุงไทยแกก็เดินทางไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมไม่ยอมกลับเมืองไทยกลับมาตอนเลือกตั้งก็ต้องแจ้งความกันตอนนี้แหละครับ"พนักงานระดับสูงของแบงก์กรุงไทยชี้แจงกับ
"ผู้จัดการ"
อย่างไรก็ตามน่าจะให้เครดิตคำพูดของเริงชัย มาระกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่ถูกยืมตัวมาจากธนาคารแห่งประเทศไทยในการให้สัมภาษณ์
"ผู้จัดการ" ฉบับเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่าทางด้านลูกหนี้รายใหญ่ทั้ง
4 กลุ่มได้มีการตั้งคณะทำงานติดตามเป็นเฉพาะรายและคิดว่าการแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องที่สุดวิสัย
หากมีการติดต่อมาเจรจากันแม้ธนาคารกรุงไทยจะเสียประโยชน์ไปบ้างหากมีการRESTRUCTURE
หนี้ใหม่
และกลุ่มที่มาเจรจาขอ RESTRUCTURE หนี้ใหม่ซึ่งเรื่องกำลังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการธนาคารกรุงไทยก็คือกลุ่มสยามวิทยาของสุระ
จันทร์ศรีชวาลาและกลุ่มศรีกรุงของสว่าง เลาหทัยและโดยวิสัยของผู้ประกอบการธนาคารพาณิชย์
ไม่ว่าจะเป็นของรัฐหรือเอกชนการดำเนินการฟ้องร้องจนลูกหนี้รายใหญ่อยู่ไม่ได้นั้น
ไม่มีใครเขาทำกันเพราะผู้ที่เสียหายมากที่สุดก็คือตัวธนาคารและประชาชนผู้ฝากเงิน
ยกเว้นแต่พูดกันไม่รู้เรื่องจริงๆ เท่านั้น
แนวโน้มคดีความระหว่างธนาคารกรุงไทยกับแกนนำของพรรคสหประชาธิปไตย เห็นจะเป็นเรื่องที่ด่วนสรุปไม่ได้
เพราะลองเป็นเรื่องที่มีการเมืองระยะต่อไป พ.อ.พล เริงประเสริฐวิทย์จะยืนหยัดค้าน
"ป๋า" ได้นานแค่ไหนในเมื่อตัวเองเคยพูดเสมอว่าเป็นลูกป๋าคนหนึ่งและท่าทีทางการเมืองของพ.อ.พลที่ผ่านมาก็มักจะ
"พลิก" ในนาทีสุดท้ายจนเป็นข่าวฮือฮามาตลอด
สหประชาธิปไตยจะได้ผู้แทนเข้าสภากี่คน มีบทบาทแค่ไหนในการร่วมตั้งรัฐบาลชุดใหม่ก็เป็นตัวแปรที่สำคัญ
สำหรับคดีที่กรุงไทยให้ทนายไปร้องทุกข์กับกองปราบนั้นอย่าเพิ่งไปใส่ใจมากเลย
เพราะพล.ต.ต.บุญชู วังกานนท์ท่านคงไม่รีบร้อนสอบสวนเท่าไหร่นัก งานนี้สอบพยาน
40ปากแล้วไม่ต้องรีบร้อนด้วย อีก 2 ปีค่อยสรุปสำนวนก็ไม่ถือว่าช้าเกินไป