แม้ว่าในรอบครึ่งปีที่เพิ่งจะผ่านไปนี้บริษัทธนบุรีพาณิชย์ จะต้องเผชิญกับปัญหายอดขายของเบ๊นซ์ที่เป็นตัวแทนประกอบ
และจำหน่ายในประเทศไทยตกต่ำลงถึง 20% รถแวนของเบ๊นซ์ที่ออกจากโรงงาน 500 คันยังจำหน่ายไปได้เพียง
50% ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็อึดกว่าทุกๆ ปีมาก
แต่นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องที่เสือเก่าผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการรถยนต์มานาน
จะยืนนิ่งรอให้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟุบแฟบกระเตื้องขึ้นเสียก่อนค่อยพลิกฟื้นสถานการณ์กันอีกครั้ง
เพราะสิ่งที่ธนบุรีพาณิชย์ได้ตัดสินใจกันในวันนี้คือ การประกาศแนะนำรถเบ๊นซ์รุ่นใหม่ที่เพิ่งได้รับสิทธิ์จากเบ๊นซ์เยอรมันให้ประกอบขายได้โดยตรงในประเทศไทยคือรุ่น
230 E และรุ่น 300 E ตามลำดับ
โดยที่เบ๊นซ์ 230 E มีกำหนดออกสู่ตลาดภายในเดือนกันยายนนี้ก่อน ส่วนรุ่น
300 E จะออกตามหลังมาในช่วงต้นปีหน้า
และสนนราคาของเบ๊นซ์ 230 E ที่จะออกจากโรงงานของบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์บริษัทในเครือธนบุรีพาณิชย์นั้นก็เท่ากับ
1,650,000 บาทไม่ขาดไม่เกิน ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกับรถรุ่น 2300 ซีซี สกุลยุโรปด้วยกันแล้ว
ก็ค่อนข้างจะแพงหูฉี่ทีเดียว นี่มิพักจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับรถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ
"ก็ยอมรับครับ ก็เบ๊นซ์มันแพงอยู่แล้ว และเราบอกตามตรงว่าราคาเท่านี้ไม่ได้โก่งกำไรมากมายแต่ประการใด
มันเป็นเพราะค่าเงินมาร์คมันแข็ง เราก็ได้แต่ภาวนาว่า ในช่วงที่เรานำรถออกสู่ตลาดค่าเงินมาร์คจะถูกลงบ้าง
เพื่อราคารถรุ่นนี้จะได้ต่ำลง…" พากเพียร วิริยะพันธ์ ผู้จัดการทั่วไปของธนบุรีประกอบรถยนต์บอกกับ
"ผู้จัดการ" อย่างเปิดใจ
เบื้องหลังการแนะนำรถทั้ง 2 รุ่นออกสู่ตลาดนั้น ว่าไปแล้วก็เป็นการเตรียมการตั้งแต่
2 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ยอดขายรถเบ๊นซ์ในประเทศยังไม่ถึงกับทรุดตัวหนักมากนัก
"ผมว่าถ้าเขาออกมาเมื่อ 2 ปีก่อนตอนนั้น ก็คงจะพุ่งแรงไปแล้วเพราะค่าเงินมาร์คก็ยังไม่แข็งมาก
ราคาคงจะสู้คู่แข่งได้สบายมาก เพราะโดยชื่อเสียงของเบ๊นซ์ก็กินขาดคู่แข่งอยู่แล้ว"
แหล่งข่าวในวงการรถยนต์คนหนึ่งพูดให้ฟัง
แต่ก็นั่นแหละ…จากผลของการที่เบ๊นซมีมาตรฐานในการควบคุมคุณภาพของรถอย่างใกล้ชิดและพิถีพิถัน
ชิ้นส่วนภายในประเทศที่รัฐบาลกำหนดให้ใช้อย่างน้อย 45% ก็ได้ทำให้ทางธนบุรีประกอบรถยนต์ต้องเสียเวลาไปกับการส่งชิ้นส่วนที่ผลิตได้ในประเทศไทยไปตรวจสอบที่เยอรมันกินเวลาถึงเกือบ
2 ปีกว่าที่ทางเบ๊นซ์จะยอมให้นำมาประกอบเป็นเบ๊นซ์ทั้ง 2 รุ่นนี้ได้
"แต่ถ้าจะมองกันอีกด้านหนึ่งแล้วเวลาที่ต้องเสียไปนี้ก็คือคุณภาพของรถที่ประกอบในประเทศก็จะมีคุณภาพทัดเทียมกับที่ประกอบในต่างประเทศ
แม้แต่ที่โรงงานของบริษัทแม่เอง…" ผู้บริหารคนหนึ่งของธนบุรีพาณิชย์กล่าว
และแม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างสะบั้นหั่นแหลกอย่างไรโดยเฉพาะในเรื่องราคา
สำหรับธนบุรีพาณิชย์ก็ตั้งเป้าการขายรถรุ่น 230 E อย่างเชื่อมั่นว่าจะสามารถผลิตออกมาขายได้เดือนละอย่างน้อย
50 คันในขณะที่ระยะที่ผ่านมารถเบ๊นซ์ที่ขายๆ กันอยู่หลายๆ รุ่นนั้นออกจากโรงงานเดือนละ
120 คัน โดย 80% ของตลาดจะอยู่ในกรุงเทพฯ
"อันนี้ก็คงจะไม่ได้หมายความว่าคนต่างจังหวัดไม่ค่อยซื้อเบ๊นซ์ใช้นะคือตามสถิติการขาย
เราพบว่ามันเป็นอย่างนั้นคือมีไม่น้อยที่คนต่างจังหวัดเขามาซื้อในกรุงเทพฯ
และขึ้นทะเบียนกรุงเทพฯ" พากเพียร ชี้แจง
การประกาศตัวแนะนำรถเบ๊นซ์รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้จัดกันขึ้นที่โรงแรมฮิลตันฯ
อย่างเอิกเกริกพอสมควร เพราะก็มีตัวแทนจำหน่ายทั้ง 17 รายมากันเกือบครบรวมทั้งผู้สื่อข่าวทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์อีกจำนวนมาก
แต่ถ้าจะพูดถึงงบในการจัดทำโปรโมชั่นกันแล้ว ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีคำตอบจากฝ่ายบริหารว่าจะมีการเปลี่ยนโฉมหน้าจากการซุ่มเงียบๆ
มาเป็นการอัดฉีดกันให้อึกทึกครึกโครมหรือไม่
"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา เป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากเราก็คงจะใช้การโปรโมชั่นตรงมากกว่าจะต้องใช้สื่อหลายๆ
ประเภท…" ผู้บริหารอย่างพากเพียรบอกเป็นนัยๆ