เบ๊นซ์แนะนำรถรุ่นใหม่ 230 E และ 300 E คันละล้านกว่าคือราคาที่ตั้งไว้


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

แม้ว่าในรอบครึ่งปีที่เพิ่งจะผ่านไปนี้บริษัทธนบุรีพาณิชย์ จะต้องเผชิญกับปัญหายอดขายของเบ๊นซ์ที่เป็นตัวแทนประกอบ และจำหน่ายในประเทศไทยตกต่ำลงถึง 20% รถแวนของเบ๊นซ์ที่ออกจากโรงงาน 500 คันยังจำหน่ายไปได้เพียง 50% ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็อึดกว่าทุกๆ ปีมาก

แต่นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องที่เสือเก่าผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการรถยนต์มานาน จะยืนนิ่งรอให้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ฟุบแฟบกระเตื้องขึ้นเสียก่อนค่อยพลิกฟื้นสถานการณ์กันอีกครั้ง

เพราะสิ่งที่ธนบุรีพาณิชย์ได้ตัดสินใจกันในวันนี้คือ การประกาศแนะนำรถเบ๊นซ์รุ่นใหม่ที่เพิ่งได้รับสิทธิ์จากเบ๊นซ์เยอรมันให้ประกอบขายได้โดยตรงในประเทศไทยคือรุ่น 230 E และรุ่น 300 E ตามลำดับ

โดยที่เบ๊นซ์ 230 E มีกำหนดออกสู่ตลาดภายในเดือนกันยายนนี้ก่อน ส่วนรุ่น 300 E จะออกตามหลังมาในช่วงต้นปีหน้า

และสนนราคาของเบ๊นซ์ 230 E ที่จะออกจากโรงงานของบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์บริษัทในเครือธนบุรีพาณิชย์นั้นก็เท่ากับ 1,650,000 บาทไม่ขาดไม่เกิน ซึ่งหากจะเปรียบเทียบกับรถรุ่น 2300 ซีซี สกุลยุโรปด้วยกันแล้ว ก็ค่อนข้างจะแพงหูฉี่ทีเดียว นี่มิพักจะต้องนำไปเปรียบเทียบกับรถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ

"ก็ยอมรับครับ ก็เบ๊นซ์มันแพงอยู่แล้ว และเราบอกตามตรงว่าราคาเท่านี้ไม่ได้โก่งกำไรมากมายแต่ประการใด มันเป็นเพราะค่าเงินมาร์คมันแข็ง เราก็ได้แต่ภาวนาว่า ในช่วงที่เรานำรถออกสู่ตลาดค่าเงินมาร์คจะถูกลงบ้าง เพื่อราคารถรุ่นนี้จะได้ต่ำลง…" พากเพียร วิริยะพันธ์ ผู้จัดการทั่วไปของธนบุรีประกอบรถยนต์บอกกับ "ผู้จัดการ" อย่างเปิดใจ

เบื้องหลังการแนะนำรถทั้ง 2 รุ่นออกสู่ตลาดนั้น ว่าไปแล้วก็เป็นการเตรียมการตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว ในช่วงที่ยอดขายรถเบ๊นซ์ในประเทศยังไม่ถึงกับทรุดตัวหนักมากนัก

"ผมว่าถ้าเขาออกมาเมื่อ 2 ปีก่อนตอนนั้น ก็คงจะพุ่งแรงไปแล้วเพราะค่าเงินมาร์คก็ยังไม่แข็งมาก ราคาคงจะสู้คู่แข่งได้สบายมาก เพราะโดยชื่อเสียงของเบ๊นซ์ก็กินขาดคู่แข่งอยู่แล้ว" แหล่งข่าวในวงการรถยนต์คนหนึ่งพูดให้ฟัง

แต่ก็นั่นแหละ…จากผลของการที่เบ๊นซมีมาตรฐานในการควบคุมคุณภาพของรถอย่างใกล้ชิดและพิถีพิถัน ชิ้นส่วนภายในประเทศที่รัฐบาลกำหนดให้ใช้อย่างน้อย 45% ก็ได้ทำให้ทางธนบุรีประกอบรถยนต์ต้องเสียเวลาไปกับการส่งชิ้นส่วนที่ผลิตได้ในประเทศไทยไปตรวจสอบที่เยอรมันกินเวลาถึงเกือบ 2 ปีกว่าที่ทางเบ๊นซ์จะยอมให้นำมาประกอบเป็นเบ๊นซ์ทั้ง 2 รุ่นนี้ได้

"แต่ถ้าจะมองกันอีกด้านหนึ่งแล้วเวลาที่ต้องเสียไปนี้ก็คือคุณภาพของรถที่ประกอบในประเทศก็จะมีคุณภาพทัดเทียมกับที่ประกอบในต่างประเทศ แม้แต่ที่โรงงานของบริษัทแม่เอง…" ผู้บริหารคนหนึ่งของธนบุรีพาณิชย์กล่าว

และแม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างสะบั้นหั่นแหลกอย่างไรโดยเฉพาะในเรื่องราคา สำหรับธนบุรีพาณิชย์ก็ตั้งเป้าการขายรถรุ่น 230 E อย่างเชื่อมั่นว่าจะสามารถผลิตออกมาขายได้เดือนละอย่างน้อย 50 คันในขณะที่ระยะที่ผ่านมารถเบ๊นซ์ที่ขายๆ กันอยู่หลายๆ รุ่นนั้นออกจากโรงงานเดือนละ 120 คัน โดย 80% ของตลาดจะอยู่ในกรุงเทพฯ

"อันนี้ก็คงจะไม่ได้หมายความว่าคนต่างจังหวัดไม่ค่อยซื้อเบ๊นซ์ใช้นะคือตามสถิติการขาย เราพบว่ามันเป็นอย่างนั้นคือมีไม่น้อยที่คนต่างจังหวัดเขามาซื้อในกรุงเทพฯ และขึ้นทะเบียนกรุงเทพฯ" พากเพียร ชี้แจง

การประกาศตัวแนะนำรถเบ๊นซ์รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้จัดกันขึ้นที่โรงแรมฮิลตันฯ อย่างเอิกเกริกพอสมควร เพราะก็มีตัวแทนจำหน่ายทั้ง 17 รายมากันเกือบครบรวมทั้งผู้สื่อข่าวทั้งโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์อีกจำนวนมาก

แต่ถ้าจะพูดถึงงบในการจัดทำโปรโมชั่นกันแล้ว ก็ดูเหมือนจะยังไม่มีคำตอบจากฝ่ายบริหารว่าจะมีการเปลี่ยนโฉมหน้าจากการซุ่มเงียบๆ มาเป็นการอัดฉีดกันให้อึกทึกครึกโครมหรือไม่

"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา เป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากเราก็คงจะใช้การโปรโมชั่นตรงมากกว่าจะต้องใช้สื่อหลายๆ ประเภท…" ผู้บริหารอย่างพากเพียรบอกเป็นนัยๆ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.