มาบุญครองฯ อีกแล้ว เมื่อ"ศิริชัย" สวมบทบาทเจ้าของป้อมอลาโม่!


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

วันนี้ศิริชัย บูลกุล แม้จะมีเรื่องวุ่น ๆ ให้ขบคิดมากมายท้าทายชื่อเสียงที่พ่อและเขาสั่งสมมาแต่อดีตอย่างมาก ด้วยวัย 47 ปี เขายังดูหนุ่มแน่นและแข็งแรงเพียงพอ และมีเวลามากพอจะฟันฝ่าต่อสู้กับอุปสรรคเหล่านั้น

ศิริชัยชอบอ่าน "สามก๊ก" ชอบนักเขียน-ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปาโมช และก็ชอบผู้นำอย่างจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ บางคนบอกว่า เขาคิดจะมีวิทยายุทธทางธุรกิจเหมือนขงเบ้ง ปรับตัวปรับความคิดเข้ากับสถานการณ์อย่างดี (อย่าใช้คำว่า "กะล่อน" เลย) เหมือนหม่อมคึกฤทธิ์ และมีการตัดสินใจเฉียบขาดเฉกเช่นจอมพลสฤษดิ์

ว่าไปแล้วเขาเดินไปสู่เป้าหมายนั้นกว่าครึ่งทางแล้ว

วันนี้เขาเป็นเจ้าของกิจการกว่า 20 บริษัท เป็นวุฒิสมาชิกและได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาวชิรมงกุฎไทย…นั่นเป็นความสำเร็จที่ใครก็มองข้ามไม่ได้…

ศิริชัยชอบเก็บตัว ไม่ชอบเป็นข่าวเหมือน ๆ กับนักธุรกิจไทย ประเภททำงานเงียบ ๆ รวยเงียบ ๆ

ปี 2528 พายุข่าวลือเริ่มกระหน่ำศิริชัย และยิ่งโหมแรงยิ่งขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2529 มาจนถึงปัจจุบัน เขากำลังเป็นเดวี่ ครอกเก็ต ที่สวมบทบาทโดยจอห์น เวย์น (ดาราภาพยนตร์ที่เขาชื่นชอบ) ผู้มีธรรมในหัวใจต่อสู้กับพวกอธรรมท่ามกลางทุ่งกว้างอย่างโดดเดี่ยวรักษาป้อม ALAMO ก็ไม่ปาน

หลายคนเชื่อว่า 2-3 ปีมานี้การที่ธุรกิจของเขา DIVERSIFIED ออกจากแนวเดิมมาก มาบุญครองเซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าหินอ่อนมุมสี่แยกปทุมวันซึ่งเกี่ยวข้องกับคนหมู่มาก และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมันในอารมณ์ของผู้คนนั้น เป็นธุรกิจที่ขัดแย้งกับสไตล์การทำงานเดิมของศิริชัยอย่างมาก ๆ

ว่ากันว่าผลผลิตของข่าวลือเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งนี้

บริษัทมาบุญครองอบพืชและไซโลฯ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ฐานะการเงินที่แสดง (ย่อมเผยแพร่ต่อสาธารณชน) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2528 แสดงให้เห็น (ตามรูปบัญชี) ว่ามีปัญหาทางผลประกอบการ (สินทรัพย์หมุนเวียน ในรูปของลูกหนี้การค้า วัสดุคงเหลือ 1.024 พันล้านบาท ในขณะที่สินทรัพย์หมุนเวียนในรูปเจ้าหนี้การค้า เงินเบิกเกินบัญชี และหนี้สินหมุนเวียนอื่น ๆ 2.83 พันล้านบาท)

ข่าวลือก็เริ่มกระหึ่มมาเป็นระลอกคลื่นตั้งแต่ตอนนั้น!

ข่าวดูจะเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาอีกนิดตอนที่บริษัทเบอร์ลี่ยุคเกอร์ฯ ฟ้องเรียกค่าติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นเงินประมาณ 22 ล้านบาท (โปรดอ่าน "ผู้จัดการ" ปีที่ 3 ฉบับที่ 29 เดือนกุมภาพันธ์ 2529 เรื่อง "เบอร์ลี่ยุคเกอร์ฟ้องมาบุญครอง…และแล้วยักษ์ใหญ่ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง")

รายงานชิ้นที่ "ผู้จัดการ" แจงรายละเอียดถี่ยิบนั้น มีผลสะท้อนกลับมาพอประมาณ วิกรม ชัยสินธพ กรรมการผู้จัดการบริษัทไทยสงวนเสรีวานิชวิศวกรม จำกัด ทำจดหมายชี้แจงมายัง "ผู้จัดการ" (สำเนาส่ง ศิริชัย บูลกุล ประธานกรมการบริษัทมาบุญครองอบพืชและไซโล จำกัด) "…การติดตั้งระบบโทรศัพท์เอ็นอีซีให้มาบุญครองนั้นบริษัทฯ ในฐานะผู้จำหน่ายและมาบุญครองในฐานะผู้ซื้อ ต่างก็ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงด้วยความถูกต้องทั้งสองฝ่าย จึงไม่เคยมีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้นทั้งสิ้น"

ขณะเดียวกัน "ผู้จัดการ" ได้รับจดหมายลงทะเบียนไม่ระบุผู้ส่ง แต่เอกสารปะหน้าหัวกระดาษเป็นของบริษัทเบอร์ลี่ยุคเกอร์ ปั๊มอักษรสีแดงว่า "CONFIDENTIAL" เอกสารกว่า 10 หน้ามีคำให้การของจำเลย (หมายถึงบริษัทมาบุญครองฯ) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2529 จำนวน 9 หน้า อีกส่วนหนึ่งเป็นเอกสารเกี่ยวกับการตรวจรับมอบงานของมาบุญครอง เห็นลายเซ็นของศิริชัย บูลกุล หราอยู่ เอกสารขอเบิกเงินจากฝ่ายธุรการของมาบุญครองเอง ฯลฯ เป็นต้น

ความคิดของ "ผู้จัดการ" ตอนนั้น ไม่ต้องการสืบสาวราวเรื่องเกินเหตุ ขอให้ศาลสถิตยุติธรรมเป็นผู้ตัดสินถูกผิดเถอะ

ที่เขียนคราวนี้ก็ต้องการจะบอก "อะไรบางอย่าง" ถึงศิริชัย บูลกุล เท่านั้น!?

ต่อมาระยะหนึ่งธนาคารไทยพาณิชย์ออกข่าวสนับสนุนเงินกู้อีกก้อนหนึ่งให้มาบุญครอง แต่ข่าวกลับไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร

พอล สิทธิอำนวย แห่งกลุ่ม พีเอสเอ. มีปัญหาในการขุดน้ำมันของเขา เล่นเอาหุ้นของมาบุญครองในตลาดหลักทรัพย์ตกรูด เนื่องจากเข้าใจกันว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดในฐานะผู้ถือหุ้นในบริษัทไทยออฟชอร์ ปิโตรเลี่ยมด้วยกัน มาบุญครองจำต้องออกมาแก้ข่าวเป็นพัลวัน

มิถุนายน ที่ผ่านมาผู้คนที่ "จับจ้อง" มาบุญครองมีอาการ "ช็อค" พอสมควร

ที่ศาลแพ่ง บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอ็มซีซี ฟ้องมาบุญครองฯ ในข้อหาความผิดเกี่ยวกับตั๋วเงินจำนวน 5,151,232 บาท

และที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสรุปข่าวธุรกิจหลักทรัพย์นำรายงานงบการเงินของบริษัทมาบุญครองฯ มาแสดง ผู้ตรวจสอบบัญชีได้ระบุไว้ในรายงานซึ่งน่าสนใจ 2 จุด

หนึ่ง-"บริษัทได้ลงทุนซื้อหุ้นของบริษัทไทยออฟชอร์ปิโตรเลี่ยม จำกัด เป็นจำนวนเงิน 70 ล้านบาท โดยบริษัทพีเอสเอ จำกัด ตกลงว่าจะซื้อหุ้นดังกล่าวกลับคืนในราคา 110 ล้านบาท และบริษัทยังได้ให้เงินกู้แก่บริษัทออฟชอร์ปิโตรเลี่ยม จำกัด เป็นจำนวนเงิน 33 ล้านบาท ซึ่งมูลค่าปัจจุบันของหุ้นดังกล่าวข้างต้น และความสามารถที่จะชำระหนี้คืนนั้นไม่สามารถที่จะคาดคะเนได้อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอน นอกจากนี้บริษัทพีเอสเอ จำกัด ยังอาจจะไม่อยู่ในฐานะที่จะซื้อหุ้นดังกล่าวคืน และบริษัทก็มิได้มีการตั้งสำรองสำหรับมูลค่าของเงินลงทุนหรือเงินให้กู้ยืมแต่อย่างใด"

สอง-"ในขณะนี้บริษัทกำลังเจรจากับธนาคารและสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงหมายกำหนดการชำระเงินกู้ประเภทต่าง ๆ ที่ถึงกำหนดชำระ ดังนั้นมูลค่าของสินทรัพย์ถาวรและสินทรัพย์อื่น ๆ ที่แสดงในงบดุลจึงขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการเจรจาดังกล่าว…"

งบดุลที่แสดง-- หนี้สินหมุนเวียนในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกในปี 2528 ถึง 2 เท่า จาก 1,472 ล้านบาทเป็น 2,860 ล้านบาท ส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้นจาก 394.3 ล้านบาท เป็น 978 ล้านบาท ที่สำคัญในไตรมาสแรกปี 2528 กำไรประมาณ 6 ล้านบาท แต่ไตรมาสแรกปี 2529 เริ่มขาดทุนครั้งแรก 23,000 บาท

นี่ถ้าไม่มีหมายเหตุความเห็นข้างต้น "ดีกรี" คงลดลงฮวบฮาบ

ไล่เลี่ยกันนั้น คืนวันที่ 10 มิถุนายน บริษัททำความสะอาดมาบุญครองฯ ฟองให้จ่ายเงินอีก!

บริษัทซีพีเอส (ประเทศไทย) บริษัทในเครือบอร์เนียว ประเทศไทย เป็นผู้รับจ้างทำความสะอาดอาคารมาบุญครองเซ็นเตอร์ทั้ง 8 ชั้น ฟ้องต่อศาลแพ่งเรียกเงินค้างจ่ายจำนวนถึง 3,649,234.41 (บวกดอกเบี้ย 7.5% จนถึงวันฟ้อง) กับมาบุญครองฯ

ว่ากันว่า ซีพีเอสได้พยายามทวงถามหนี้ก้อนนี้หลายครั้งหลายครา มาบุญครองฯ สวมบทบาทเหนียวหนี้อย่างเหนียวแน่น อย่างไรก็เป็นอย่างนั้น พีซีเอสจึงต้องพึ่งศาล ไม่เพียงเท่านั้นซีพีเอสได้ติดต่อกับหนังสือพิมพ์ และนิตยสารบางฉบับโดยเลือกเอาฉบับที่เคยลงเรื่อง "เบอร์ลี่ยุคเกอร์ฟ้องมาบุญครองฯ เพื่อให้รายละเอียดเรื่องนี้ ผู้สังเกตการณ์ตั้งข้อสังเกตว่า ซีพีเอสอาจตั้งสมติฐานว่าหนังสือฉบับนั้นคงจะ "พอใจ" ที่จะเสนอข่าวเกี่ยวกับมาบุญครองฯ ออกมาในแง่ลบ

"ผู้จัดการ" ก็เป็นรายหนึ่งที่ซีพีเอส ส่งคำฟ้องนั้นมาให้

ซีพีเอสหวังว่าวิธีนี้เขาอาจไม่ต้องรอรับเงินเกือบ 4 ล้านบาทหลังจากคดีเดินไปถึงที่สุดซึ่งก็คงนานหลายเดือน

ใคร ๆ ที่รักและนับถือศิริชัย บูลกุล ไม่อยากเห็นเขา "บิน" ต่ำลงกว่านี้ การติดขัดเรื่องหนี้ 20 กว่าล้านบาท (กับเบอร์ลี่ยุคเกอร์) หรืองบดุลแสดงการขาดทุนครั้งแรก (ไตรมาสแรกปี 2529) ดูจะเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้สำหรับธุรกิจใหญ่เช่นมาบุญครองฯ แต่อย่าให้ถึงขั้นแม้ "ค่าจ้างคนใช้" (ซีพีเอส) ก็ไม่มีปัญญาจ่ายเลย

ภาพมาบุญครองมีสินทรัพย์เกือบ 5,000 ล้านบาท อันดูมั่นคงตลอดมานั้น มันจะดูสั่นคลอนอ่อนไหวยังไงชอบกล

ศิริชัยต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง อย่าปล่อยให้กระแสลมร้ายพัดกระพืออย่างไม่อาทรร้อนใจ การเปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์อย่างเดียวช่วยอะไรไม่ได้หรอก

ทุกอย่างมารวมอยู่ที่ ความคิด "ของศิริชัย แสดงความกล้าหาญ เปลี่ยนสไตล์การทำงานจากเงียบ ๆ มาสู่วงกว้างตามลักษณะธุรกิจที่กำลังดำเนินอยู่

เอาอย่าง "เสี่ยหว่าง" (สว่าง เลาหทัย) สักทีปะไร ออกมา "เปิดอก" ทีเดียว อะไร ๆ ที่มันร้อนจัด ๆ อุณหภูมิจะได้ลดลงบ้าง!!!

ขอให้เดวี่ ครอกเก็ต อย่างศิริชัย บูลกุล จงรักษาป้อมอลาโม่เอาไว้ให้ได้ อย่าได้เสียรังวัดเช่นนี้ให้บ่อยนักล่ะ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.