สมชาย แก้วทอง....เจ้าของห้องเสื้อ "ไข่"1 ใน 10 TOP DESIGNER


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2529)



กลับสู่หน้าหลัก

สมชาย แก้วทอง หรือ ไข่ ในวงการแฟชั่นบอกว่า เขาไม่ใช่นักธุรกิจมาตั้งแต่ต้น อาจเรียกได้ว่าตัวเองเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะเรียกว่าเป็นศิลปิน แต่ก็เลือกเรียนในสายวิชาทางศิลปะมาโดยตลอด

ไข่ เริ่มต้นการทำงานด้วยการใช้วิชาศิลปะเข้ามาประยุกต์ก่อน เป็นเพราะมีความชอบทางการสร้างสรรค์ก็เลยออกมาทำงานด้านเสื้อผ้า ตอนเริ่มแรกก็ทำตามที่คิดว่าตัวเองพอใจ ด้วยความคิดที่ว่า ใครก็ตามที่จะให้เขาทำเสื้อผ้าให้ ก็แสดงว่าคน ๆ นั้นจะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเขา แล้วก็ชอบที่จะให้เขาทำเสื้อผ้าให้

"ช่วงนั้นเรามีอำนาจในการต่อรองเต็มที่ คือเราสามารถทำทุกอย่างได้ตามแบบที่เราต้องการ แล้วพอมาถึงจุด ๆ หนึ่ง ทุกอย่างมันมีธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเรา ต้องการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เราต้องมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องรับผิดชอบ จึงต้องวางแผน เป็นเรื่องของธุรกิจแล้วว่าเดือนหนึ่งถ้าเรามีกำลังผลิตแค่นี้เราจะได้เงินเท่าไหร่ และถ้าเราต้องการได้เงินมากกว่านี้ เราจะทำอย่างไร...."

แล้วเขาก็เริ่มศึกษาขั้นตอนของการทำธุรกิจด้วยตัวเอง โดยการใช้ประสบการณ์ของตัวเองเป็นครู ในที่สุดเขาก็ยอมรับว่า มันพลาดเสียมากกว่าได้!

ล้มลุกคลุกคลานมาจนวันนี้นับเวลาได้ 15 ปี กว่าจะมาเป็น "ไข่" ที่ใคร ๆ รู้จักกัน ด้วยวิธีที่เจ้าตัวบอกว่า "ปากต่อปาก" ภาพพจน์ที่คนมองร้าน "ไข่" สรุปออกมาได้ว่า "แพง" และ "HIGH CLASS" เอามากๆ

แต่อยู่ ๆ วันหนึ่ง ไข่ก็โดดตูมลงไปขายเสื้ออยู่ที่สวนจตุจักรผลิตเสื้อผ้าที่เรียกว่า เป็น MASS PRODUCT หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ "เสื้อโหล" ท่ามกลางความประหลาดใจ และท่ามกลางเสียงวิพากษ์ วิจารณ์จากคนทั้งในวงการเดียวกันและคนนอกวงการ

เขาพูดถึงเรื่องนี้ว่า "หลาย ๆ คนยังติดอยู่ใน image หลาย ๆ คนอาจมี background เป็นผู้ลากมากดี เป็นเศรษฐีมาแต่เด็ก ก็ไม่ซีเรียสในธุรกิจเท่าไหร่เขามีความรู้สึกว่าเขามีความสามารถในการทำเสื้อ ก็เท่ากับเป็นการสร้างเสริมความรวยให้กับครอบครัวเขาเท่านั้น...อย่างผม มาจากครอบครัวที่ยากจนมากเพราะฉะนั้น ผมเป็นคนเดียวที่บุกเบิกทำอย่างนี้เพื่อที่จะให้เราขึ้นมาอยู่ในระดับที่ลืมตาอ้าปากได้..."

เขาบอกเราถึงเหตุผลให้ฟังว่า "ตราบใดที่เรายังใช้นามสกุลแก้วทอง ซึ่งไม่ใช่นามสกุลที่ได้รับการแต่งตั้ง เราก็ไม่เผยอตัวเองขึ้นไปอยู่ในระดับเศรษฐี หรือผู้ดีมีอันดับ เราเพียงแต่ทำเพื่อขอให้เราอยู่รอดในสังคมนี้เท่านั้น คนอื่นเขากินอาหารจานละพันจานละหมื่น เราก็กินได้ คนอื่นเขาอาจจะขี่เบนซ์ เราขี่โตโยต้า แต่เราก็มีรถขี่เหมือนกัน เราต้องการแค่นั้นเอง การที่เราลงไป ขายเสื้อที่สวนจตุจักร มีส่วนหนึ่งที่เขาว่าดี และก็มีส่วนหนึ่งที่เขาโจมตี ดูถูกว่าใฝ่ต่ำ แต่เราไม่สนใจ ลูกพระยาพานทองยังเอาคนใช้เป็นเมียได้ จะว่าใฝ่ต่ำได้ยังไง...."



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.