เชลล์แห่งประเทศไทยได้ดำเนินนโยบายรัดเข็มขัดด้วย การตัดทอนค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องเพื่อรับมือกับสภาพซบเซาของตลาดมานานพอสมควรแล้ว
"เราจำเป็นต้องลดพนักงานลงจากเดิมกว่า 100 คนหรือประมาณ 10% ของจำนวนพนักงานเดิม
และต้องชลอหรือระงับโครงการที่เห็นว่ามีความสำคัญน้อย" อนุจินต์ สุพล
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดกล่าวยอมรับกับ "ผู้จัดการ" เมื่อไม่นานมานี้
แต่นั่นก็คงจะไม่ได้หมายความว่าเชลล์ยินดีที่จะยืนตายซากไปพร้อม ๆ กับความผันผวนทางเศรษฐกิจและตลาดน้ำมันที่เอาแน่นอนไม่ค่อยได้
เพราะกิจกรรมใหม่ในวันนี้ของเชลล์แห่งประเทศไทยก็คือการประกาศจัดทำรายการสมนาคุณลูกค้าที่ใช้น้ำมันเครื่องของเชลล์
3 ชนิด ได้แก่น้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์น้ำมันเครื่องริมูล่าเอ็กซ์ (สำหรับดีเซล)
และน้ำมันเครื่องเฮลิกส์ (สำหรับเครื่องเบนซิน) น้องใหม่ที่เพิ่งออกสู่ตลาดเมื่อปีที่แล้ว
โดยเชลล์ตั้งชื่อรายการชิงโชคสมนาคุณนี้ว่า "พลังเชลล์ให้โชค"
ซึ่งถ้าจะแปรความหมายในแง่การตลาดแล้วก็คงต้องบอกว่า เชลล์กำลังดำเนินมาตรการส่งเสริมการขายอย่างหนักเพื่อหวังช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำมันเครื่องเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้เชลล์ต้องสวนทางกับนโยบายรัดเข็มขัดด้วยการควักเงินไม่ต่ำกว่า 10
ล้านบาทจัดทำรายการ "พลังเชลล์ให้โชค" นี้ขึ้น
ก็แบ่งเป็นมูลค่าของรางวัลราว ๆ 4 ล้านบาท ที่เหลือก็เป็นค่าใช้จ่ายในการรณรงค์โฆษณาผ่านสื่อต่าง
ๆ ซึ่งรับผิดชอบโดยโอกิลวี่รวมทั้งการโฆษณาตามจุดขายคือปั๊มน้ำมันของเราด้วย...
" สำคัญ สังขวานิช ผู้จัดการส่งเสริมการขายและโฆษณาของเชลล์บอกให้ฟัง
"ผมว่าก็เป็นไอเดียไม่เลวภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คือถ้าจะไปเคลื่อนไหวในตลาดใหญ่
ๆ อย่างพวกน้ำมันเบนซินหรือดีเซลก็คงต้องใช้จ่ายเงินมาก ส่วนตลาดน้ำมันเครื่องมันไม่โตมากพอเคลื่อนไหวได้
โดยใช้งบไม่สูง" แหล่งข่าวคนหนึ่งให้ข้อคิด
ในที่นี้คำว่า "ไม่โตมาก" นั้นก็หมายถึงปริมาณการใช้ปีละราว
ๆ 200 ล้านลิตรหรือคิดเป็นมูลค่าก็จะประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าจะว่าไปก็คงต้องยอมรับว่าเป็นตลาดสำคัญอีกตลาดหนึ่ง
เชลล์นั้นยืนยันว่าในปัจจุบันสามารถครอบครองส่วนแบ่งตลาดน้ำมันเครื่องได้มากที่สุดคือ
ประมาณ 40% ของตลาดโดยริมูล่า-เอ็กซ์ 45% ในตลาดเครื่องยนต์ เฮลิกซ์ 45%
และอีก 30% เป็นน้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซด์
แต่ตัวเลขนี้คู่แข่งหลายรายก็แย้งว่า "โอเวอร์" ไปมาก
ทางด้านการโฆษณาโปรโมทรายการ "พลังเชลล์ให้โชค" นั้นสำคัญ สังขวานิช
เปิดเผยว่าจะใช้สื่อมวลทุกแขนงในอัตราเท่า ๆ กัน ทั้งทางโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์สำหรับสถานีบริการส่วนใหญ่จะใช้โปสเตอร์และแผ่นผ้าในการรณรงค์
"จุดมุ่งหมายของรายการนี้ เราทำเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดน้ำมันเครื่อง"
เขาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเพื่อกีดกันผู้ค้ารายใหม่เพราะส่วนใหญ่ ผู้ที่จะนำเข้าใหม่ที่ปัจจุบันมีเกิดขึ้นอีกหลายราย
โดยนำน้ำมันเครื่องจากประเทศจีนมาขายนั้นเป็นน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำซึ่งไม่ใช่ผู้ที่จะเข้ามาแข่งกับแชลล์ได้
แหล่งข่าวภายในบริษัทเชลล์ได้เปิดเผยด้วยว่า บรรดาสถานีบริการต่าง ๆ ได้สั่งน้ำมันเครื่องเพิ่มขึ้นถึง
1 ล้านลิตรเมื่อทราบข่าวว่า เชลล์ได้จัดรายการ "พลังเชลล์ให้โชค"
"ผู้จัดการ" ได้สอบถามไปยังบริษัทผู้ค้าน้ำมันหลาย ๆ บริษัท
เกี่ยวกับการออกแคมเปญ "พลังเชลล์ให้โชค" ว่าทางบริษัทได้รับผลกระทบหรือไม่
และมีมาตรการที่จะแก้ไขอย่างไรบ้าง
เอสโซ่สแตนดาร์ด "ผู้จัดการ" ได้รับการเปิดเผยจากเจ้าหน้าที่ระดับผู้จัดการฝ่ายผู้หนึ่งว่าทุกครั้งที่การออกแคมเปญจากบริษัทคู่แข่งนั้น
จะมีผลต่อทางบริษัทเสมอ แต่ตอนนี้เร็วเกินไปที่จะสรุป คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งจึงจะรู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ส่วนทางเอสโซ่นั้น การจะออกแคมเปญแบบนี้หรือไม่นั้น ตนไม่ขอพูด "เป็นความลับของบริษัท"
แหล่งข่าวกล่าว และเมื่อถูกถามถึงผลต่อการตลาดในแคมเปญนี้แหล่งข่าวบอกว่า
"ผมไม่ขอสรุปเพราะว่า (เอสโซ่) ไม่ใช่ผู้ออกแคมเปญครั้งนี้ แต่ถ้ามีผลกับเรา
เรามีมาตรการแก้ไขแน่นอน แต่อย่างที่บอกคือเป็นความลับของทางบริษัท ผมเปิดเผยให้ทราบไม่ได้"
แหล่งข่าวกล่าวในที่สุด
ทางด้านการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) แหล่งข่าวระดับผู้อำนวยการกองได้เปิดเผยกับ
"ผู้จัดการ" ว่า การออกแคมเปญของเชลล์ครั้งนี้มีผลกับทาง ปตท.
มาก โดยเฉพาะน้ำมันเครื่อง 2 ที ซึ่งใช้กับจักรยานยนต์ทั่วไป "ปกติ
เราได้รับมาร์เก็ตแชร์ในตลาดน้ำมันเครื่อง 2 ที น้อยอยู่แล้ว เมื่อซื้อน้ำมันเครื่องคุณภาพระดับเดียวกัน
แต่ได้รับคูปองชิงโชค ลูกค้าคงหันไปซื้อเชลล์มากขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว
และเผยว่า "ยอดขายน้ำมันเครื่องกระเทือนมาก ยอดขายคงตกถึง 20-30% ทีเดียว"
แหล่งข่าวสรุป และเผยต่อว่าทางด้านน้ำมันเครื่องริมูล่านั้น ปตท. ได้รับผลกระทบไม่มากนัก
เพราะลูกค้าส่วนใหญ่นั้นเป็นส่วนราชการ ดังนั้น ยอดขายทางด้านนี้คงเปลี่ยนไม่มาก
ส่วนแคมเปญส่งเสริมการขายนั้นทาง ปตท. ก็มีโครงการจะทำ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ สำหรับในขั้นแรกนั้นทาง
ปตท. ยังคงใช้วิธีการเดิม คือการแจกของชำร่วย "ยอดขายน้ำมันเครื่องนั้น
เรามีมาร์เก็ตแชร์แค่ 7%" แหล่งข่าวสรุปและเสริมว่า "ผมว่า มาร์เก็ตแชร์นั้น
เอสโช่น่าจะมากกว่าเชลล์นะ"
สมชาย กวักเพฑูรย์ ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเครื่อง บริษัท แอ้ดวานซ์
อินฟอร์เมชั่น ซีสเต็ม จำกัด ได้เปิดเผยว่า บริษัท ซึ่งอยู่ในเครือศรีกรุงวัฒนาและเป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่อง
บีพี. (บริติช ปิโตรเลียม) ของอังกฤษ ได้เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้นำน้ำมันเครื่องบีพี
สูตร "วิสโก 2000" เข้าตลาดเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาและในเดือนกันยายนนี้
ทางบริษัทจะนำน้ำมันเครื่อง บีพี. สำหรับรถยนต์นั่งออกสู่ตลาด โดยทางบริษัทมุ่งตลาดระดับกลาง
"ในสิ้นปีนี้ เราหวังจะได้ส่วนแบ่งในตลาดน้ำมันเครื่อง 1% สมชายกล่าว
และเผยว่า ทางบริษัทจะกระจาย บีพี. ไปยังร้านอะไหล่จักรยานยนต์และร้านซ่อมรถยนต์ต่าง
ๆ ในกรุงเทพฯ บีพี.จะมีราคาต่ำกว่าน้ำมันเครื่องระดับเดียวกัน 5-10%"
สมชายกล่าว และเผยในตอนสุดท้ายว่า ขณะนี้บริษัทกำลังสร้างโรงงานผสมน้ำมันเครื่องย่านปู่เจ้าสมิงพราย
โดยเป็นการลงทุนร่วมระหว่างศรีกรุงกับ บีพี. ของอังกฤษ ในมูลค่า 400 ล้านบาทโดยฝ่ายไทยลงทุน
40% และคาดว่าจะเสร็จในปีหน้าเป็นอย่างช้า
ทางด้าน บริษัท คาสตรอล (ประเทศไทย) ศุภกิจ ลาภทวีโชค ผู้จัดการฝ่ายการตลาด
เปิดเผยว่าทางบริษัท ได้ลงทุน 20 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงระบบการผลิตของโรงงานจากระบบกึ่งอุตสาหกรรมมาเป็นระบบออโตเมติกสมบูรณ์แบบ
และเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีกเท่าตัว โครงการนี้เสร็จปลายปีนี้ ส่วนรายการ
"เจาะโชคเจาะจงคาสตรอล" นั้น จะสิ้นสุดในเดือนกันยายนนี้ และทางบริษัทไม่มีโครงการขยายเวลาต่อ
ส่วนทางด้านคาร์ลเท็กซ์นั้น "ผู้จัดการ" ได้รับการปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อวิจารณ์เกี่ยวกับการออกแคมเปญของเชลล์ในครั้งนี้
แต่แหล่งข่าวกล่าวว่าบริษัทคู่แข่งใหญ่ของเชลล์ 2 บริษัท คือเอสโซ่กับคาร์ลเท็กซ์นั้นคงไม่เป็นผู้นั่งดูเชลล์เล่นเกมส์นี้เพียงผู้เดียว
มีรายงานข่าว จาก 2 บริษัทใหญ่ คือเอสโซ่และคาร์ลเท็กซ์เปิดเผยว่า ทั้ง
2 บริษัทเตรียมออกแคมเปญใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีการจัดรายการส่งเสริมการขายน้ำมันประเภทต่าง
ๆ และเมื่อถึงตอนนั้น การแข่งขันในตลาดนี้ จะสนุกและยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
แล้ว "ผู้จัดการ" จะรอดูเพื่อรายงานให้ทราบต่อไป