|
STAฟันกำไรงวดนี้2.14พันล.
ASTVผู้จัดการรายวัน(2 มีนาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
นายกิติชัย สินเจริญกุล กรรมการ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 52 สิ้นสุด 31 ธันวาคม 52 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 2,141.98 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 51 ที่ทำไว้ 617.92 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,524.06 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 246.64% ผลจาก ฝ่ายจัดการมีการพัฒนาเพิ่มประสิทธิการผลิตในทุกช่วงเวลา มีการบริหารวัตถุดิบเพื่อให้ได้ต้นทุนต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางแท่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก 4.9% เป็น 7.0 ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นถึง 3,210 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทร่วมที่ผลิตถุงมือยางประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีบริษัทฯ ได้รับส่วนแบ่งผลกำไรเพิ่มขึ้นจาก 383 ล้านบาทเป็น 745 ล้านบาท รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 538 ล้านบาทที่ส่วนใหญ่เกิดจากผลดีของการแข็งค่าเงินสกุลรูเปียะห์ที่บริษัทย่อยแห่งหนึ่งในอินโดนีเซียได้รับผลบวกและจากการควบคุมค่าใช้จ่ายและจัดการต้นทุนการเงินที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำตลอดปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ลดค่าใช้จ่ายทางการเงินในระดับหนึ่ง และปีนี้บริษัทฯ ได้บันทึกประมาณการหนี้สินผลประโยชน์พนักงานเมื่อเกษียณอายุโดยบันทึกในงบดุล ทำให้กำไรสะสมต้นปี 51
ทั้งนี้ เป็นผลจากสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยาง ยังคงดีอย่างต่อเนื่อจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ในปีที่ผ่านมา ส่งผลถึงตัวเลขในกลุ่มยานยนต์ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะจีน ประกอบกับบริษัทฯได้รับผลดีเป็นอย่างสูงจากผลการดำเนินงานในบริษัทร่วมแห่งหนึ่งที่เป็นผู้ผลิตถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์รายใหญ่ของโลกในปี 52 ที่มีความต้องการผลิตภัณฑ์ถุงมือยางในหลายประเทศสูงจนไม่เพียงพอเมื่อเปรียบเทียบกับกำลังการผลิตที่มีอยู่ จากความกังวลของการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ส่งผลให้ปริมาณการขายรวมเพิ่มขึ้น โดยปี 52 บริษัทฯ มีปริมาณขายรวม 759,021 ตันเพิ่มขึ้น 12 % เป็นอัตราการเพิ่มที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับเศรษฐกิจโดยรวมและเป็นยอดจำหน่ายสูงสุดนับแต่ก่อตั้งบริษัทฯ เป็นต้นมา โดยมีรายได้จากการขายและบริการรวมเป็นเงิน 45,585 ล้านบาท
นายวรเทพ วงศาสุทธิกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์ คอร์ปอร์เรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB แจ้งผลงานงวดสิ้นปี 52 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 119.89 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 112.49 ล้านบาท หรือขาดทุน 206.57% เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทในกลุ่มเกิดรายได้จากการขายและบริการ 7,914 ล้านบาท ลดลง 1,011 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนหรือ 11.33% ขณะที่ต้นทุนขายและบริการมี 7,368 ล้านบาท ลดลง 942ล้านบาท หรือ 11.34 เป็นผลทำให้มีกำไรในขั้นต้น 546 ล้านบาท ลดลง 68 ล้านบาท หรือ 11.07%
เนื่องจากปี 52 มีปัจจัยที่ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ของประเทศอุตสาหกรรมใหม่BRIC (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และ จีน) โดยเฉพาะจีนปี 52 มียอดการผลิตรถยนต์เพิ่มสูงขึ้นเป็น 13.80 ล้านคัน หรือเพิ่มขึ้น 48 % ส่งผลให้มีกำลังซื้อยางพาราเพื่อผลิตยางล้อรถยนต์กลับเพิ่มขึ้นได้ ซึ่งทำให้ราคาสินค้ายางพาราปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดปีอีกทั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอื่น ส่งผลให้กำลังซื้อสินค้ายางพาราไม่ลดลง ทางด้านแหล่งวัตถุดิบ ในปีที่ผ่านมาปริมาณวัตถุดิบซึ่งเป็นสินค้าทางการเกษตรมีผลผลิตลดลงเหลือเพียง 2.8 ล้านตัน (ลดลง 0.20 ล้านตันหรือ 8% ) เหตุที่ทำให้ผลผลิตลดลง เนื่องจากสภาวะการณ์แห้งแล้งที่เกิดขึ้นทั่วประเทศผลกระทบที่เกิดจากปัจจัยอื่น คือราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นจาก 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เป็น 80 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือ 100% ซึ่งราคาขายสินค้าปรับเพิ่มขึ้นเนื่องจากราคายางปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน อีกทั้งค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้ราคาขายปรับตัวได้สูงขึ้น
อย่างไรก็ดี มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 53 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 52 อัตราหุ้นละ 2 บาท กำหนดจ่ายนปันผลวันที่ 19 พฤษภาคม 53 และเตรียมขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 23 เมษายน 53
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|