ไทยเบฟทุ่ม500ล.ปลุกชีพ“แรงเยอร์” เป้า3ปีโค่นบาวแดง จ่อทิ้งกาแฟแบล็คอัพ


ASTVผู้จัดการรายวัน(23 กุมภาพันธ์ 543)



กลับสู่หน้าหลัก

ไทยเบฟฯ อัดฉีดงบ 500 ล้านบาท ลุยตลาดชูกำลังครั้งแรกรอบ 2 ปีหลังซื้อกิจการ ปั้นแรงเยอร์โค่นบัลลังก์คาราบาวแดง 3 ปี กวาดแชร์มากกว่า 10% ชูศักยภาพการกระจายสินค้าร้านค้าปลีก 2.8 แสนแห่ง เอเยนต์ 800 แห่ง ยกเครื่องครั้งใหญ่รอบกว่า 10 ปี ปรับรสชาติ แพกเกจ มัดใจผู้ใช้แรงงานรุ่นใหม่ ควงโปรโมชันรับสมรภูมิรบชิงโชคเดือด สิ้นปีนี้แชร์เพิ่มจาก 3% เป็น 5%

นายมารุต บูรณะเศรษฐกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ เปิดเผยว่า บริษัทได้วางแผนดำเนินการตลาดเชิงรุกเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ในระยะยาว 3-5 ปี ด้วยการทุ่มงบเกือบ 500 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทปรับโฉมเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ใหม่ ทั้งรสชาติ บรรจุภัณฑ์ฉลาก ภายใต้คอนเซปต์เดิม “แรงใจไม่มีวันหมด” เพื่อให้มีความทันสมัยและสอดรับกับกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้แรงงานอายุ 25-54 ปี จากเดิมฐานลูกค้ามีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งนับว่าเป็นการดำเนินการตลาดครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังจากที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนมีนาคม 2551

ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้ไทยเบฟฯ ได้ตัดสินใจซื้อเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ และกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มแบล็คอัพ เพื่อต้องการขยายธุรกิจจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาสู่เครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น หรือกลายเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มอย่างครบวงจร

อย่างไรก็ตามใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้ บริษัทจะพิจารณาเลิกทำตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มแบล็คอัพ เนื่องจากตลาดแข่งขันรุนแรง และปีนี้วางแผนเปิดตัวเครื่องดื่มใหม่ 4-5 รายการ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้กลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์สิ้นปีนี้ไว้ที่ 2,000 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมา 1,400 ล้านบาท ขณะที่รายได้โดยรวมกว่าแสนล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์การตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ ในปีนี้บริษัทมุ่งเน้นการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมเป็นหลัก จากปัจจุบันเข้าถึงช่องทางจัดจำหน่ายเพียง 60% โดยอาศัยการกระจายสินค้าของไทยเบฟฯ ที่มีศักยภาพและแข็งแกร่ง จากการมีเอเยนต์รวม 700-800 ราย และแอคทีฟถึง 500 ราย สามารถเข้าถึงร้านค้าปลีกร่วม 2.8 แสนแห่ง จากทั้งหมด 4 แสนแห่ง โดยบริษัทมุ่งเจาะช่องทางร้านค้าปลีกรายย่อย 90% ที่เหลือ 10% เป็นโมเดิร์นเทรดและร้านสะดวกซื้อ สอดคล้องกับช่องทางจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชูกำลังในตลาด แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกรายย่อย 80% ส่วนอีก 10% ร้านค้าสะดวกซื้อ และอีก 10% เป็นโมเดิร์นเทรด

ทั้งนี้บริษัทเจาะตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก เพราะเป็นตลาดใหญ่สัดส่วน 50% ที่เหลือ 50% เป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ตามลำดับ ซึ่งปีนี้บริษัทได้เตรียมทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท ภายใต้การทำอะโบฟเดอะไลน์ โดยโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางโทรทัศน์ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่แนวคิดแรงใจจากครอบครัวคือพลังที่ยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้าง และการทำบีโลว์เดอะไลน์ หรือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ลด แลก แจก แถม อาทิ การทำโปรโมชันชิงโชค สอดรับกับการแข่งขันในตลาดที่ผู้ประกอบการเครื่องดื่มชูกำลังแต่ละค่ายงัดการทำแคมเปญชิงโชคกระตุ้นการดื่ม ซึ่งโดยเฉลี่ยเครื่องดื่มชูกำลัง 3 ค่าย คือ M-150, กระทิงแดง และคาราบาวแดง ใช้งบการตลาดแต่ละปี 400-500 ล้านบาท

“แรงเยอร์ทำตลาดมานานร่วม 10 กว่าปี เคยมีส่วนแบ่งสูงถึง 10-15% แต่หลังจากมีการควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มชูกำลัง โดยให้โฆษณาในลักษณะส่งเสริมสังคม ทำให้ส่วนแบ่งลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือเป็น 2% จากการที่ไม่ได้มีการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง” นายมารุตกล่าว

สำหรับสภาพตลาดเครื่องดื่มชูกำลังนั้นมีมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท มีการเติบโต 1-2% ซึ่งตลาดค่อนข้างจะอิ่มตัว หรือโดยเฉลี่ยตลาดมีมูลค่าราว 1.4-1.6 หมื่นล้านบาท ทำให้การเติบโตของแรงเยอร์ต้องมาจากการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดเป็นหลัก ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้ลูกค้าหันมาดื่มแรงเยอร์ คือ ด้านรสชาติและราคาที่ถูก โดยเป้าหมายภายใน 3 ปี ต้องการให้แรงเยอร์ขึ้นเป็นอันดับ 3 ด้วยการครองส่วนแบ่งจาก 3% เพิ่มเป็นมากกว่า 10% แทนที่คาราบาวแดง ซึ่งมีส่วนแบ่ง 10% ส่วนกระทิงแดง 20% และผู้นำตลาด M-150 ราว 55%

จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกปีแรกตั้งเป้าหมายมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% หรือมีรายได้เพิ่มจาก 480 ล้านบาท เป็น 750 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.