|
ปิดเหมืองโจร่งBANPUฉุดรายได้พลาด5.7หมื่นล.
ASTV ผู้จัดการรายวัน(17 กุมภาพันธ์ 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
บ้านปู เจอปัญหาเหมืองโจร่งที่อินโดนีเซียปิดชั่วคราว เพราะรอใบอนุญาตจากกระทรวงป่าไม้ก่อน แถมราคาถ่านหินเฉลี่ยปีนี้ต่ำกว่าปี 51 ที่ตันละ 72 เหรียญสหรัฐ ยอมรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ใกล้เคียงปีที่แล้ว 5.7 หมื่นล้านบาทไม่ถึงฝัน ชี้เม็ดเงินจากเหมืองโจร่งคิดเป็น 5% ของรายได้รวมจากอินโดฯ และหากดูจากปริมาณการผลิตถ่านหินคิดเป็น 8-9% ของปริมาณการผลิตถ่านหินในอินโดฯ ที่ตั้งเป้าผลิตและขาย 23 ล้านตันในปีนี้
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับแจ้งจากบริษัท PT. Indo Tambangraya Megah Tbk ITMG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้นโดยอ้อม 73.72% ผ่าน Banpu Minerals Singapore Pte., Ltd. (BMS) และ บริษัท บ้านปู มินเนอรัล จำกัด (BMC) โดย ITMG แจ้งว่าได้มีการระงับการผลิตถ่านหินของบริษัท PT. Jorong Barutama Greston (โจร่ง)เป็นการชั่วคราวเนื่องจากบริษัทฯอยู่ระหว่างดำเนินการขอต่อใบอนุญาต การใช้พื้นที่สำหรับการทำเหมืองต่อกระทรวงป่าไม้ (Ministry of Forestry) โดยบริษัทฯ ได้ยื่นขอต่อใบอนุญาตดังกล่าวก่อนหมดอายุ ทั้งนี้ ในระหว่างการรอใบอนุญาตดังกล่าว บริษัท พีที.โจร่งได้รับอนุญาตจากกรมการเหมืองแร่ (Department of Mines) ให้ดำเนินการทำเหมืองได้
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการออกใบอนุญาตของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย อยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มเติม ซึ่งในขณะนี้บริษัทฯได้ดำเนินการติดต่อประสานงานเพื่อชี้แจงต่อหน่วย งานราชการดังกล่าว เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตในการใช้พื้นที่ทำเหมือง ทั้งนี้ ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะได้รับใบอนุญาตการทำเหมืองดังกล่าวเมื่อใด เชื่อว่าคงไม่กระทบทั้งปีแต่อาจจะทำให้การผลิตถ่านหินหายไปบางส่วนเพราะช่วง นี้กระทรวงป่าไม้ได้ทยอยให้ใบอนุญาตการทำเหมืองแล้ว
นายชนินท์ กล่าวต่อไปว่า การหยุดผลิตถ่านหินชั่วคราวของเหมืองโจร่งนี้จะส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิปีนี้ ของบ้านปูไม่มากนัก เนื่องจากปี 53 เหมืองโจร่ง มีแผนการผลิตถ่านหิน 1.97 ล้านตัน หรือ 8-9% ของการผลิตถ่านหินที่อินโดนีเซีย และช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนทำให้การผลิตถ่านหินไม่มากอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเดิมปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายถ่านหินไว้ที่ 23 ล้านตัน/ปี หากเหมืองโจร่งต้องหยุดเป็นเวลา 1 ปีก็จะกระทบต่อยอดขายเพียง 5% ของรายได้จากการขายถ่านหินที่อินโดนีเซีย ซึ่งรายได้จากอินโดนีเซียคิดเป็น 90%ของรายได้ทั้งหมดของบ้านปู ที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าในจีน ซึ่งปี 52 บ้านปูมีรายได้รวม 5.7 หมื่นล้านบาท
" ปีนี้เหมืองโจร่งวางแผนผลิตถ่านหินลดลงจากปีก่อนที่ผลิต 3 ล้านตันเหลือเพียง 1.9 ล้านตัน เนื่องจากอยู่ในช่วงการปรับเปลี่ยนหน้าเหมือง ซึ่งเหมืองนี้มีอายุเหมืองเหลือ 5-7 ปี จากนั้นจะปิดเหมืองเพราะคุณภาพถ่านหินเหมืองโจร่งให้ความร้อนต่ำ "
นายชนินท์กล่าวต่อว่าปัจจุบันบ้านปูขายถ่านหินล่วงหน้าไปแล้วเกิน 50% ของกำลังการผลิตถ่านหิน 23 ล้านตัน ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 60 กว่าเหรียญสหรัฐ/ตัน จากนี้บริษัทฯจะทยอยขายเพิ่มเติม ซึ่งปริมาณถ่านหินที่เหลือนี้เป็นถ่านหินคุณภาพดีกว่าที่ขายล่วงหน้าไปก่อน โดยมองแนวโน้มราคาถ่านหินในปีนี้ดีกว่าราคาเมื่อปลายปีที่แล้ว ล่าสุดราคาถ่านหินอยู่ที่ระดับ 88-89 เหรียญสหรัฐ/ตัน ดังนั้น โอกาสที่ราคาถ่านหินจะปรับตัวลงคงยาก ส่งผลให้ระดับราคาปีนี้น่าจะอยู่ใกล้เคียงนี้หรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับผลประกอบการปีนี้เดิมบริษัทฯคาดว่ามีรายได้รวมใกล้เคียงปีที่แล้วที่ ประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท แม้ว่ากำลังการผลิตถ่านหินปีนี้จะเพิ่มเป็น 23 ล้านตัน แต่เนื่องจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยปีนี้ต่ำกว่าปีก่อนที่มีราคาถ่านหินที่ 72 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพราะค่าความร้อนต่ำกว่าเดิม และการปิดเหมืองถ่านหินที่โจร่งชั่วคราวทำให้กำลังการผลิตถ่านหินลดลง ซึ่งโอกาสที่รายได้ปีนี้จะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5.7 หมื่นล้านบาทก็เป็นไปได้ขึ้นอยู่กับราคาถ่านหินในตลาดโลกเป็นสำคัญ
" มองว่าราคาถ่านหินในปีนี้น่าจะมีเสถียรภาพหรือสูงกว่านี้เล็กน้อยไม่น่าจะ ต่ำกว่านี้แล้วแต่การปรับขึ้นราคาถ่านหินในปีนี้คงไม่สามารถจะมาชดเชยการหาย ของกำลังการผลิตถ่านหินที่เหมืองโจร่งได้ "
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|