|
ฟรีเท็กซ์ อีลาสติค ผู้กำความลับชุดชั้นใน
โดย
นภาพร ไชยขันแก้ว
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กุมภาพันธ์ 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ตลอดระยะเวลา 27 ปีที่อยู่เบื้องหลังชุดชั้นในแบรนด์ดังอย่าง มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ หรือวิคตอเรีย แต่วันนี้ฟรีเท็กซ์ อีลาสติคกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยผู้บริหารรุ่นที่ 2 ผ่านครอบครัว "อรวัฒนศรีกุล"
วัฏจักรของการทำธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมระดับเอสเอ็มอีกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยผู้บริหารรุ่นที่ 2 หลังจากรุ่นแรกได้ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นรูปเป็นร่างและผู้บริหารรุ่น 2 มีหน้าที่ขยายกิจการให้เจริญเติบโต
บริษัทฟรีเท็กซ์ อีลาสติค จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนชุดชั้นในชายและหญิงให้กับผู้ประกอบการผลิตชุดชั้นในทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ประสบการณ์ของบริษัทฟรีเท็กซ์ที่อยู่ในแวดวงธุรกิจชุดชั้นในมากว่า 27 ปี ทำให้บริษัทแห่งนี้ค่อนข้างรู้ลึกถึงเรื่องราวธุรกิจชุดชั้นในเป็นอย่างดี
สิริชัย อรวัฒนศรีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาองค์กร ผู้บริหารรุ่น 2 บริษัทฟรีเท็กซ์ บอกกับ ผู้จัดการ 360 ํ ว่าชุดชั้นในมีชิ้นส่วนองค์ประกอบค่อนข้างมาก โดยเฉพาะชุดชั้นในผู้หญิงมีมากถึง 50 ชิ้น อาทิ สายยางยืด ตะขอ ลูกไม้ เหล็กดัด ฟองน้ำ ริบบิ้น สายบ่า สายขอบ เป็นต้น
ด้วยส่วนประกอบชุดชั้นในที่หลากหลายทำให้ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในมีการแข่งขันสูง มีผู้ผลิตมากกว่า 100 ราย แต่ผู้ผลิตระดับเกรดเอมีเพียง 3-4 รายในตลาดเมืองไทย และหนึ่งในนั้นก็คือบริษัทฟรีเท็กซ์
แม้จะมีผู้ผลิตระดับพรีเมียมไม่มากนักในประเทศไทย แต่คู่แข่งของไทยไม่ได้จำกัดเฉพาะในประเทศเท่านั้น เพราะคู่แข่งสำคัญของไทยก็คือสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้เปรียบด้านต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงถูกกว่า
แม้ว่าสินค้าจากจีนจะไม่มีคุณภาพ แต่สิ่งที่ทำให้บริษัทฟรีเท็กซ์ต้องเหนื่อยหนัก เพราะจีนส่งเสริมการส่งออกลดภาษีให้ร้อยละ 4-5 ในขณะที่รัฐบาลไทยไม่มีความช่วยเหลือใดๆ
บริษัทฟรีเท็กซ์ อีลาสติค จำกัด หนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นใน ตระหนักดีว่าการจะอยู่รอดในธุรกิจนี้และสร้างความเจริญเติบโตให้กับธุรกิจต้องพัฒนาทั้งผลิตภัณฑ์และบุคลากร
ก่อนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพนั้น สิ่งสำคัญจะต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตลาด ผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่ความรู้ด้านเครื่องจักร
ณรงค์ อรวัฒนศรีกุลประธานกรรมการ บริษัทฟรีเท็กซ์ อีลาสติค จำกัด ในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทพูดคุยกับลูกๆ ของเขา 4 คนถึงอนาคตของบริษัท
เขาบอก ผู้จัดการ 360 ํ ว่าโชคดีที่ลูกเลือกเข้ามาช่วยธุรกิจของครอบครัวและได้มอบหมายธุรกิจที่บริหารมาร่วมกว่า 20 ปีให้ลูกๆ เข้ามาสานต่อ
ณรงค์มีลูกทั้งหมด 4 คน ปัจจุบัน 3 คนเข้ามาช่วยงานเต็มเวลา ส่วนอีก 1 คนอยู่ระหว่างการศึกษา แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมร่วมพัฒนาบริษัท
บทบาทหน้าที่ของลูก 3 คนที่ทำงานในปัจจุบัน ณรงค์มีส่วนสำคัญในการปูรากฐานการศึกษาและชีวิตการทำงาน ของลูกอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสิ่งที่ลูกๆของเขาร่ำเรียนมาได้ถูกนำมาใช้ในการบริหารธุรกิจได้อย่างครอบคลุม
ลูกสาวคนโต ภานี อรวัฒนศรีกุล วัย 35 ปี รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด เข้ามาบริหารงานเมื่อ 5-6 ปีที่ผ่านมา
ลูกชายคนที่ 2 สิริชัย อรวัฒนศรีกุล วัย 33 ปี คว้าปริญญาเอกด้านวิศวกรรม จากเยอรมนี หลังจากเรียนทางด้านการ์เมนท์ ธุรกิจสิ่งทอโดยเฉพาะ เขาจึงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาองค์กรเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา มีหน้าที่บริหารและดูแลแผนกย้อม
ส่วนวีรยุธ อรวัฒนศรีกุลอายุ 32 ปี ร่ำเรียนสาขาวิศวกรรมเครื่องยนต์ มีประสบ การณ์ด้านการศึกษาทั้งประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา เป็นผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนา ผลิตภัณฑ์ ดูแลฝ่ายทอ
ส่วนกฤษณะ อรวัฒนศรีกุล วัย 27 ปี กำลังศึกษาที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ (นิด้า) ด้านทรัพยากรบุคคล
ในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมาลูกๆ กลาย เป็นแรงสำคัญในการขยายธุรกิจ หลังจากยุคของเขาจะเน้นผลิตและจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก
การผลิตสินค้าในอดีตใช้เครื่องจักร เพียงไม่กี่ตัว และผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในไม่กี่แบบและไม่หลากสี มีเพียงสีขาว สีดำ และสีเนื้อ หรือจะมีสีอื่นปะปนบ้างแต่ก็มีน้อยมาก
และผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ผลิตเช่นเดียวกับบริษัท แต่สิ่งที่จะทำให้บริษัทเป็นผู้นำและลูกค้ากล่าวถึงจนหันมาซื้อสินค้าของบริษัทมากขึ้น เป็นเป้าหมายหนึ่งของบริษัทฟรีเท็กซ์
"ในช่วง 5-6 ปีที่มีการขยาย เพิ่มเครื่องจักร ไม่ใช่เรามีกำไรแล้วจึงขยาย แต่เราไม่มีกำไรเราจึงต้องขยาย เพราะเราต้องลดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลผลิต เพราะค่าแรงพนักงานต้องเพิ่ม จึงจำเป็นต้องเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น มาชดเชยและให้ลูกค้ายอมซื้อในราคาแพงขึ้นกว่าคู่แข่ง" ณรงค์กล่าว
สิริชัย ลูกคนที่สอง ถือได้ว่าเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการออกแบบผลิตภัณฑ์และพัฒนาสินค้า เพราะเขาเริ่มก่อตั้งทีมวิจัยและพัฒนา รวมทั้งมีทีมดีไซน์เข้ามาร่วมออกแบบลวดลาย ส่วนประกอบชุดชั้นในเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
เขานำประสบการณ์ในการทำงานที่เยอรมนี เป็นประเทศอันดับหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านสิ่งทอมาปรับใช้กับธุรกิจ
สิริชัยคิดค้นสีใหม่ๆ ขึ้นมามากกว่าหลายพันสีและหลากพันลวดลาย รวมทั้งวิจัยสินค้า ปรับให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และได้ร่วมกับวีรยุธพัฒนาเครื่องจักร ปรับระบบให้สามารถออกแบบลวดลายของสินค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำงานต้องร่วมกับนักออกแบบ อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ต้องปรับกระบวนการผลิตให้เร็วขึ้น จากเดิมชุดชั้นในใหม่จะเปิด ตัว 6 เดือนต่อหนึ่งครั้ง ปัจจุบันเหลือเพียง 2 เดือน
กระบวนการผลิตชุดชั้นในมีหลายขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การผลิตเส้นยางยืด ย้อมสี แกะลาย ทดสอบความเป็นกรดด่างของผลิตภัณฑ์เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ซึ่งต้องทดสอบผ่านระบบเคมี
กลยุทธ์การตลาดเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการออกแบบผลิตภัณฑ์ ภานีลูกสาวคนโตเป็นผู้บริหาร หลักที่ตัดสินใจนำสินค้าออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ
ต่างจากอดีต การทำตลาดยุคของณรงค์จะอยู่ในประเทศเป็นหลัก มีความสนิทสนมคุ้นเคยกับเจ้าของแบรนด์ชุดชั้นใน ของซาบีน่า จินตนา รุ่งเรือง และเอบีซี
ตลาดต่างประเทศจึงเป็นเวทีใหม่ ของบริษัทฟรีเท็กซ์ และบริษัทยังเป็น "หน้าใหม่" ในวงการผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในเวทีโลก
การเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศเป็นเพราะว่าบริษัทต้องการเข้าถึงเจ้าของแบรนด์โดยตรง เนื่องจากกระบวนการผลิตชุดชั้นในก่อนที่จะไปถึงปลายทางสุดท้ายคือเจ้าของแบรนด์ชุดชั้นใน ต้องผ่านหลายขั้นตอนและหลายโรงงาน แต่ละโรงงานมีสินค้าที่แตกต่างกัน บริษัทฟรีเท็กซ์ก็เป็นหนึ่งในจำนวนผู้ผลิตสินค้าหลัก เช่น แถบยางยืด แถมริบบิ้น ผ้า ตะขอ เป็นต้น
กระบวนการเหล่านี้ทำให้บริษัทฟรีเท็กซ์ไม่รู้จักเจ้าของแบรนด์โดยตรง แต่รู้จักผ่านตัวแทนบริษัทผู้ผลิตรายย่อยที่ส่งสินค้าให้กับเจ้าของแบรนด์ที่กระจายโรงงานอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชุดชั้นในของทั่วโลก เช่น ประเทศจีน เวียดนาม ไทย เป็นต้น
ทำให้ภานีพยายามเข้าไปเจาะตลาด ในยุโรป ญี่ปุ่น และฮ่องกง ในตอนแรกไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเปลี่ยนวิธีการเข้าถึงลูกค้าใหม่ เริ่มนำสินค้าออกไปร่วมออกบูธในต่างประเทศ อาทิ ประเทศฝรั่งเศส หรือฮ่องกง เช่น ร่วมงาน INTER FILTER PARIS EXPO FRANCE หรือ HONG KONG MODE LINGERIE
ภายในงานดังกล่าวจะเป็นการรวมเจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในจากทั่วโลก และผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นใน เพื่อแสดงสินค้าและเทรนด์ของชุดชั้นในในแต่ละปี จึงเป็นเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการพบปะกับผู้ผลิตโดยตรง
"ผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในไม่สามารถเข้าไปแสดงสินค้าได้ทุกราย แต่ละบริษัทจะต้องนำสินค้าตัวอย่างให้ผู้จัดงานเป็นผู้เลือกว่าสินค้าที่เรามีอยู่สอดคล้องกับเทรนด์ของงานหรือไม่" สิริชัยบอก
ในช่วง 1-2 ปีแรก เขายอมรับว่าไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าของแบรนด์ แต่หลังจากเข้าร่วมงานบ่อยครั้ง บริษัทเริ่มได้รับคำสั่งซื้อจากชุดชั้นในแบรนด์ดังของโลก อย่างเช่นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ วิคทอเรีย ปิแอร์ การ์แดง วาโก้ ไนกี้ ซาบีน่า Playboy หรือ hook & eye
ปัจจุบันบริษัทส่งสินค้าออกไปต่างประเทศโดยตรงร้อยละ 30 แต่สินค้าที่บริษัทส่งให้กับโรงงานเย็บในประเทศร้อยละ 80 ก็ส่งออกเช่นเดียวกัน
คำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้ในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนกว่า 100 ล้านบาทเพื่อสั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามา
นอกจากเพิ่มเครื่องจักรใหม่บนเนื้อที่ 10 กว่าไร่ ยังได้สร้างตึกใหม่ในบริเวณโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาครให้ทันสมัย มีการตกแต่งภายในให้เหมือนโชว์รูมและพัฒนาโรงงานให้ได้มาตรฐาน ISO 9001 เพื่อควบคุมมาตรฐานระบบน้ำเสีย
ในตอนนั้นณรงค์ในฐานะพ่อยังออกปากเสียดายตึกเก่า ถ้าไม่ทุบทิ้งก็ยังอยู่ได้ถึง 20 ปี แต่เขาก็เคารพในการตัดสินใจของลูกๆ
การปรับตัวในหลายมิติของบริษัทฟรีเท็กซ์นั้นเป็นเพราะว่าบริษัทได้วางเป้าหมายธุรกิจจะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในครบวงจรในรูปแบบ one stop service
หมายถึงบริษัทจะผลิตชิ้นส่วนชุดชั้นในให้หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งคิดค้น สีและออกแบบลวดลายใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้า สามารถสั่งสินค้าได้ครบทุกอย่างในที่แห่งเดียว
จากสมัยรุ่นณรงค์จะผลิตอีลาสติกยางยืดเป็นหลัก แต่หลังจากที่มารดาเข้ามาขยายผลิตภัณฑ์มากขึ้น เช่น ตะขอ ริบบิ้นสำเร็จรูป ห่วงพลาสติก และมีแผนผลิตห่วงเหล็กเพิ่มขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้เรื่องสีของสินค้าเป็นเรื่อง สำคัญ เพราะลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากหลายแหล่งจะประสบปัญหาสีของผลิตภัณฑ์แตกต่างกันจึงเป็นส่วนหนึ่งที่บริษัทจะทำวิจัยและพัฒนาต่อไป
นอกเหนือจากการพัฒนาสินค้าให้ครบวงจรแล้ว การวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เป็นอีกพันธกิจหนึ่งที่จะทำให้บริษัท แตกต่างจากคู่แข่ง นอกเหนือจากการตาม เทรนด์เพียงอย่างเดียว อย่างเช่นการผลิตเนื้อผ้าไม่ให้มีกลิ่นอับชื้น โดยนำเทคโนโลยี เข้ามาร่วมพัฒนาหรือเติมกลิ่นหอมอโรเวรา ลงบนเนื้อผ้า ซึ่งตลาดญี่ปุ่นจะชื่นชอบ
ประสบการณ์กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา บริษัทสามารถก้าวมาเป็นผู้ผลิตชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ของตัวเองก็ได้ แต่บริษัทฟรีเท็กซ์ก็ปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น เพราะบริษัทยินดีจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตชุดชั้นในสำเร็จรูปให้กับแบรนด์ดัง ทั้งในและต่างประเทศ มากกว่าที่จะหันไปสร้างแบรนด์ของตนเอง เพราะบริษัทรู้ดีว่า การอยู่เบื้องหลังและสนับสนุนแบรนด์ต่างๆ มีโอกาสเก็บเกี่ยวได้มากกว่า
แม้ในยามเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศจะถดถอย โดยเฉพาะอุตสาหกรรม ส่งออกของไทยยังไม่กระเตื้องมากนัก แต่ธุรกิจชุดชั้นในยังสามารถฝ่ากระแสส่งออกได้ สามารถประเมินจากรายได้ของบริษัทฟรีเท็กซ์ที่เติบโตถึง 400 ล้านบาทเมื่อปีที่ผ่านมา
ส่วนหนึ่งแม้ว่าตลาดไทยจะมีคู่แข่งอย่างจีน แต่ระบบการผลิตของไทยตั้งแต่ต้นน้ำไปยังยังปลายน้ำยังเข้มแข็ง เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดชุดชั้นในของไทยยังโตสวนทางกระแสเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ความรู้และเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่เรียนรู้และตามทันสำหรับทุกประเทศ และบริษัทฟรีเท็กซ์คงไม่หยุดพัฒนาเพียงเท่านี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|