|
บสท.โละสินทรัพย์1.7แสนล.
ASTV ผู้จัดการรายวัน(2 กุมภาพันธ์ 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
บสท.เดินแผนยุบกิจการ หลังดำเนินงานครบกำหนด 10 ปี ตาม พ.ร.ก.บสท. พร้อมเตรียมโละสินทรัพย์คงเหลือ 1.72 แสนล้าน ขายต่อ บสก.-บสส.สุขุมวิท ฟุ้งปี52 สร้างรายได้รวม27,499ล้านบาท ตั้งเป้า16เดือนสุดท้ายก่อนยุบเลิก 32,650ล้านบาท
นางจุไรรัตน์ ปันยารชุน กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) กล่าวว่า ปัจจุบัน บสท.มียอดสินทรัพย์คงเหลือจำนวน172,173ล้านบาท แบ่งออกเป็นเงินชำระตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน49,921 ล้านบาท ทรัพย์สินระหว่างบังคับหลักประกันมูลค่า30,678 ล้านบาท และทรัพย์สินรอการขาย (NPA)จำนวน91,574 ล้านบาท
โดยในปี 53บสท.ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวม21,220ล้านบาทแบ่งออกเป็นรายได้จากการจัดเก็บหนี้ 13,82ล้านบาท และรายได้จากการขยายNPA 7,400 ล้านบาท ในขณะที่ปี 54บสท.ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวม 11,430ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการจัดเก็บหนี้ 8,730ล้านบาท และรายได้จากการขาย NPA อีก 2,700 ล้านบาท หรือจะทำให้ในช่วง16เดือนก่อนที่ บสท. จะยุบเลิกกิจการนั้น จะสามารถระบายสินทรัพย์ได้ทั้งสิ้น 32,650ล้านบาท
ทั้งนี้ หาก บสท. สามารถสร้างรายได้ตามเป้าที่วางไว้ จะส่งผลให้ ณ ปี 54บสท.มีทรัพย์สินคงเหลือทั้งสิ้น 139,523ล้านบาท ซึ่งสินทรัพย์ในส่วนที่เหลือทั้งหมด จะต้องจำหน่ายให้สถาบันการเงินของรัฐ คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์(บสก.) และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (SAM) เพื่อนำไปบริหารการขายต่อ ในขณะเดียวกัน จะให้สิทธิ์แก่เจ้าหนี้เดิมที่โอนสินทรัพย์ให้แก่บสท.ได้มีโอกาสในการเสนอซื้อสินทรัพย์ในส่วนที่เหลือก่อน
อนึ่ง บสท.เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้เสียในระบบ ซึ่งมีอายุการดำเนินงาน10 ปี และต้องยุบเลิกกิจการตามมาตรา 95 แห่งพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ก.) บสท. พ.ศ. 2544 ซึ่งบัญญัติว่า เมื่อบสท.ดำเนินกิจการครบเจ็ดปีนับแต่วันที่ พ.ร.ก.ใช้บังคับแล้ว ต้องให้ยุบเลิกบสท.เมื่อครบ10ปี และชำระบัญชีให้แล้วเสร็จในเวลาไม่ช้ากว่าปีที่12 นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.ก.ใช้บังคับ
นางจุไรรัตน์ กล่าวว่า ในส่วนของภารกิจเพื่อการยุบเลิกตามกฎหมายนั้น บสท.ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 51 ที่ผ่านมา โดยได้จัดทำแผนงานเสนอต่อกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.51 และได้จัดประชุมกับสถาบันการเงินผู้โอนหนี้ทั้ง 23 แห่ง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีส่วนได้เสียในการร่วมรับผิดชอบผลกำไรและขาดทุน ที่จะเกิดขึ้นจากการบริหารหนี้เสียของบสท. เพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับแนวทางในการบริหารจัดการสินทรัพย์คงเหลือ
“ สถาบันการเงินส่วนใหญ่มีความเห็นให้ขายสินทรัพย์คงเหลือให้แก่ บสก.และบสส. ซึ่งขณะนี้ บสท.อยู่ระหว่างนำเสนอความเห็นของสถาบันการเงินต่อกระทรวงการคลัง และหากเห็นชอบ ทางบสท.จะจัดแยกกองประมูลขายสินทรัพย์ประเภทลูกหนี้ รวมถึงสิทธิ์เรียกร้อง และNPA ต่อไป ในเบื้องต้นจะมี 4 กอง ”
สำหรับในปี 52 ที่ผ่านมา บสท.มีรายได้รวม 27,499 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 16,309 ล้านบาท และรายได้จากการขาย NPA จำนวน11,190 ล้านบาท และมีรายได้จากการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 21,690 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นปีที่ผ่านมา สามารถลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศและจากการค้ำประ กันตั๋วสัญญาใช้เงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ( FIDF )
โดยการไถ่ถอนตั๋วสัญญาใช้เงินในส่วนของเงินต้น จำนวน 161,261 ล้านบาท คิดเป็น65.07% ของทั้งหมด 247,844 ล้านบาท และได้ชำระค่าดอกเบี้ยไปแล้ว จำนวน 20,349 ล้านบาท ทำให้ปัจจุบัน คงเหลือตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 86,583 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา บสท.ได้ส่งผ่านลูกหนี้สุจริตและมีศักยภาพกลับเข้าสู่ระบบสถาบันการเงินตามปกติ ทั้งสิ้น 3,555 ราย คิดเป็นมูลค่าทางบัญชี 122,816 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|