|
อีลิทเน่าลากยาวไรแววTORขาย
ASTVผู้จัดการรายวัน(1 กุมภาพันธ์ 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
อีลิทการ์ดยังเคว้ง ครบกำหนด 3 เดือนถ้าเอกชนเมินซื้อกิจการ ก็ยังโอนมาอยู่กับ ททท.ไม่ได้ เผย ป่านนี้ ยังไม่สามารถออกประกาศขายกิจการได้เหตุยังไม่มีคณะกรรมการผ่านร่าง ทีโออาร์ ส่วน ททท. ก็ยังไม่ได้คำสั่งบอร์ดเห็นชอบให้ดำเนินการตามมติครม. ศึกษาการรับโอนกิจการอีลิท ย้ำถ้าปิดบริษัท พนักงานพ้นสภาพพแน่ แต่ไม่ประกันว่าททท.จะรับมาเป็นพนักงานหรือไม่ ถ้ารับก็ต้องใช้อัตราเงินเดือนพนง.งานไม่อู้ฟู่เหมือนที่อีลิท
นายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) อดีตรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด(ทีพีซี) ดำเนินโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิทการ์ด กล่าวว่า ททท.ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อมาศึกษาเตรียมความพร้อมสำหรับการรับโอนกิจการของอีลิทการ์ด เข้ามาอยู่ในความดูแลของ ททท. หากไม่มีเอกชนรายใดสนใจเข้าซื้อกิจการ
ทั้งนี้ยอมรับว่ากระบวนการทำงานต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร ซึ่งเป็นไปได้ที่จะไม่ทันกับช่วงเวลาที่ครบกำหนด 3 เดือนของการประกาศขายกิจการอีลิทการ์ดแล้วไม่มีเอกชนสนใจซื้อ เพราะ จากมติ คณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่เห็นชอบ ให้จำหน่ายกิจการของอีลิทการ์ด ภายใน 3 เดือนนับจากวันที่ ครม.มีมติเมื่อเดือน พ.ย. 52 ซึ่งคาดว่าจะครบกำหนดในเดือน ก.พ.53 หากไม่มีเอกชนสนใจเข้าซื้อกิจการ ก็ให้ดำเนินการปิดบริษัท ทีพีซี แล้วโอนธุรกิจมาอยู่ในความดูแลของ ททท.
โดยล่าสุด ยังไม่สามารถออกประกาศขายกิจการอีลิทการ์ดได้ เพราะยังติดที่ประกาศทีโออาร์ ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ต้องผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการดำเนินการขายกิจการอีลิทการ์ดเสียก่อน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะเป็นผู้แต่งตั้ง
นอกจากนั้นในกระบวนการของ ททท. จะทำโดยพลการไม่ได้ ต้องให้ฝ่ายลงทุนเป็นผู้ศึกษา ทั้งด้านกฎหมายและกฎระเบียบว่า ททท.สามารถรับกิจการของอีลิทการ์ดมาได้หรือไม่อย่างไร อีกทั้งยังต้องให้ที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)ททท. เห็นชอบพร้อมออกคำสั่งให้ ททท.ไปดำเนินการตามความเห็นชอบของมติ ครม. ด้วย จึงถือว่ากระบวนการทำงานสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพนักงาน บริษัท ทีพีซี เมื่อต้องปิดกิจการ ถือว่าพ้นสภาพการเป็นพนักงาน ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้ และ เป็นไปไม่ได้ ว่า ททท.จะรับพนักงานเข้ามาทำงานเพื่อให้บริการแก่สมาชิกผู้ถือบัตรอีลิทการ์ดต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการศึกษา ส่วนอัตราเงินเดือนก็ต้องเป็นไปตามเหรดอัตราค่าจ้างของพนักงานททท.ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องต่ำกว่าเหรดอัตราเงินเดือนของพนักงานบริษัท ทีพีซี
“กระบวนการที่ ททท.จะต้องศึกษา เพื่อเตรียมรองรับการโอนย้ายอีลิทการ์ดในครั้งนี้ น่าจะ 1-2 เดือน เพราะต้องศึกษาให้รอบคอบ โดย ททท.ต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นบริษัททีพีซี เพื่อขอมติขายกิจการอีลิทการ์ดด้วย และถ้าขายไม่ได้ก็ต้อง เรียกประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขอปิดกิจการ ก่อนโอนย้ายการดูแลสมาชิกมาให้แก่ ททท. จึงต้องใช้ระยะเวลาการทำงานพอสมควร ขณะเดียวกันตั้งแต่ ครม.มีมติขายกิจการ ก็ยังไม่มีเอกชนรายใดสนใจเข้ามาซื้ออย่างจริงจัง มีเพียงกลุ่มทุนจาก สิงคโปร์ และมาเลเซียเข้ามาสอบถาม“
นายอุดม ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ในส่วนของ ททท.อยู่ระหว่างการเตรียมจัดทำแผนกลยุทธ์การตลาดประจำปีงบประมาณ 2554 ซึ่งขณะนี้กระบวนการทำงานเพิ่มจะเริ่มต้น ด้วยการเตรียมจัดประชุมคณะกรรมการกระบวนการจัดทำแผนประจำปีงบประมาณ 2554 ซึ่งมีผู้ว่าการ ททท.เป็นประธาน จากนั้นจึงแบ่งจัดประชุมในแต่ละภูมิภาคทั้งในประเทศและต่างประเทศ จัดประชุมโฟกัสกรุ๊ป ระดมความคิดเห็นจากภาครัฐ เอกชน และ นักวิชาการ ก่อนจะมาประมวลผลให้เสร็จทภายในเดือน มิ.ย.54
ในหลักการแล้วปีงบประมาณ 2554 จะต้องเน้นกลยุทธ์การตลาดในรูปแบบอีมาร์เก็ตติ้ง เจาะสัมคมออนไลน์ และ อีโมชันนัล มาร์เก็ตติ้ง เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การทำงานของผู้ว่าการ ททท. ที่ได้นำเสนอเป็นพันธกิจไว้กับ คณะกรรมการ ททท. และ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|