บล.โกลเบล็กเผยปี52ฟันกำไร90ล.


ASTVผู้จัดการรายวัน(19 มกราคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมบริษัทปีนี้อยู่ที่ 710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2552 คาดจะอยู่ที่ 497 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 90 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะเน้นรุกธุรกิจอนุพันธ์จากที่ปีนี้จะมีสินค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้นซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้ของบริษัทเพิ่มเป็น 15-20% จากปีก่อนที่มี13% และรายได้จากการลงทุนพอร์ตของบริษัทจะเพิ่มเป็น 20% จากปีก่อนที่มี16% โดยรายได้จากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์จะอยู่ที่ 50% จากปีก่อนที่มี 63% มีรายได้จากอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืม 5% รายได้จากงานวาณิชธกิจ 5% และรายได้อื่นๆ5%

ทั้งนี้ จากการที่บล.มีการคิดค่าคอมมิชชั่นมูลค่าการซื้อขายต่อวันเกิน 20 ล้านบาทต่อวันที่อัตรา 0% นั้นจะทำให้นักลงทุนรายใหญ่มีการเทรดหุ้นมากขึ้นจากที่มีต้นทุนต่ำทำให้สามารถเล่นรอบได้มากขึ้น และเข้าไปเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก โดยเมื่อเข้าไปลงทุนใช้เงินทุนไม่มาก ราคาหุ้นก็สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ง่าย จะทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่้งเห็นได้จากที่ต้นปีนี้ราคาหุ้นขนาดเล็กได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ

สำหรับการที่นักลงทุนรายใหญ่มีต้นทุนต่ำนั้นในการลงทุนหุ้นและสามารถที่จะลงทุนหุ้นได้อย่างไม่มีข้อจำกัดนั้น ทำให้การลงทุน

พอร์ตของ บล.ลงทุนได้ลำบากมากขึ้น เพราะมีข้อจำกัดในการลงทุนว่าจะต้องลงทุนในหุ้นที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ส่วนนักลงทุนรายย่อยการลงทุนปีนี้จะเสียเปรียบนักลงทุนรายใหญ่จากที่มีเม็ดเงินลงทุนน้อยกว่าและอาจจะเล่นรอบไม่ทัน ทำให้นักลงทุนรายย่อยปีนี้จะต้องระมัดระวังในการลงทุน และควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐาน เพราะพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยนั้นจะไม่กล้าที่จะขายหุ้นออกมาเมื่อราคาหุ้นมีการปรับตัวลดลง

" ช่วง2สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นของหุ้นขนาดเล็กมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ ส่วนตัวมองว่าเกิดจากแรงซื้อของนักลงทุนรายใหญ่ เพราะ นักลงทุนรายใหญ่มีเม็ดเงินลงทุนที่สูงและมีต้นทุนในการซื้อขายที่ต่ำกว่า ทำให้สามารถเข้าไปลงทุนในหุ้นขนาดเล็กโดยใช้เงินไม่มากก็สามารถทำให้ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงได้ ทำให้นักลงทุนรายย่อยต้องระวังในการลงทุนจากที่ลงทุนไม่ทันนักลงทุนรายใหญ่จึงควรหันลงทุนหุ้นพื้นฐานจะดีกว่า " นายชนะชัยกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)มีการย้ายงานไม่มาก เพราะมาร์เกตติ้งรอโบนัสจากการทำงานในปีที่ผ่านมาที่จะออกในไตรมาส1/53 จึงเชื่อว่ามาร์เกตติ้งจะมีการย้ายงานหลังไตรมาส1/53มากขึ้น จากการแข่งขันธุรกิจที่เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าหลังจากในปี 2555 ที่มีการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นนั้น จะทำให้มีมาร์เกตติ้งออกนอกระบบจำนวนมาก เพราะอนาคตนั้นนักลงทุนจะเทรดผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้น และบล.จะมีการต่อรองราคากับลูกค้าได้เอง โดยที่ไม่ต้องผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.