อ.ส.ม.ท.โกยกำไรปีนี้800ล.


ผู้จัดการรายวัน(8 ตุลาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

"มิ่งขวัญ" โชว์ผลประกอบการ บริหาร อ.ส.ม.ท.ครบปี มั่นใจหลังปรับโฉม 3 เฟส ปี46 ทำรายได้ 1,800 ล้านบาท ฟันกำไร 800 ล้านบาท คุยรายการไพรม์ไทม์โฆษณาเพิ่ม 20-50% เผยมีแผนปรับโฉมเฟส 4 ปีหน้า ล่าสุดดึงหนังแผ่นค่ายอาร์.เอส.-แกรมมี่ ลงรายการ โมเดิร์นไนน์ เธียเตอร์ ถึงสิ้นปีนี้ หากบูมแย้มมีต่ออายุถึงปีหน้า

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่ง ผอ.อ.ส.ม.ท. ได้ 1 ปี ตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการปรับปรุงตัวรายการทีวีช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ ทีวี ไป 3 ขั้นตอน คือ ในเดือน พ.ย. 2545,เม.ย.2546 และก.ย.2546 ขณะนี้เริ่มเห็นผลชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงระดับหนึ่ง โดยเฉพาะรายการช่วงเวลาไพรม์ไทม์ 19.00-21.00 น. ที่อ.ส.ม.ท. เป็นผู้ผลิตรายการเองเป็นส่วนใหญ่ ที่มีสินค้าเข้ามาโฆษณาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ก่อน ปรับรายการมีโฆษณาช่วงนี้วันละ 2 นาทีครึ่ง หรือ 5 สปอตเท่านั้น เรตติ้งอยู่ระดับ 1 แต่หลังการปรับรายการใหม่ทั้ง 3 ขั้นตอน มีสินค้ามาลงโฆษณามากขึ้นเฉลี่ยวันละ 17-19 นาที ประมาณ 34 สปอต เรตติ้งอยู่ระดับ 5-7

"การเปลี่ยนแปลงที่เห็นนี้ คิดเป็นการเติบโต ของรายได้จากโฆษณา 20-50% แต่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 25% ซึ่งยังไม่ถือว่าเต็มรูปแบบของขั้นตอน การปรับเปลี่ยนของช่อง 9 เพราะเป็นผลมาจากการปรับรายการเพียงอย่างเดียว แต่ยังไม่ได้ปรับการทำงานของทีมตลาด หากดำเนินการทุกอย่างครบขั้นตอนแล้ว เชื่อว่าการขยายโฆษณาของช่อง 9 จะเพิ่มขึ้นมาก กว่านี้อีก ขณะนี้มีหลายรายการที่ได้รับความสนใจจาก เจ้าของสินค้าและมีโฆษณาจองจนล้น เช่น เกมทศกัณฐ์ รายการถึงลูกถึงคน เป็นต้น"

สำหรับรายได้ของ อ.ส.ม.ท. 60% จะมาจาก ทีวี ในปีที่ผ่านมา ทำรายได้รวม 1,600 ล้านบาท กำไร 500 ล้านบาท ส่วนปีงบประมาณ 2546 (ต.ค. 2545-ก.ย. 2546 )มีรายได้ 1,800 ล้านบาท แต่ทำกำไรเพิ่มขึ้นเป็น 800 ล้านบาท เนื่องจากได้ลงทุน ปรับเปลี่ยนองค์กรจำนวนมากไปในปี 2545 แล้ว ส่วนปีนี้ และปีต่อๆ ไป จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการลงทุนนี้

ทั้งนี้ หลังการปรับรายการช่อง 9 ขั้นตอนที่ 3 ในเดือน ก.ย.นี้ แล้วจะใช้ระยะเวลาประเมินผลงานประมาณ 4-5 เดือน หลังจากนั้นจะปรับโฉมในระยะที่ 4 ต่อไป เพราะรายการที่ปรับโฉม ไปก่อนหน้านี้มีบางส่วนต้องปรับปรุง แต่ระหว่างการรอประเมินผลขั้นตอนที่ 3 จะสอดแทรกรายการใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เช่น ในวันที่ 12 ต.ค.นี้ จะเพิ่มรายการใหม่ คือ โมเดิร์นไนน์ เธียเตอร์ ที่ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 23.00-01.00 น.ด้วยภาพยนตร์ที่เรียกว่าหนังแผ่นของ ค่าย อาร์.เอส และแกรมมี่ มาออกอากาศทางช่อง 9

ในเบื้องต้นวางแผนรายการโมเดิร์นไนน์ เธียเตอร์ ไว้ 12 เรื่อง แบ่งเป็นค่ายละ 6 เรื่อง ฉายสลับค่ายละสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ คือถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น โดยรูปแบบการทำรายได้เป็นลักษณะไทม์ แชริ่ง หรือแบ่งเวลาขาย โฆษณา โดยคิดนาทีละ 1.5 แสนบาท หลังจากออกอากาศไปแล้วระยะหนึ่งจะดูผลตอบรับของรายการดังกล่าว แต่เชื่อว่ามีแนวโน้มสูงที่จะมีรายการโมเดิร์นไนน์ เธียเตอร์ต่อในปีหน้า แต่อาจจะย้ายไปออกอากาศในช่วงเวลาอื่นๆ

ผุด อ.ส.ม.ท.คอมเพล็กซ์

นายมิ่งขวัญ กล่าวต่อว่า ต้นปีหน้า อ.ส.ม.ท. จะเปิดใช้อาคาร 6 ชั้น ที่สร้างขึ้นใหม่ โดยจะเปิด เป็นพื้นที่ให้สำนักข่าวต่างประเทศเช่าเป็นสำนักงานสาขาในภูมิภาคนี้ ที่ยืนยันการใช้พื้นที่มาแล้ว คือ NHK ของญี่ปุ่น KBS ของเกาหลี TV5 ของยุโรป และ CCTV ของจีน โดยทุกสำนักข่าวได้ตกลงกับ อ.ส.ม.ท. เพื่อแลกเปลี่ยน ข้อมูลด้านข่าวสาร สารคดี และอื่นๆ ไปออกอากาศระหว่างกัน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่ข้อมูลข่าวสารของประเทศไทยจะได้เผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งทีวี 5 ยุโรป ยินดีที่จะส่งผู้สื่อข่าวจากฝรั่งเศส เดินทางมารายงานข่าวสำคัญๆในประเทศไทย ภายใน 48 ชั่วโมง

การที่สำนักข่าวต่างประเทศระดับใหญ่ๆ ของแต่ละประเทศจะมารวมตัวอยู่ที่ อ.ส.ม.ท. คอมเพล็กซ์ จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ อ.ส.ม.ท. ที่เป็นสำนักข่าวระดับประเทศของไทยมีชื่อเสียงไปด้วย ในอนาคตต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการนำเสนอข่าวสารของสำนักข่าวต่างประเทศ ประจำภูมิภาคเอเชีย เพื่อแข่งขันกับสิงคโปร์ ฮ่องกง ที่หลายสำนักข่าวต่างประเทศเข้าไปตั้งสำนักงานสาขาไว้แล้ว

อาร์.เอส.ชี้เสริมรายได้หนังแผ่น

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการ บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์.เอส โปรโมชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การนำหนังแผ่นมาออกอากาศในรายการโมเดิร์นไนน์ เธียเตอร์ จะเลือกหนังแผ่นที่วางขายในตลาดไปแล้ว 3 เดือน มาออกอากาศ เพราะโดยปกติยอดขายของหนังแผ่น 80-90% จะอยู่ในช่วง 3 เดือนแรก หลังจากนั้นยอดขายส่วนใหญ่จะไปอยู่ในตลาดต่างจังหวัด ขณะนี้อาร์.เอส. มีหนังแผ่น หรือ เทเล มูฟวี่ ที่พร้อมออกฉายแล้ว 14 เรื่อง จากทั้งหมดที่ผลิตได้ในสิ้นปีนี้จำนวน 30 เรื่อง

ส่วนปีหน้าเตรียมแผนจะผลิตเทเลมูฟวี่อีก 40 เรื่อง โดยแต่ละเรื่องใช้ต้นทุนการผลิตประมาณ 3 ล้านบาท ส่วนยอดจำหน่ายของเทเลมูฟวี่ อยู่ที่เรื่องละ 7 หมื่น-1 แสนแผ่น แต่หากจำหน่ายได้ 4-5 หมื่นแผ่นก็ถือว่าถึงจุดคุ้มทุนแล้ว การนำเทเลมูฟวี่มาออกฉายในฟรีทีวี เป็นการทำรายได้อีกช่องทางหนึ่ง นอกจากนี้อาร์.เอส.ยังนำลิขสิทธิ์ของเทเลมูฟวี่ ไปจำหน่ายให้เคเบิล ทีวี และขายให้ต่างประเทศ คือ ฮ่องกง และสิงคโปร์ ไปแล้ว 10 เรื่อง โดยทั้ง 2 ประเทศนำไปทำซับ ไตเติ้ล ใหม่และวางขายเหมือนภาพยนตร์ต่างประเทศทั่วไป ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดเทเลมูฟวี่ และหนังไทยในต่างประเทศ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.