'ดีแทค'ลุย ธุรกิจเสริม เพิ่มรายได้


ASTVผู้จัดการรายวัน(11 มกราคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

แฮปปี้จากดีแทคเขย่าตลาดรับศักราชใหม่ ด้วยการส่งซิมกันแดด SPF29 สตางค์ลงตลาด คิดค่าโทร.ในเครือข่าย 29 สตางค์ตั้งแต่นาทีแรก 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น เอาใจลูกค้าหญิงชอบโทร. ประกาศใช้กลยุทธ์เซ็กเมนต์จิ้ว เจาะลึกลงกลุ่มลูกค้าเล็ก มัดใจด้วยราคาถูก ถูกใจ เชื่อปีนี้ตลาดอิ่มตัวเต็มที่ คาดทั้งปีมีลูกค้าใหม่แค่ 8 แสนราย เน้นทำการตลาดนอยวอยซ์พ่วงสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์เชื่อมอินเทอร์เน็ต หนุนรายได้เพิ่มอีกทาง

นายธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) หรือดีแทค เปิดเผยว่า แฮปปี้ได้ออกซิมแรกของปีนี้ชื่อ “ซิมกันแดด SPF29 สตางค์” ตั้งแต่นาทีแรกช่วงเวลา6โมงเช้าถึง 6โมงเย็น เฉพาะเครือข่ายดีแทค ส่วนนอกเวลาและนอกเครือข่ายคิดค่าบริการนาทีละ 1.29 บาท SMS นาทีละ 3 บาท อินเทอร์เน็ตนาทีละ 1 บาท

ทั้งนี้ แคมเปญดังกล่าวนับว่าเป็นการเปิดศักราชด้วยราคาค่าโทร.ต่ำของดีแทค โดยซิมใหม่นี้จะเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงเป็นหลัก เนื่องจากพบว่าผู้หญิงมีการใช้งานสูง รวมทั้งมีมีปริมาณการใช้งานคงที่ และเป็นกลุ่มที่ตอบรับต่อโปรโมชัน รวมทั้งผู้ใช้กลุ่มมีรายได้ต่อเลขหมายต่อเดือน ( ARPU) ในการใช้งานเฉลี่ย 266 บาท ซึ่งสูงกว่าARPUในกลุ่มเพศชาย

ดีแทคตั้งเป้าซิมกันแดด SPF29 สตางค์ ไว้ว่าจะมีลูกค้าเดือนละ 1 แสนราย และปีนี้ตั้งเป้าจะมีลูกค้าใหม่สุทธิเข้ามาในระบบประมาณ 8 แสนราย เนื่องจากจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือกับจำนวนประชากรในประเทศใกล้ถึง 100 % แล้ว

สำหรับปีที่ผ่านมาแฮปปี้มีลูกค้าใหม่สุทธิในระบบกว่า1 ล้านราย ส่วนฐานลูกค้ารวมพรีเพด และโพสต์เพด สิ้นปี 2552 น่าจะอยู่ที่ 21 ล้านราย

นายธนากล่าวว่า ซิมกันแดด SPF29 สตางค์ เป็นผลผลิตจากแนวคิดในการทำการตลาดด้วยกลยุทธ์แนวใหม่ที่เรียกว่าเซ็กเมนต์จิ้ว (Micro segmentation) หรือการทำตลาดลงลึกในกลุ่มลูกค้าที่เล็กลงจากเดิม จะเน้นทำตลาดในเซ็กเมนต์ใหญ่ด้วยดูจากอายุ หรืออาชีพ เป็นหลัก

โดยกลยุทธ์ดังกล่าว แฮปปี้จะใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการทำการตลาดปีนี้ เนื่องจากพบว่ากระแสของตลาดมุ่งไปสู่ความถูกใจของลูกค้าที่มีเซ็กเมนต์เล็กลงเรื่อยๆ ดังนั้น ปีนี้การออกแคมเป็นที่มีราคาถูกและถูกใจลูกค้า ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีแคมเปญเจาะเซ็กเมนต์จิ้วอย่างน้อย 5 แคมเปญ

ในส่วนการทำตลาดของแฮปปี้ปีนี้ จะใช้ข้อมูล ( Data Mining) ที่บริษัทได้ลงไปในปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าแบบตัวบุคคล ซึ่งจะช่วยให้สามารถเสนอโปรโมชันที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าในกลุ่มย่อยๆได้มากขึ้น


นอกจากนี้ การนำกลยุทธ์ เซ็กเมนต์จิ้ว ด้วยการนำข้อมูลจาก Data Mining มาใช้จะทำให้บริษัทสามารถประหยัดงบการทำตลาดมากขึ้นเนื่องจากสามารถเสนอแคมเปญที่ต้องตามความต้องการลูกค้าได้ตรงกลุ่ม เช่นการทำการตลาดของ ซิมกันแดด SPF29 สตางค์ ซึ่งเจาะกลุ่มผู้หญิงเป็นหลัก ก็จะใช้วิธีโฆษณาทางโทรศัพท์เฉพาะรายการผู้หญิง แทนการโฆษณาตลอดทั้งวัน หรือทำตลาดผ่านร้านเครื่องสำอางเพราะลูกค้ากลุ่มดังกล่าวนิยมช็อปปิ้งเครื่องสำอาง ซึ่งตอบโจทย์นโยบายของบริษัทที่ต้องการลดงบการตลาดลง
ซึ่งปีนี้คาดว่างบน่าจะอยู่ที่ 700-750 ล้านบาทลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ใช้งบการตลาดไป 800 ล้านบาท และปี 2551 ใช้งบทำการตลาดถึง 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ปีนี้แฮปปี้จะเน้นลดยอดลูกค้าออกจากระบบให้เหลือ 5 % ต่อเดือน จากปัจจุบันมียอดลูกค้าที่ออกจากระบบอยู่ที่ 6 % ต่อเดือน โดยจะเน้นหาลูกค้าที่อยู่ในระบบได้นาน

นายธนากล่าวว่า ด้วยจำนวนลูกค้าใหม่ในตลาดที่เหลือน้อยลง ทำให้ต้องใช้กลยุทธ์ราคาเพื่อแย่งลูกค้าจากคู่แข่งทำให้บริษัทต้องหันไปเน้นการทำตลาดด้วยนอนวอนซ์เพื่อเพิ่มรายได้อีกทางด้วยการทำโปรโมชันร่วมกับการขายเครื่องสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ และการทำตลาดขายบริการนอนวอยซ์ร่วมกับอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์ด้วยเครือข่ายมือถือ อย่าง USB แอร์การ์ด เป็นต้น

ปัจจุบันนอนวอยซ์สร้างรายได้ให้บริษัทคิดเป็น 10-12 % ของรายได้รวม และคาดว่าปีนี้รายได้จากบริการดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ ผู้บริหารดีแทคยังมองว่าตลาดมือถือจะหันไปแข่งขันด้านโทร.ทางไกลระหว่างเทศ (IDD) มากขึ้น โดยจะเห็นได้จาก บริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (หมาชน) หรือเอไอเอส มีการหันค่าบริการลดลง และบริษัท ทรูมูฟ จำกัด มีการแจกซิมฟรีบริเวณสนามบินให้กับนักท่องเที่ยว สำหรับดีแทคเองจะไม่มีการโปรโมตโปโมชันโทร.ทางไกลต่างประเทศในวงกว้าง แต่จะเน้นประชาสัมพันธ์ไปถึงลูกค้าโดยตรงให้โทร.ผ่านเลขหมายโทร.ทางไกล 004 ของดีแทค เพราะปัจจุบันลูกค้ามือถือยังถูกจำกัดให้ใช้งานโทร.ทางไกลต่างประเทศผ่านเลขหมายของระบบที่ตัวเองใช้งาน ส่งผลให้ปัจจุบันตลาดนนี้ยังมีมาจิ้นสูงอยู่

อย่างไรก็ตาม ดีแทคมองว่าหากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช. เปิดเสรีให้โทร.ทางไกลต่างประเทศ โดยให้ผู้ใช้บริการสามารถโทร.ผ่านเลขหมายใดก็ได้ จะทำให้เกิดการแข่งขันในตลาดนี้อย่างเต็มที่ และราคาจะปรับตัวลดลงไปอีกมาก


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.