ในภาวะของสภาพเงินตึงและล้มระเนระนาดของบริษัทเงินทุนต่างๆ ที่เจอหวยเอาตอนสิ้นปีสองสามรายใหญ่ๆ
เช่น พัฒนาเงินทุน และเยาวราชไฟแนนซ์ นอกเหนือจากนั้นแล้วก็ไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่น้อยก็เลยเข้าใจกันว่าคงไม่มีอะไร
แต่เบื้องหลังของความเงียบสงบนี้กลับมีภูเขาไฟที่กำลังปะทุอยู่และพร้อมที่จะระเบิดขึ้นมาอีก
ส่วนธนาคารชาติหลังจากที่เคยโวยวายมาพักหนึ่งว่า ที่ไม่สามารถจะแจ้งให้ประชาชนทราบว่าทรัสต์ไหนดีไม่ดีนั้นเป็นเพราะกฎหมายไม่อนุญาต
ครั้นกระทรวงการคลังออก พ.ร.ก. พร้อมกับสมหมาย ฮุนตระกูล ประกาศออกมาอย่างจริงจังว่าใครดีไม่ดี
ธนาคารชาติก็จะเริ่มประกาศให้รู้กันทั่วหน้า
แต่จากวันนั้นธนาคารชาติก็ยังเป็นธนาคารชาติที่เหมือนแดนสนธยา ข่าวคราวที่ควรจะรู้บ้างก็ไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นแม้แต่ปัญหาต่างๆ
ที่เกิดขึ้นกับทรัสต์บางแห่งก็อมพะนำเงียบกริบ ทั้งๆ ที่หลายเจ้าก็พับฐานไปเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุดก็คือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สหไฟแนนซ์ซึ่งโดนมรสุมขนาดหนักถึงกับกรรมการผู้จัดการที่ชื่อ
พัลลภ อัศวเนตรมณี หายหน้าหายตาไปหลังจากที่มีเรื่องให้บรรดาผู้ฝากเงินต้องอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่พักใหญ่
เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีพลับพลาไชยเขตหนึ่งขึ้นไปจับกุมนายพัลลภ อัศวเนตรมณี
ในข้อหาออกเช็คไม่มีเงินจำนวนหนึ่งล้านบาทให้กับผู้ฝากเงินที่ชื่อ ปทุมพร
วิชญชากร
ปทุมพรได้เอาเงินไปฝากไว้กับสหไฟแนนซ์ 1,000,000 บาท แต่แทนที่จะเอาเป็นตั๋วสัญญาใช้เงินก็เอาเป็นเช็คของพัลลภ
อัศวเนตรมณี ซึ่งมี น.ส.งามจิตร แซ่เบ๊ เป็นผู้ลงลายมือชื่อร่วม โดยฝากไว้
6 เดือน เมื่อถึงกำหนดเช็คเกิดมีชีวิตเพราะพัลลภระงับการจ่ายก็เลยแจ้งความ
หลังจากที่พัลลภนั่งอยู่ที่โรงพักได้ไม่นานก็ประกันตัวเองออกมาในวงเงิน
1,000,000 บาทพร้อมกับมีเจ้าทุกข์อีกหลายคนที่เริ่มเดินหน้าเข้าแจ้งความ
เพราะเช็คที่พัลลภออกอีกหลายใบถูกระงับการสั่งจ่าย
เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปหาพัลลภ ปรากฏว่าไม่เห็นแม้แต่เงาและไม่มีใครรู้ว่าอยู่ไหน?
เป็นอันว่าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์สหไฟแนนซ์ไม่มีกรรมการผู้จัดการมานั่งทำงานเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว
บรรดาผู้ฝากเงินคงนั่งกระสับกระส่ายกันอย่างไม่เป็นสุข ส่วนพนักงานก็ได้แต่ใบ้รับประทานลูกเดียว
ไม่รู้ว่างานนี้ธนาคารชาติจะแถลงว่าอย่างไรอีก!