เพื่อนคู่คิดมิตรคู่บ้าน เลือกเพื่อนผิดมิตรบีบบ้าน


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2527)



กลับสู่หน้าหลัก

"คุณนึกดูซิทำอย่างนี้ได้ยังไง เขาประชุมกันวันที่ 27 ธันวาคม วันที่ 28 ธันวาคม เพื่อนคู่คิดก็ปฏิบัติการเลย ตัดวงเงิน CBD ล้างตัวแดง ผมก็อ้วกน่ะซิ" พ่อค้าระดับกลางคนหนึ่งถ่ายทอดให้ฟังอย่างชนิดที่เรียกว่าน้ำลายเป็นฝอยกระเด็นออกมาด้วยความแค้น

ตั้งแต่ปลายธันวาคม 2526 มาจนถึงกุมภาพันธ์ 2527ใครก็ตามถ้าไม่ใหญ่จริงใช้บริการธนาคารกรุงเทพแล้วมือเติบใช้เกินวงเงินที่เขาให้ ต่างพากันหน้ามืดเป็นลมกลางแดดตามๆ กัน

"ความจริงมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกมาตั้งแต่ต้น ลูกค้ามีวงเงินแค่ไหนก็ควรใช้แค่นั้นการใช้เกินมันก็ไม่ถูกอยู่แล้ว" เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพระดับสูงคนหนึ่งชี้แจงให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

ความโกลาหลในเรื่องนี้มีมากพอสมควรและมีผลกระทบเข้าสถาบันการเงินอื่นด้วยเพราะส่วนแบ่งตลาดของธนาคารกรุงเทพ มีกว่า 30% ก็เป็นของแน่นอนว่าใครที่ค้าขายกับลูกค้าธนาคารกรุงเทพก็ต้องอ่วมอรทัยไปเหมือนกัน

"ผมไม่ได้ใช้บริการของธนาคารกรุงเทพ เงินผมไม่ฝืด แต่มาเจอเช็คลูกค้าผมซึ่งใช้ธนาคารกรุงเทพเด้งหลายๆ ราย ก็เล่นเอาผมหน้ามืดเหมือนกัน" พ่อค้าอีกรายหนึ่งชี้แจงให้ฟัง

แท้จริงแล้วธนาคารกรุงเทพ กำลังประสบปัญหาของเงินกองทุนกับอัตราเสี่ยง ซึ่งใกล้จะถึงเส้นอันตราย ก็เลยตัดสินใจตัดสินเชื่อที่เคยอะลุ้มอล่วยกันว่าเกินได้บ้าง พร้อมกับเร่งการเพิ่มทุนเป็นการใหญ่เพื่อให้มีความสามารถปล่อยได้อีกหลายพันล้านบาท

"ตอนประชุมผู้จัดการสาขากัน เขาก็วางเป็นนโยบายที่สำคัญหลักๆ ว่า หนึ่ง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเงินเกินหนึ่งบาทก็ไม่ได้ สอง อำนาจผู้จัดการในเรื่องสินเชื่อถูกเรียกกลับหมด สาม จะเอาเช็คแลกเพื่อล้างตัวแดงก็ไม่ได้ และสี่ สัญญาเบิกเกินบัญชีหมดเมื่อไรก็ให้พิจารณาใหม่เป็นรายๆ ไป ไม่มีการต่อโดยอัตโนมัติ" เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพที่ทำงานด้านสินเชื่อแย้มให้ฟัง

ผลกระทบของการบีบสินเชื่อครั้งนี้ก็มีอยู่ทั่วไปและสามารถจะรู้สึกกันได้ในวงการค้า บางรายถึงกับปิดและเลิกใช้บริการธนาคารกรุงเทพหันไปใช้บริการธนาคารอื่น แต่ธนาคารกรุงเทพก็ไม่ได้รับผลกระทบกระเทือนเท่าไรนัก เพราะจำนวนลูกค้าที่มากและความใหญ่ที่ใหญ่กว่าคนอื่นหลายๆ เท่าทำให้ลูกค้าหลายรายที่อยากจะตีจากไปก็ตีจากไปไม่ได้ก็ต้องทนหวานอมขมกลืนไป

"ผมว่ามาตรการนี้กลับจะเป็นผลดีกับธนาคารกรุงเทพเสียอีก เพราะเป็นบทเรียนทางการเงินที่ลูกค้าต้องเริ่มมีวินัยกันมากขึ้นและหลังจากที่สถานการณ์คืนสู่ภาวะปกติแล้ว ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพก็คงจะต้องระมัดระวังตัวเองมากขึ้นไม่ให้มีการใช้สินเชื่อเกินวงเงิน" เจ้าหน้าที่สินเชื่อคนเดิมกล่าวเสริม

แรงกระทบบางแห่งกระจายไปถึงกับมีการรวมตัวกันในระหว่างลูกค้าธนาคารกรุงเทพ เช่น บรรดาพ่อค้าพลอยที่จันทบุรี ถึงกับทำแถลงการณ์ออกมาตอบโต้เรียกร้องให้ธนาคารกรุงเทพแก้ไขภาวะวิกฤตนี้โดยด่วน และนับได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ธนาคารที่ลูกค้ารวมตัวกันออกแถลงการณ์

ธนาคารกรุงเทพเองก็ไวต่อเหตุการณ์นี้ ดร.อำนวย วีรวรรณ ประธานกรรมการบริหารก็ออกมาปลอบใจทันควันว่าอดทนจนถึงหลังตรุษจีนนี้ก็คงจะดีขึ้น เพราะธนาคารมีเงินสำรองไว้หลายพันล้านบาทสำหรับช่วยผ่อนคลายเรื่องสินเชื่อแล้ว ดร.อำนวยก็ยังตบท้ายด้วยการแนะนำให้ลูกค้าเปลี่ยนไปใช้ term loan จะดีกว่า

เสียงของแถลงการณ์เพิ่งจะหมดไปหมาดๆ แชร์ทางพัทลุงก็ล้มครืนเป็นเงินกว่า 200 ล้านบาท เหตุผลก็เพราะธนาคารสั่งให้ลูกค้ามาเคลียร์บัญชีปิดโอดีแล้วสัญญาว่าจะให้เปิดใหม่แต่ก็ไม่ยอมเปิดและให้สินเชื่อ ความวุ่นวายทางการเงินก็เกิดขึ้นในพัทลุง

นอกจากนี้ดอกเบี้ยแลกเช็คนอกระบบก็พลอยกระโจนขึ้นเป็นร้อยละ 3 ต่อเดือน หรือ 36% ต่อปี

สำหรับลูกค้ารายใหญ่ๆ ของธนาคารกรุงเทพ ไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเท่าใดนักเพราะพวกนี้เป็นลูกค้าหลักที่ธนาคารต้องเก็บเอาไว้

"ปัญหาเรื่องการให้เกินหรือไม่ให้เกินนั้น ผมว่าทุกคนไม่แคร์ แต่ถ้าคุณจะทำอะไร คุณให้โอกาสชาวบ้านเขาตั้งตัวหน่อยได้ไหมล่ะ ไม่ใช่ประชุมวันที่ 27 และทำกันในวันที่ 28 เลย ทำอย่างนี้ธุรกิจขนาดเล็กกับขนาดกลางก็ตายกันหมด เหมือนกับจะส่งเสริมให้เกิดการผูกขาดกันในหมู่ลูกค้าขนาดใหญ่" พ่อค้าเจ้าเก่าที่กระอักเลือดกับธนาคารกรุงเทพพูดต่อ

ส่วนนโยบายธนาคารชาติที่บีบไม่ให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเกินกว่า 18% ต่อปี ก็ยิ่งเหมือนเวรกรรมที่ซ้ำเติมบรรดาพ่อค้าทั้งหลายไปอีกชั้นหนึ่ง

ใครๆ ก็ว่า ปี 2526 เป็นปีแห่งความซวยในเรื่องการเงิน และใครก็ตามที่หวังว่า 2527 คงจะดีขึ้น ก็เป็นคนที่มองโลกในแง่ดีจนเกินไป

"คุณโทษค่าเงินบาทก็แล้วกันมันเฮงซวย มันอ่อนแต่เสือกทำมันแข็งแล้วกัดฟันบอกว่ามันยังแข็งน่ะ แบงก์กรุงเทพเลยไม่กล้าเอาเงินจากต่างประเทศเข้ามา" ผู้ที่คิดว่าตัวเองรู้เรื่องการเงินดีตบท้ายให้ฟัง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.