ใหญ่เกินไปก็มีข้อเสีย


นิตยสารผู้จัดการ( มกราคม 2527)



กลับสู่หน้าหลัก

บางทีการที่เป็นบริษัทที่ใหญ่จนเกินไปนอกจากจะเริ่มอืดอาดและไม่คล่องตัวแล้วก็ยังเริ่มเสียเปรียบคู่ต่อสู้ในด้านการค้าอีกด้วย

ข้อเสียเปรียบที่ว่านั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของต้นทุนการผลิต

เมื่อตัวเองยังเล็กอยู่ ก็สามารถจะรับได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่สงครามจรยุทธ์เป็นต้นไป แต่พอตัวเองเริ่มใหญ่ขึ้นมาพลพรรคที่เป็นกองโจรก็ต้องรวบรวมมาเป็นกองทัพและต้องใช้งบประมาณในการเลี้ยงดูที่ค่อนข้างสูง

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ก็ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย มีบริษัทในเครือแห่งหนึ่งที่ชื่อ บริษัทผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด

งานหลักของบริษัทนี้แบ่งออกเป็น 4 ด้าน ด้านแรกคือ โรงงานทำเสาเข็มซีแพค โรงงานที่สองคือ โรงงานคอนกรีตผสมเสร็จ โรงงานที่สาม คือ โรงงานกระเบื้องโมเนีย โรงงานที่สี่คือ โรงงานคอนกรีตสำเร็จรูป

ในบรรดาทั้ง 4 โรงงานนั้น ถ้าจะนับถึงตัวที่ทำกำไรให้แก่บริษัทมาตั้งแต่ต้นนั้นก็เห็นจะเป็นโรงงานผลิตเสาเข็มซีแพค ทั้งนี้เพราะบริษัทปูนซิเมนต์ไทยเป็นผู้ริเริ่มนำเทคโนโลยีอันนี้ ก็เลยทำให้เสาเข็มซีแพคเป็นเจ้าที่ครองตลาดเสาเข็มมาตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2526 เสาเข็มซีแพคจำเป็นต้องลาจากวงการก่อสร้างไป

เหตุผลเพราะต้นทุนของเสาเข็มซีแพคสูงเกินไปที่จะมาแข่งขันในตลาดเสาเข็มที่เทคโนโลยีด้านนี้เริ่มแพร่กระจายออกไปมากทำให้มีคนผลิตเสาเข็มแข่งขันมากกว่า 40 กว่าเจ้า

โรงงานเสาเข็มซีแพคเริ่มขาดทุนมาตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว เหตุผลประการหนึ่งนอกจากราคาที่คู่แข่งขันสามารถขายได้ในราคาที่ถูกกว่ามากแล้ว ก็ยังมีค่าเสียหายซึ่งเกิดจากผลของการตอกเสาเข็ม ที่ทำให้อาคารใกล้เคียงทรุดหรือร้าวไปซึ่งผู้ตอกต้องรับผิดชอบอีก

"ค่าประกันในการตอกเสาเข็มไม่มีบริษัทประกันภัยไหนกล้ารับ ก่อนหน้านั้นยังมีการประกันอยู่ แต่ต่อมาภายหลังไม่มีใครกล้ารับประกันอีกแล้ว" คนวงการเสาเข็มเล่าให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

ต้นทุนก็เป็นองค์ประกอบใหญ่อีกองค์ประกอบหนึ่ง

จากการที่เป็นบริษัทที่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ค่าแรงของโรงงานเสาเข็มซีแพคสูงกว่าค่าแรงงานของโรงงานเสาเข็มอื่นถึง 3-4 เท่าตัว "ค่าแรงของเสาเข็มซีแพค เราจ้างโดยเฉลี่ยแล้วตกประมาณ 200 กว่าบาท ในขณะที่คู่แข่งขันจ้างเพียง 61 บาทเท่านั้นเอง" คนที่รู้เรื่องซีแพคดีเล่าให้เราฟัง

ด้วยเหตุนี้ราคาขายที่เสาเข็มซีแพคเคยขายอยู่เป็นราคาเท่ากับ Total Variable Cost ซึ่งยังไม่ได้บวกต้นทุนตรงเลยแม้แต่บาทเดียวก็เลยทำให้ผู้บริหารปูนซิเมนต์ไทยคิดตกว่าจำเป็นที่จะต้องปิดเสาเข็มซีแพคลงไป

ซึ่งการปิดสินค้าชนิดนี้ ความจริงก็ไม่ใช่เป็นของใหม่สำหรับผู้บริหารปูนซิเมนต์ไทยเพราะแม้กระทั่งสมัยที่ จรัส ชูโต เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง เมื่อปี พ.ศ.2519 ก็ได้เคยยกเลิกสินค้าที่ขาดทุนหรือมีลู่ทางที่ไม่แจ่มใสมาก่อน

อุทาหรณ์เรื่องนี้ก็น่าจะอยู่ตรงที่ว่า บริษัทที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าคนอื่นย่อมสามารถที่จะกอบโกยและตักตวงผลประโยชน์จากความล้ำหน้าของตนเองไปได้ระยะหนึ่ง จนกระทั่งเทคโนโลยีนั้นเริ่มแพร่หลายและกระจายไปในหมู่มากเมื่อใดแล้ว ก็ถึงเวลาที่บริษัทนั้นจะต้องผันแปรตัวเองไปริเริ่มสินค้าตัวใหม่ ทั้งนี้เพราะต้นทุนการผลิตระหว่างบริษัทที่รบแบบกองโจรกับบริษัทที่ใช้กองทัพรบย่อมมีข้อแตกต่างกันมาก

และนี่ก็คือข้อเสียข้อหนึ่งของการที่เป็นบริษัทที่ใหญ่เกินไป



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.