|

เศรษฐกิจปีหน้ายังไม่ฟื้นตัว หนุนรายใหญ่กินรวบตลาด
ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 ธันวาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
- คลังไม่ฟันธงต่ออายุมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ
- เผยเห็นสัญญาณบ่งชี้ตลาดฟื้น อาจปรับสูตรมาตรการรอบใหม่
- "อนันต์ อัศวโภคิน" มองมุมกลับ เชื่อเศรษฐกิจปีหน้าไม่ฟื้นจริง
- ย้ำปีหน้ากลไกแบงก์เข้มปล่อยสินเชื่อโครงการ หนุนรายใหญ่กินรวบตลาด-รายย่อยสูญพันธุ์
ประเด็นร้อนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้ คือ การติดตามความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในเรื่องมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ 2 ชุดว่าจะมีการต่ออายุในเร็วๆ นี้หรือไม่ มาตรการดังกล่าว ได้แก่ สิทธิประโยชน์นำเงินที่ซื้อบ้านมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 300,000 บาท ซึ่งมาตรการนี้จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ และมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% เหลือ 0.01%ค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% และภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3.3% เหลือ 0.11% ที่จะหมดอายุในวันที่ 28 มี.ค. 53 ซึ่งที่ผ่านมาจากการใช้มาตรการดังกล่าวพบว่า หากประชาชนรู้ล่วงหน้าว่ารัฐบาลจะต่ออายุมาตรการ จะทำให้การซื้อขายหยุดชะงัก และจะมีการซื้อขายอย่างหนาแน่นเป็นพิเศษในช่วงที่มาตรการใกล้หมดอายุ ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และกระทบกับยอดขายของดีเวลลอปเปอร์ จากบทเรียนในอดีตทำให้รัฐบาลต้องใช้ความระมัดระวังในการแสดงท่าทีเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมากขึ้นเป็นพิเศษ
คลังฟันธง ศก. ฟื้นแล้ว
แต่การที่รัฐบาลจะตัดสินใจต่ออายุมาตรการออกไปหรือไม่ คงต้องขึ้นกับรัฐบาลว่าจะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจขณะนี้และต่อจากนี้ไปในทิศทางใด หากโฟกัสเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สมชาย สกุลสุรรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวอ้างถึงตัวเลขดัชนีต่างๆโดยระบุว่าทั้งหมดได้สะท้อนให้เห็นว่าภาคเศรษฐกิจและอสังหาริมทรัพย์ได้ฟื้นตัวขึ้นแล้วอย่างต่อเนื่อง เช่น ยอดบ้านสร้างเสร็จจดทะเบียนไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้น 8% ยอดขายปูนซีเมนต์ เหล็กไตรมาส 3 เริ่มขยายตัวจากไตรมาส 2 ที่หดตัว สะท้อนว่าเริ่มมีการก่อสร้างมากขึ้น และไตรมาส 4 ที่คาดว่าจะมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งระบบประมาณ 80,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งซื้อ เพื่อให้ทันมาตรการลดหย่อนภาษีที่จะหมดอายุสิ้นปี ซึ่งจะดันให้ยอดสินเชื่อปล่อยใหม่ทั้งปีอยู่ที่ 3 แสนล้านบาท จากเดิม 2.8 แสนล้านบาทในปีที่แล้ว
"การผลักดันงบไทยเข้มแข็ง คาดว่าจะทำให้การลงทุนภาคเอกชนปีหน้ากลายเป็นบวก อยู่ที่ 2.7-5% จาก 3 ไตรมาสแรกปีนี้ที่ติดลบ หดตัวลง 13.7% ซึ่งความเชื่อมั่นของภาคเอกชนเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อสังหาริมทรัพย์ถือว่ามีบทบาทสำคัญ เพราะมีสัดส่วนถึง 6% ของจีดีพี มีการจ้างงานมากเป็นอันดับ 3 รองจากภาคธุรกิจอื่นๆ ถ้าอสังหาฯ โตได้ปีละ 10% ใกล้เคียงกับที่ผ่านมา จะมีส่วนดันให้จีดีพีขยายตัวได้ 0.57% ต่อปี"
สำหรับมุมมองของรัฐบาลเชื่อว่า ในปีหน้าจีดีพีของไทยจะเติบโตอยู่ที่ 2.5-3.5% ตัวเลขของตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ฟื้นตัว ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการของรัฐ ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้ระบุว่าจะต่ออายุมาตรการหรือไม่ แต่ยอมรับว่าจะต้องมีการพิจารณาปรับมาตรการให้เหมาะสม โดยคำนึงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของภาพรวมเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งจะมีการรับฟังความเห็นจากภาคเอกชนอีกครั้ง
จัดสรรเสนอรัฐต่อมาตรการ
ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ อิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยว่า ในการประชุมร่วมทุกสมาคมฯ เห็นพ้องว่า ตัวเลขต่างๆ เช่น การซื้อขาย การลงทุนโครงการไม่ได้เพิ่มขึ้น จึงไม่ได้สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างแท้จริง จึงเสนอว่าหากรัฐบาลต่ออายุมาตรการจะเป็นประโยชน์มากกว่า เพราะช่วยให้ตลาดรวมไม่ชะลอตัว ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามาตรการมีส่วนช่วยให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่ติดลบ
วิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เห็นว่า ตลาดไม่ได้เติบโตจริง เห็นได้จากภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาไม่ได้เติบโตขึ้น มีการเปิดตัวโครงการใหม่น้อยลง แต่ยอดขายไปกระจุกตัวอยู่ที่ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่ ส่วนเศรษฐกิจไทยปีหน้ามองว่ามีแนวโน้มจะเติบโตแต่ไม่มากนัก ซึ่งยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายด้านที่ต้องจับตามอง เช่น การเมือง ปัญหามาบตาพุด วิกฤตที่ดูไบ อย่างไรก็ตามพบว่าดีเวลลอปเปอร์ก็มีแผนจะลงทุนในปีหน้าหลายโครงการ หากปีหน้าจะมีปัญหาเกิดขึ้น มีการแข่งขันสูง จนทำให้กำไรลดลง แต่ดีเวลลอปเปอร์ก็ยังประคองตัวอยู่ได้ เพราะส่วนใหญ่มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ
ขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า เศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป หากดูตัวเลขบ้านสร้างเสร็จจดทะเบียนปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว คือ 85,000 ยูนิต การเก็งกำไรมีไม่มาก จึงไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดฟองสบู่ แต่ปีหน้าก็ต้องจับตาเรื่องเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่จะปรับขึ้นในครึ่งปีหลัง
แลนด์ฯ ไม่เชื่อปีหน้าฟื้น
แม้กระทรวงการคลังและภาคเอกชนจะเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจปีหน้าน่าจะถึงเวลาฟื้นตัว แต่อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กลับมองในมุมกลับ โดยไม่เชื่อว่าปีหน้าไทยจะพ้นวิกฤตแล้ว โดยดูจากภาพรวมเศรษฐกิจประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา ขณะนี้ก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ซึ่งวิกฤตรอบที่แล้วไทยต้องใช้เวลากว่า 4-5 ปีเศรษฐกิจจึงจะฟื้น สำหรับขณะนี้มองว่าไทยน่าจะเพิ่งอยู่ในจุดต่ำสุด และคงไม่ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วมากนัก แต่ก็หวังว่าจะไม่แย่กว่านี้ ดังนั้นจึงไม่ควรประมาท
"ตอนนี้ไม่ต้องห่วงว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปเกิดฟองสบู่เหมือนเก่า เพราะมีกฎที่คุมแบงก์เข้มมาก แบงก์ก็กลัวเสี่ยง ไม่ยอมปล่อยกู้ให้รายย่อยเลย แบบนี้ทำให้รายย่อยอยู่ไม่ได้ ทุกวันนี้แบงก์เน้นปล่อยกู้ให้ดีเวลลอปเปอร์ท็อปเท็นเท่านั้น แบงก์บอกว่าจะให้กู้ดอกเบี้ยคงที่ 3 ปีเลย ไม่ต้องไปออกหุ้นกู้ ทำให้รายใหญ่ยังขยายธุรกิจได้ เชื่อว่าอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทใหญ่จะกินแชร์ถึง 70% ของตลาด รายกลาง-เล็กจะอยู่ได้ต้องเจาะนิช มาร์เก็ต ทำในสิ่งที่แบงก์เชื่อว่าขายได้เท่านั้น"
อนันต์มองว่า ธุรกิจในปีหน้าต้องเตรียมรับมือเรื่องต่างๆ เช่น การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะมีการพิจารณาที่เข้มงวดขึ้น เพราะคณะกรรมการจะอิงจากกระแสกรณีที่มาบตาพุด รวมถึงผังเมือง กทม. ที่จะเปลี่ยนในอีก 2 ปีข้างหน้า
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|