|
'เลอซาช่า' จับมือ 'ซันซิล' เอ็ดดูเคตเทรนด์สาวไทย
ผู้จัดการรายสัปดาห์(24 ธันวาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
เลอซาช่าผนึกพันธมิตรรอบทิศ ล่าสุดร่วมกับซันซิลจัดแคมเปญ 'ซันซิลค้นหา เลอซาช่าท้าให้เปลี่ยน' เอ็ดดูเคตเทรนด์ผมให้สาวไทยและขยายฐานผู้บริโภคให้กว้างขึ้น หลังจากบุกประชิดด้วยการจับมือกับกระทรวงศึกษาธิการสร้างเป็น 1 ในหลักสูตรการเรียนให้นักศึกษา เพื่อสร้างการรับรู้และความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง หลังสำรวจพบ สาวไทยกว่า 80% มีแค่ไดร์เป่าผมเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมเพียงชิ้นเดียว มั่นใจสิ้นปีโกยยอด 800 ล้านบาท
แม้ตลาดอุปกรณ์จัดแต่งทรงผม (เฉพาะช่องทางโมเดิร์นเทรด) ที่มีมูลค่า 86 ล้านบาท แบรนด์เลอซาช่าจะเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่ง 59% อีกทั้งยังไม่มีผู้เล่นรายใดก้าวเข้ามาเป็นคู่แข่งชัดเจนก็ตาม ทว่าในช่วง 1-2 ปีนี้ ผู้บริโภคในบ้านเราจะเห็นว่าเลอซาช่าได้เปิดเกมรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ชนิดที่เรียกว่า ไม่ยอมให้คู่แข่งทั้งที่เป็นโลคัลแบรนด์และอินเตอร์แบรนด์มีโอกาสเข้ามาเบียดชิงพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มโลคัลแบรนด์ที่จะเน้นแค่เรื่องราคาและทำตลาดกลุ่มประตูน้ำมากกว่า แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น ก็คือ เลอซาช่าต้องการขยายตลาดอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าโดยภาพรวมทุกช่องทางของผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้คาดว่าจะมีมูลค่าหลักร้อยล้านก็ตาม แต่หากเจาะในช่องทางโมเดิร์นเทรดที่เลอซาช่าทำตลาดหลักอยู่ในตอนนี้มูลค่าเพียง 86 ล้านบาท ตัวเลขดังกล่าวถือว่ายังเป็นตลาดที่เล็กมาก
ดังนั้น เลอซาช่าจึงเปิดเกมรุกเข้มมาตลอดทั้งปี โดยกลยุทธ์ที่ค่ายคิวรอนเน้นหนักชัดเจน คือ การผนึกกับพันธมิตร โดยจะเห็นว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาค่ายคิวรอนได้เข็นสินค้าต่างๆ ออกมาจับมือกับพันธมิตรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเตารีดไอน้ำแบรนด์แอทโฮมก็นำไปจัดแคมเปญร่วมกับบรีสเอกเซล หรือเครื่องถอนขนถนอมผิวแบรนด์เอ็มจอย ค่ายนี้ก็นำไปจัดกิจกรรม Happy Arm ร่วมกับแบรนด์เรโซนา เมื่อครั้งลอนช์นวัตกรรม 'นาโน โกลด์เพลท' เพื่อตอบโจทย์สาวไทยที่มีปัญหาเรื่องผิวใต้วงแขนและให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสทดลองใช้สินค้ามากยิ่งขึ้น
ล่าสุด กับการนำแบรนด์เลอซาช่า ผลิตภัณฑ์กลุ่มจัดแต่งทรงผมออกมาจับมือกับแบรนด์ซันซิล เพื่อจัดกิจกรรม 'ซันซิลค้นหา เลอซาช่าท้าให้เปลี่ยน' โดยกำหนดจัดขึ้นในช่วงสิ้นเดือนธันวาคมนี้ไปถึงเดือนมีนาคมปี 2553 ซึ่งเลอซาช่ามั่นใจว่าแคมเปญดังกล่าวจะสามารถพาแบรนด์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารค่ายนี้มั่นใจ คือ ความแข็งแกร่งในด้านชื่อเสียงของซันซิล กอปรกับการเป็นผู้นำในตลาดแชมพูบ้านเราย่อมเป็นตัวหนุนความมั่นใจให้กับสาวไทยกล้าตัดสินใจทดลองใช้อุปกรณ์จัดแต่งทรงผมของเลอซาช่าได้ไม่ยาก เป็นที่น่าสังเกตว่าแบรนด์สินค้าที่ค่ายคิวรอนเลือกเป็นพันธมิตรจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของยูนิลีเวอร์ทั้งสิ้น
'บริษัทมองว่ายูนิลีเวอร์มีสินค้ากลุ่มแมสหลายกลุ่มที่ตรงกับสินค้าของเรา เช่น แบรนด์เรโซนาที่เน้นเรื่องการดูแลผิวใต้วงแขนก็ตรงกับดีเอ็นเอของแบรนด์เอ็มจอย ที่วางจุดขายเป็นเครื่องถอนขนถนอมผิวเช่นกัน ซึ่งเป็นการทำตลาดร่วมกันที่ Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย' เป็นคำกล่าวของ เดชฤทธิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ผู้อำนวยการตลาด บริษัท คิวรอน จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมแบรนด์เลอซาช่า
สำหรับการจับมือระหว่างเลอซาช่ากับซันซิลในครั้งนี้ จะเห็นว่า ทางซันซิลส่งตัวสูตรผมมีน้ำหนักจัดทรงง่าย (สีชมพู) ซึ่งตรงกับแบรนด์เลอซาช่าที่ชูจุดขายว่าเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่ไม่ทำร้ายและยังปกป้องเส้นผมจากความร้อนด้วย โดยเฉพาะเครื่องหนีบผมที่ค่ายนี้พยายามจะเข็นเข้ามาบุกตลาดและสร้างเทรนด์ให้ผู้บริโภคหันมาใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในการช่วยจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพราะจากการสำรวจพบว่า สาวไทยกว่า 80% จะมีแค่ไดร์เป่าผมเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมเพียงชิ้นเดียว ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับสาวเกาหลีที่กว่า 80% จะมีอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมเฉลี่ยคนละ 7 ชิ้น เช่น ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผม โรลม้วนผม และทั้งหมดนี้จะสามารถจัดแต่งทรงผมด้วยตนเอง ต่างจากสาวไทยที่กว่า 70% จะต้องใช้บริการร้านซาลอน
ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ทำให้สาวไทยไม่นิยมใช้เครื่องหนีบผม คือ ความกังวลเรื่องผมเสียที่เกิดจากความร้อนของตัวอุปกรณ์ ดังนั้น การเลือกจับมือกับซันซิลโดยโฟกัสไปที่สูตรผมมีน้ำหนักจัดทรงง่ายนั้น เชื่อได้ว่า เลอซาช่าต้องการอาศัยภาพของซันซิลสูตรดังกล่าวมาช่วยตอบโจทย์ของคุณผู้หญิงที่รักผม เพราะไม่เพียงแต่ตัวอุปกรณ์ที่จะช่วยจัดแต่งทรงผมโดยไม่ต้องห่วงผมเสียแล้ว แต่ยังมีซันซิลที่จะเป็นผู้ช่วยดูแลและถนอมเส้นผมอีกขั้นตอนหนึ่งด้วย ในทางกลับกันซันซิลก็ได้เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคเช่นเดียวกันด้วย ซึ่งหากจำภาพยนตร์โฆษณาที่มี อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นพรีเซนเตอร์ ในชุดที่กล่าวถึงการเปลี่ยนทรงผม 4 ทรงใน 1 วัน ไม่ได้สร้างความกังวลหรือความหนักใจให้กับตัวพรีเซนเตอร์แม้ว่าเส้นผมจะต้องถูกจัดแต่งทรงด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ไดร์เป่าผม เครื่องหนีบผมก็ตาม หากมีการใช้แชมพูสูตรดังกล่าวช่วยดูแลผม จะเห็นว่าทั้งภาพและ message ของหนังโฆษณาชุดนี้ค่อนข้างตรงและสอดคล้องไปกับโปรดักส์ของเลอซาช่าได้อย่างลงตัว
แม้ว่าแคมเปญดังกล่าวจะไม่ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก แต่ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ซันซิล รวมถึงความแข็งแกร่งในช่องทางจำหน่ายของยูนิลีเวอร์ ทำให้ผู้บริหารเลอซาช่ามั่นใจว่าจะสามารถขยายตลาดและเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น เช่นเดียวกับการจับมือกับบรีสเอกเซลเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่ช่วยให้เตารีดไอน้ำแบรนด์แอทโฮมเติบโตขึ้น 33%
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการตลาดค่ายคิวรอน บอกว่า เพื่อให้เกิดการรู้จักและสร้างความภักดีต่อแบรนด์ระยะยาว แบรนด์เลอซาช่ายังได้เข้าร่วมกับทางกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยการเข้าไปขอบรรจุหลักสูตรการเรียนเกี่ยวกับการทำผมในวิทยาลัยสารพัดช่าง ซึ่งเริ่มไปแล้ว 39 เขต โดยนักศึกษาจะสามารถเริ่มเรียนได้ในปี 2553 ทั้งนี้ การเข้ามารุกในช่องทางนี้ ถือว่าเป็นเกมที่ทางเลอซาช่าต้องการปูทางให้แบรนด์ในระยะยาว ด้วยการให้กลุ่มเป้าหมายได้รู้จักแบรนด์ตั้งแต่ในช่วงวัยเรียนและต่อเนื่องไปจนถึงวัยทำงาน
นอกจากเป้าหมายดังกล่าวแล้ว จะเห็นว่าเลอซาช่ามองไปไกลกว่านั้น คือ การเลือกบุกช่องทางร้านซาลอนอย่างจริงจัง ที่เป็นเช่นนี้เพราะสถานศึกษาที่ทางเลอซาช่าขอบรรจุเข้าไปนั้น คือวิทยาลัยสายอาชีพ ที่เน้นการเรียนเพื่อออกมาประกอบอาชีพโดยตรง ดังนั้น การเลือกบรรจุหลักสูตรทำผมโดยมีแฮร์สไตลิสต์ที่เลอซาช่าส่งเข้าไปช่วยสอนย่อมเป็นการสร้างแบรนด์ลอยัลตี้ตั้งแต่เริ่มต้นด้วย และเมื่อนักศึกษาเหล่านั้นกระจายไปสู่ตลาดร้านเสริมสวย แน่นอนว่าแบรนด์เลอซาช่าย่อมถูกผูดติดไปด้วยไม่มากก็น้อย โดยปัจจุบันช่องทางร้านเสริมสวยทำรายได้ให้แบรนด์เลอซาช่าราว 60% ช่องทางโมเดิร์นเทรด 40%
พร้อมกันนี้เพื่อผลักดันช่องทางซาลอนให้เติบโตขึ้น การออกสินค้าในปีหน้าทางเลอซาช่าก็เตรียมลอนช์สินค้าเพิ่มอีก 10 เอสเคยู โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มโปรเฟสชันนัล ซึ่งนอกจากจะเจาะช่องทางร้านซาลอนแล้ว ค่ายคิวรอนมองว่าสินค้ากลุ่มนี้ยังสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคโดยตรงได้อีกด้วย เพราะจากการสำรวจพบว่า สาวไทยที่นิยมทำผมด้วยตนเองต้องการอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับที่ใช้ในร้านซาลอน ซึ่งเลอซาช่ามั่นใจว่าจะได้การตอบรับที่ดีเช่นกัน สำหรับการรุกครั้งนี้ เลอซาช่ามั่นใจว่าในปีหน้าจะสามารถเพิ่มการเติบโตได้อีก 16% หลังจากที่ปีนี้ปิดยอดขายได้ที่ 800 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|