|
มาสด้าชู "บีที-50"เจ๋ง ผลิตผลจากแนวคิด Zoom Zoom
ผู้จัดการรายสัปดาห์(30 ธันวาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ต้องยอมรับพัฒนาการทั้งด้านตัวผลิตภัณฑ์ และการทำตลาดภายในแนวคิด Zoom Zoom ของค่ายรถยนต์มาสด้า ทำให้สามารถก้าวสู่แบรนด์อันดับต้นๆ ในตลาดเมืองไทย โดยเฉพาะปิกอัพ บีที-50 ที่สามาถคว้าวัลธุรกิจยานยนต์ยอดนิยม หรือ TAQA ประเภทรถเพื่อการพาณิชย์ขนาด 1 ตันแบบ 4 ประตู มาครอง ซึ่งต้องถือว่าไม่ธรรมดาเลยในตอนนี้
บีที-50 เป็นปิกอัพที่มีพัฒนาการอย่างน่าสนใจ สุรีทิพย์ ละอองทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกถึงจุดเด่นของรถรุ่นนี้ว่า มาสด้า บีที-50 ใหม่ ยังคงสืบทอดคุณลักษณะสปอร์ตโฉบเฉี่ยวและโดดเด่นสไตล์รถสปอร์ตปิกอัพที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพิ่มความแข็งแกร่ง และบึกบึน ด้วยการผสานการออกแบบใหม่ พร้อมเพิ่มความเป็นสปอร์ตมากขึ้นอีก ด้วยกระจังหน้าใหม่ เน้นให้เห็นรูปทรง 5 เหลี่ยมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อความโดดเด่นชัดเจน สะท้อนให้เห็นวัสดุคุณภาพขั้นสูงเพิ่มความโดดเด่นมากขึ้น
นอกจากรูปร่างหน้าตาที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และสะท้อนภาพของรถปิกอัพที่ให้มุมมองความสปอร์ตแล้ว รูปลักษณ์ภายในยังเน้นความโดดเด่น หรูหรา ให้ความเป็นสปอร์ตและความรู้สึกเหมือนขับขี่ในรถยนต์นั่ง ที่สำคัญคือ มาสด้า บีที-50 สปอร์ตปิกอัพ ออกแบบเพื่อให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ใช้งานได้ง่ายสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ระบบความปลอดภัย
ขณะที่เครื่องยนต์ ตระกูล MZR คอมมอนเรล ดีเซลไดเร็คอินเจ็คชัน ก็มีจุดเด่นตรงที่ให้ประสิทธิภาพสูง เผาไหม้หมดจด ตอบสนองทุกการขับขี่ เทอร์โบแปรผัน VGT พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ควบคุมแม่นยำ ตอบสนองทุกรอบความเร็ว กล่องควบคุมหัวฉีด BOSCH 32 บิต ให้ความแม่นยำสูงด้วยการฉีดจ่ายน้ำมัน 5 จังหวะใน 1 รอบการจุดระเบิด ให้ประสิทธิภาพการจุดระเบิดแม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมเทคโนโลยีคลัทช์แบบใหม่ Dual Mass Flywheel ทำให้การขับขี่ที่เรียบและเงียบยิ่งกว่า
ที่สำคัญคือ บีที-50 ใช้ระบบช่วงล่างที่เรียกว่า DE-S (Dynamic Enhance Suspension system) เป็นช่วงล่างที่ออกแบบและปรับแต่งโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์มาสด้าบีที-50 จากวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เพื่อการเกาะถนนที่ดีเยี่ยมในทุกสภาพการขับขี่
"สำหรับมาสด้าในวันนี้กลับเป็นรถยนต์ที่ยังคงได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคทั้งในส่วนของรถเก๋ง รวมทั้งรถปิคอัพ โดยเฉพาะยอดขายของรถยนต์นั่งสปอร์ตมาสด้า3 ที่ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่ปลายมา พร้อมกับทำสถิติยอดขายที่เติบโตสูงสุด และในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามาสด้าได้ดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด"
ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ กล่าว
ทั้งนี้เป็นผลจากแนวคิด (คอนเซ็ปต์) ซูม-ซูม ที่โดนใจลูกค้า เพราะทำให้เห็นภาพลักษณ์ของมาสด้า3 ชัดเจนขึ้น โดยคำว่า ซูม-ซูม นั้น เป็นคำที่เด็กๆ ในต่างประเทศ เอ่ยออกมาแสดงถึงความสุขในการเคลื่อนไหวตัวเอง และได้อยู่กับความเร็ว เหมือนกับที่เด็กไทยใช้คำว่า "บรื๋นๆ" แต่เมื่อเด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีภาระการงาน การประชุม มีเรื่องต้องตัดสินใจ ความรู้สึกมีความสุขกับการเคลื่อนไหว ก็เลือนหายไป ดังนั้น มาสด้า จึงหยิบยก ซูม-ซูม ขึ้นมาเป็นแนวคิด เพื่อดึงเอาความรู้สึกดีๆ แบบนี้ให้กลับมาอีกครั้ง โดยสื่อให้เห็นว่า ทุกครั้งที่อยู่หลังพวงมาลัยของรถยนต์มาสด้า คนขับจะสัมผัสได้ถึงความตื่นเต้น เร้าใจ อิสระ เสรี ในการควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง
จากความสำเร็จของแนวคิดนี้เอง ทำให้มาสด้าตั้งปณิธานว่า จะยึดแนวคิดนี้ต่อไปใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยเน้นให้ลูกค้าที่มองตราสินค้า (แบรนด์) มาสด้า แสดงให้เห็นความเป็นตัวตนของคนขับ เพราะมาสด้าเชื่อว่า เวลาลูกค้ามองหารถหนึ่งคัน คงไม่ได้มองเพียงรถที่พากลับบ้าน หรือไปทำงานเท่านั้น แต่มองหารถที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนด้วย ซึ่งวิเคราะห์ได้จากการสัมภาษณ์ลูกค้ารถยนต์มาสด้า3 หลายคน ที่พบว่า ลูกค้าจะเรียกแทนรถของตัวเองว่า "เขา" มากกว่า "มัน" แสดงให้เห็นว่ารถมีความหมายมากกว่ายานพาหนะ แต่เป็นเพื่อนผู้รู้ใจ ที่สามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของเจ้าของ
"การที่เรามีแผนการที่จะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รุ่นพิเศษ และกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เราเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายการขายของปีนี้ได้ที่ จำนวน 12,000 คัน โดยแบ่งรถสปอร์ตปิคอัพ บีที-50 จำนวน 6,400 คัน และรถยนต์นั่งอีกจำนวน 5,600 คัน ซึ่งนับว่ามียอดขายรวมเติบโตขึ้นประมาณ 7 % เทียบกับยอดขายในปี 2551 สำหรับยอดการจำหน่ายในตลาดรวมรถยนต์ในประเทศไทย ผมมีความเห็นว่า น่าจะอยู่ที่ประมาณ 500,000 - 520,000 คัน" สุรีย์ทิพย์ กล่าว
สิ่งที่มาสด้ากำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือ การวางแผนเพื่อรับมือ ไม่ว่าจะเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ใช้ช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้ามาชมรถในโชว์รูมน้อยลง เน้นการพัฒนาบุคลากร ใช้เวลาให้มีคุณค่าและให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในช่วงที่ผ่านมามาสด้าได้ส่งบุคลากรไปอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บริการลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด และผลที่ออกมาก็คุ้มค่า เพราะมาสด้าได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าอันดับ 2 ของค่ายรถยนต์ทั้งหมด จากที่ก่อนหน้านั้นเคยอยู่อันดับ 6 ซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ
นอกจากการดำเนินธุรกิจภายใต้ความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และการเมืองในช่วงที่ผ่านมา มาสด้ายังได้ลงทุนในโปรแกรมพัฒนาธุรกิจของผู้จำหน่ายอย่างมากมาย เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของมาสด้าในประเทศไทย และผลิตภัณฑ์ ซูม-ซูม เช่น มาสด้า2 ใหม่ และมาสด้า CX-9 ใหม่ และนี่คือโปรแกรมพัฒนาธุรกิจของผู้จำหน่ายบางส่วนที่ขอกล่าวถึงในที่นี้
*ปรับปรุงทัศนียภาพของโชว์รูม
*การพัฒนาบุคลากร
*ระบบติดตามลูกค้าคาดหวัง และระบบอื่นๆ รวมทั้ง
*การตลาด
ซึ่งได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ครอบคลุมถึงทุกส่วนงาน ทั้งการขาย และบริการหลังการขายของโชว์รูม เครือข่ายผู้จำหน่ายของมาสด้าเพิ่มขึ้น 20 % ตลอดระยะเวลา 3 ปีทีผ่านมา จนปัจจุบันมีผู้จำหน่ายทั้งสิ้น 104 แห่งและตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนเครือข่ายผู้จำหน่ายเป็น 130 แห่งในปีหน้า
อัพเดดล่าสุด 12/24/2009 3:04:09 PM โดย Chaotip Kleekhaew
หมายเหตุ เส้นแบ่งข่าว หมายถึง ข่าวถูกแบ่งเป็นหน้า ๆ
keyword :
Close
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|