|
“ลอฟท์”ปรับสูตรสินค้านำเข้า อัดงบเพิ่ม10%ดันอีเวนต์ถี่ปี53
ASTV ผู้จัดการรายวัน(21 ธันวาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
บีไอเอชซี เดินเกมรุกหนักปีหน้า เพิ่มงบตลาดร้านลอฟท์อีก 10% พร้อมลุยสาขาใหม่ที่พาราไดซ์พาร์คแน่ ปรับสัดส่วนสินค้าเจาะกลุ่มครอบครัวมากขึ้น ด้านรายได้สิ้นปีนี้คาดได้รวม 190 ล้านบาท เติบโต 12% เกินเป้าหมาย เหตุปรับสูตรสินค้าใหม่
นายชาญชัย เชิดชูวงศ์ธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีไอเอชซี เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านลอฟท์ ในเครือบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอร์รี่เซ็นเตอร์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในปี 2553 ว่า มีแผนที่จะปรับรูปแบบการนำเสนอสินค้าเข้ามาจำหน่ายในร้านใหม่ โดยจะแบ่งสัดส่วนเป็นสินค้าของซัปพลายเออร์ที่วางจำหน่าย เพิ่มเป็น 20% และสินค้าที่บริษัทฯจะนำเข้ามาจำหน่ายเองจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อเมริกา เกาหลี เป็นต้น เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 20-25% นอกนั้นก็เป็นสินค้าจากซัปพลายเออร์ของไทยและที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ
ขณะเดียวกันเตรียมงบประมาณไว้ 30 ล้านบาท เพื่อใช้ในการเปิดสาขาร้านลอฟท์ใหม่ พื้นที่ 1,600 ตารางเมตร ที่ศูนย์การค้า พาราไดซ์ พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์เดิม ซึ่งจะเป็นสาขาที่ 3 ของลอฟท์ในไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการตกแต่ง คาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ประมาณเดือนมีนาคม 2553 พร้อมกับการเปิดบริการของศูนย์การค้าฯ
อย่างไรก็ตาม นายชาญชัยกล่าวว่า การขยายสาขาใหม่นอกจากที่พาราไดซ์พาร์คแล้ว ยังไม่มีแผนเปิดเพิ่ม แต่ยอมรับว่า มีหลายศูนย์การค้าที่ติดต่อเพื่อให้บริษัทฯลงทุนเปิดร้านลอฟท์หลายแห่ง ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและศึกษา ยังไม่มีการสรุปแต่อย่างใด
ส่วนแผนการตลาดนั้น ปี 2553 จะมีกิจกรรมเชิงรุกมากขึ้น และจะเพิ่มงบตลาดอีกอย่างต่ำ 10% จากปี 2552 ที่ใช้ประมาณ 20 ล้านบาท เนื่องจากว่ามีสาขาเพิ่มขึ้นมาอีกแห่ง และรองรับกับกำลังซื้อในปีหน้าที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นกว่าปีนี้
สำหรับในส่วนของสาขาที่สาม พาราไดซ์ พาร์ค นั้น จะมีการปรับสินค้าที่จำหน่ายใหม่ให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายในบริเวณนั้นที่เป็นกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก และผู้บริโภคมีกำลังซื้อค่อนข้างสูง โดยจะเพิ่มสินค้าประเภทตกแต่งบ้านมากขึ้น รวมทั้งการนำเข้าสินค้าเครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาวางจำหน่ายมากขึ้นด้วย โดยวางเป้าหมายรายได้สาขานี้ไว้ที่ 25 ล้านบาทต่อเดือน
ส่วนผลการดำเนินงานปี 2552 นี้ นายชาญชัยกล่าวว่า บริษัทฯคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมประมาณ 190 ล้านบาท โดยเบ่งเป็นรายได้ที่มาจาก สาขาสยามดิสคัฟเวอร์รี่เซ็นเตอร์ 160 ล้านบาท และสาขาที่จตุรัสจามจุรีอีก 30 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่รายได้รวมอยู่ที่ 130 ล้านบาท โดยในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมนี้ ร้านลอฟท์มีรายได้รวมเติบโตประมาณ 12% แล้ว ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าเป้าหมายที่วางเอาไว้ โดยมีสมาชิกรวม 45,000 ราย และคาดว่าในปีหน้าจะมีรายได้รวมที่ 500 ล้านบาท
ทั้งนี้การเติบโตที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากการที่บริษัทฯได้ปรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นมา หลังจากที่ช่วงครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบอย่างมากจากปัญหาการเมืองและปัจจัยลบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่ยอดขายตกลงอย่างมากถึง 20%
โดยบริษัทฯได้ปรับเปลี่ยนการจัดเรียงสินค้าใหม่ และการนำเสนอสินค้าใหม่ๆเข้ามาจำหน่ายในร้านลอฟท์มากขึ้น จึงทำให้ยอดขายกลับมากระเตื้องขึ้น โดยที่สาขาจัตุรัสจามจุรีนั้น ได้ปรับสินค้าใหม่เนื่องจากว่า มีบริษัทที่เป็นธุรกิจเข้ามาตั้งสำนักงานจำนวนมาก และยิ่งมีกลุ่มบริษัทดีแทคเข้ามาอยู่ด้วย ส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายน่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ 70% มากกว่านักศึกษา 30% จึงได้เพิ่มสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่เป็นนักศึกษา 70% และพนักงานออฟฟิศ 30%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|