|
ซิงเกอร์ปรับเกมฟื้นกำไร
Positioning Magazine(17 ธันวาคม 2552)
กลับสู่หน้าหลัก
ซิงเกอร์ดันคนไทยขึ้นแท่นหัวเรือใหญ่ บอสใหม่บุญยง ลั่นจากนี้ต้องโตเฉลี่ย 10% เดินหากลยุทธ์ใหม่ ดึงพนักงานเกษียณร่วมขาย เป็นเครือข่าย เพิ่มหน่วยรถบริการ ช่างบริการ ชูแคมเปญผ่อนชำระรายวันกระตุ้นยอด มั่นใจปีนี้กำไรปีแรกรอบ 4 ปี หลังล้างตัวแดงเกลี้ยง คาดปีนี้รายได้ทะลุ 1,700 ล้านบาท
คณะกรรมการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) มีมติแต่งตั้งนายบุญยง ตันสกุล ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นคนไทยคนแรกที่ก้าวสู่ตำแหน่งนี้ในประวัติศาสตร์ 120 ปีของซิงเกอร์ไทย
นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นโยบายจากนี้ไป จะสร้างเครือข่ายการขายให้เข้มแข็งเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น นำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพและขยายตลาดที่มีอัตราการครอบครองตต่ำและที่มีอนาคต ปรัยกระยะเวลาและมูลค่ากราผ่อนชำระให้น้อย โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้เติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี โดยใช้งบตลาดปีหน้า 100 ล้านบาท
กลยุทธ์หลักเช่น การตั้งหน่วยขายที่เป็นพนักงานเกษียณหรือ EX-SINGER CHANNEL ซึ่งปัจจุบันมี 50 กว่าจุดหรือร้านค้า ซึ่งจะให้ขายสินค้าซิงเกอร์ด้วยในร้านของพนักงานที่เกษียณที่ตั้งขึ้นมาอยู่แล้ว และปีหน้าตั้งพิ่มเป็น 100 แห่ง ขณะที่ร้านซิงเกอร์เองนั้น มี 180 แห่งยังไม่มีแผนเปิดเพิ่ม แต่จะปรับปรุงร้านให้ดีขึ้น ส่วนร้านสมาร์ทซีเล็คยังมี 1 แห่งไม่เปิดเพิ่มเช่นกัน เพราะสินค้ามือสองเริ่มน้อยลงแล้วเหลืออัตราการเก็บคืนไม่ถึง 10% จากเดิมมีอัตรการเก็บคืน 30% จึงสร้างร้านสมาร์ทซีเล็คเป็นช่องทางระบายสินค้า
ขณะที่จะลงทุนทางด้านบริการด้วยการเพิ่มหน่วยรถอีก 20 คัน จากปัจจุบันมี 10 คัน รวมทั้งเพิ่มพนักงานบริการอีก 100 คน เพื่อบริการลูกค้าดียิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้มีพนักงานขายประจำ 4,000 คน
นอกจากนั้นบริษัทฯยังได้เข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยต้องผ่าน 3 ขั้นตอน จากเดิม พนักงานคนเดียวทำทั้งหมด ทั้งขาย อนุมัติสินเชื่อ เก็บเงิน บริการลูกคา ทำให้ระบบใหม่นี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ด้านกลยุทธ์ตลาด จะขยายตลาดสินค้าที่ตลาดรวมยังมีอัตราการครอบครองน้อยอยู่รวมทั้งสินค้าที่บริษัทฯยังมียอดขายน้อยอยู่เช่นกันคือ เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น จานดาวเทียมที่เพิ่งเริ่มต้น ตู้แช่ต่างๆ เครื่องสูบน้ำ
ซิงเกอร์ได้ทำการปรับลดอัตราการผ่อนชำระต่อเดือนลงมาจากเดิม โดยเครื่องซักผ้า และตู้เย็นผ่อนเพียง 500 ต่อเดือน ลดลงจาก 700 – 1,000 บาท ต่อเดือน ส่วนเครื่องปรับอากาศสามารถผ่อน 900 บาท ต่อเดือน โดยระยะเวลาผ่อนชำระก็ได้รับการปรับให้นานขึ้นจาก 12-18 เดือน เป็น 24-36 เดือน
ทั้งนี้จะใช้การผ่อนชำระเป็นรายวันเข้ามากระตุ้นตลาดในแง่ของความรู้สึก แต่ในระบบยังคงจ่ายผ่อนเป็นรายเดือน ล่าสุด คือ แคมเปญการผ่อนแอร์ รายวัน 30 บาท ผ่อนทีวีจอแบนรายวัน 17 บาท ผ่อนเครื่องซักผ้ารายวัน 22 บาท ผ่อนตู้แช่เครื่องดื่มรายวัน 30 บาท เป็นต้น ซึ่งได้ผลดี โดยเฉพาะ แอร์ ซึ่งเดิมช่วงหน้าร้อนซิงเกอร์ขายได้เฉลี่ย 300 เครื่องต่อเดือน ส่วนหน้าหนาวหรือสิ้นปีแทบจะไม่ได้ขายเลย เมื่อเริ่มกลยุทธ์นี้ปรากฎว่า มียอดขายแอร์ 1,000 เครื่องต่อเดือน มากกว่าช่วงหน้าร้อนอีก
สำหรับสัดส่วนสินค้าที่ทำรายได้หลักให้กับบริษัทฯคือ เครื่องซักผ้า สัดส่วนรายได้ 30% รองลงมาคือ กลุ่มเครื่องเย็น สัดส่วน 20% ขณะที่สินค้าดาวรุ่งคือ เครื่องปรับอากาศ ส่วนจักรเย็บผ้าสินค้าดั้งเดิมมีสัดส่วนยอดขายเหลือเพียง 5% เท่านั้น ขณะที่ตลาดหลักของซิงเกอร์มาจาก ต่างจังหวัด สัดส่วน 95% และกรุงเทพฯ 5% โดยที่สัดส่วนการขายมาจาก การขายเงินผ่อน 95% และการขายเงินสด 5% โดยมีเป้าหมายในการเก็บหนี้ในปีหน้าให้สูงถึง 85% จากปีที่แล้วที่อยู่ในอัตรา 79%
“ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เราได้แก้ไขปัญหามาตลอด การปรับระบบต่างๆทั้งการขาย การเก็บเงิน การทำสินค้า ดึงคนเก่าที่ออกไปกลับมาร่วมงานบริหารงานอีกครั้ง ตอนนี้เราพร้อมแล้ว และปีนี้จะเป็นปีแรกที่เรามีกำไรในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา เพราะ 9 เดือนแรกปีนี้ มีรายได้แล้ว 1,500 ล้านบาท กำไรประมาณ 35 ล้านบาทแล้ว และคาดว่าสิ้นปีนี้จะถึง 1,700 ล้านบาท ” นายบุญยงกล่าว
ทั้งนี้ปี 2549 – 2552 บริษัทฯขาดทุนมาตลอดจากการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ โดยขาดทุนทั้งสิ้น 1.23 พันล้านบาทปี 2549 และเหลืออ 500 ล้านบาทในปี 2550 และขาดทุน 81.6 ล้านบาทในปี 2551 ที่ผ่านมาได้ปรับเปลี่ยนหันมาเน้นเช่าซื้อเครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องช้ำไฟฟ้า เหมือนที่ซิงเกอร์เคยทำมา และเป็นจุดแข็งด้วยและทยอยยกเลิกการเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ไปในที่สุด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|