"ผู้จัดการ" ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับท่านผู้หญิงชนัตถ์
ปิยะอุย ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ กลุ่มดุสิตธานี ที่ต้องต่อสู้เพื่อนำพากลุ่ม
โรงแรมดุสิตธานี ให้ก้าวผ่านพ้นวิกฤติเศรษฐกิจที่โหมรุมเร้า ทั้งๆ ที่มีวัยถึง
76 ปี
"วันนี้ เธอยังไม่รีไทร์" เป็นคำพูดทิ้งท้ายเรื่องราวที่นำเสนอในคราวก่อน
("ผู้จัดการ" ฉบับที่ 197 กุมภาพันธ์ 2543)
วันนี้ เวลาผ่านมาแล้ว 1 ปีเต็ม ด้วยวัย 77 ปีของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ได้มีความเคลื่อนไหวที่บ่งบอกสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในกลุ่มโรงแรมดุสิตธานี
ในอีกไม่นานนี้
ความเคลื่อนไหวที่ว่า เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายปี 2543 โดย ท่านผู้หญิงชนัตถ์ได้โอนหุ้นที่ถืออยู่ในนามของตัวเอง
ให้กับลูกชายและลูกสาว 3 คน ได้แก่ ชนินทร์ โทณวณิก, สุนงค์ สาลี รัฐวิภาค
และสินี เธียรประสิทธิ์ คนละ 5,980,000 หุ้นเท่ากัน
กระบวนการโอนหุ้นดังกล่าว เริ่มจากเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม โดยท่านผู้หญิงชนัตถ์ได้รับโอนหุ้นจำนวนทั้งสิ้น
3,434,714 หุ้น จากบริษัทซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้ง คัมปะนี และบริษัทในเครือ
4 แห่ง ประกอบด้วย 1. บริษัทชนินทร์ 2,202,390 หุ้น 2. บริษัทปิยะจันทน์
750,000 หุ้น 3. บริษัทสายพุฒา 76,134 หุ้น 4. บริษัทปริ๊นเซส พร็อพเพอร์ตี้
406,190 หุ้น
การโอนหุ้นของทั้ง 4 บริษัท มีเพียงบริษัทปิยะจันทน์ บริษัทเดียว ที่ได้แจ้งเหตุผลว่าเป็นการโอนเพื่อชำระหนี้
โดยผู้แจ้งคือ สินี เธียรประสิทธิ์ บุตรสาวคนเล็กของท่านผู้หญิงชนัตถ์
ก่อนการรับโอนหุ้นครั้งนี้ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ มีหุ้นดุสิต ธานีอยู่ในมือจำนวน
16,892,847 หุ้น หรือเท่ากับ 19.87% ของ ทุนจดทะเบียน 850 ล้านบาท และหุ้นจำนวนดังกล่าว
ได้เพิ่มขึ้น 2,716,267 หุ้น จากเมื่อวันวันที่ 7 เมษายน ซึ่งเป็นวันประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี
2543 ซึ่งท่านผู้หญิงชนัตถ์ มีหุ้นอยู่เพียง 14,176,580 หุ้น
การรับโอนหุ้นในครั้งนี้ ทำให้หุ้นในมือของท่านผู้หญิงชนัตถ์ เพิ่มขึ้นเป็น
20,327,564 หุ้น คิดเป็น 23.91% ของทุนจดทะเบียน
วันที่ 29 ธันวาคม ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ได้โอนหุ้นจำนวน 15,237,310 หุ้น
ซึ่งคิดเป็น 17.93% ของทุนจดทะเบียน ให้กับ ลูกชายและลูกสาวทั้ง 3 คน
โดยชนินทร์ลูกชายคนโต และสินีลูกสาวคนเล็ก ได้รับโอนคนละ 5,980,000 หุ้น
ส่วนสุนงค์ ลูกสาวคนรองได้รับโอนครั้งแรกก่อนเพียง 3,277,310 หุ้น และได้รับโอนเพิ่มอีก
2,702,690 หุ้นเมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา
ก่อนการรับโอนหุ้น ลูกชายและลูกสาวทั้ง 3 ของท่านผู้หญิงชนัตถ์ ถือหุ้นในนามส่วนตัวอยู่ในดุสิตธานี
จำนวนไม่มากนัก โดยสุนงค์ถืออยู่ 46,406 หุ้น ชนินทร์ 15,000 หุ้นและ สินี
11,909 หุ้น
การโอนหุ้นในครั้งนี้ ทำให้สุนงค์มีหุ้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 6,026,406 คิดเป็นสัดส่วน
7.09% ชนินทร์ 5,995,000 หุ้น เท่ากับ 7.05% และสินี 5,991,909 เท่ากับ 7.05%
ของทุนจดทะเบียน และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ติดอันดับ 3, 4 และ 5
ส่วนท่านผู้หญิงชนัตถ์ ซึ่งเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 จะมีหุ้นเหลืออยู่ในมือเพียง
2,387,564 หุ้น หรือเท่ากับ 2.81% และติดอยู่ในอันดับ 10 ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่
(รายละเอียดโครงสร้างผู้ถือหุ้น ดูจากตาราง)
ว่ากันว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างท่าน ผู้หญิงกับลูกๆ
โดยเฉพาะชนินทร์ ลูกชายคนโตไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะหลังจากประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจในปี
2540
การโอนหุ้น เพื่อผ่องถ่ายสิทธิ์ความเป็นเจ้าของดุสิตธานี ให้กับลูกๆ ในครั้งนี้
จะมีผลเปลี่ยนแปลงการบริหารในกลุ่มโรงแรมเก่าแก่ของไทยรายนี้หรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตาม