เดอะมอลล์ ขยายฐานหนุ่มลักชูรี


ผู้จัดการรายสัปดาห์(9 ธันวาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

เดอะมอลล์ เร่งเครื่องขยายตลาดหนุ่มลักชูรี จัดงาน The Mall Bangkok World Watch พร้อมแคมเปญแจกแต้ม M Point 800 แต้มเมื่อแนะนำลูกค้าใหม่ เจาะไลฟ์สเตจผู้บริโภคชายยุคใหม่ สร้างโอกาสขายมากขึ้น

เดอะมอลล์ อัดงบ 15 ล้านบาท จัดกิจกรรม The Mall Bangkok World Watch ครั้งที่ 9 ผนึกแบรนด์นาฬิกากว่า 130 แบรนด์ โดยเป็นสัดส่วนนาฬิกาชายกว่า 65% ผู้หญิง 35% เนื่องจากนาฬิกาเป็นมากกว่าเครื่องบอกเวลา ที่สำคัญผู้ชายไม่มีเครื่องประดับมากเท่ากับผู้หญิง ดังนั้น นาฬิกาจึงเป็นเสมือนเครื่องประดับและเป็นเครื่องบอกสถานะของผู้สวมใส่ โดยนาฬิกาพรีเมียมสามารถแบ่งเป็นเซกเมนต์ตามการใช้งานได้ 3 กลุ่มคือ นาฬิกาเครื่องประดับ นาฬิกาเครื่องกล และนาฬิกาสปอร์ต ทั้งนี้ เดอะมอลล์ตั้งเป้าว่าจะสามารถปิดยอดขายในงานได้ 200 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีผู้บริโภคร่วมงานกว่า 100,000 ราย

พฤติกรรมผู้บริโภคชายในอดีตจะแต่งตัวกันน้อย ชอปปิ้งไม่ถี่ แต่ปัจจุบันพฤติกรรมได้เปลี่ยนไป ผู้ชายแต่งตัวมากขึ้น รองเท้ามีมากกว่า 1 คู่ เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละงาน ดังนั้น เดอะมอลล์จึงพยายามตอบสนองตลาดผู้ชายมากขึ้น นาฬิกาเป็นอีกหนึ่งสินค้าพิเศษที่มีหลากหลายบุคลิก ผู้ชายหลายคนมีนาฬิกามากกว่า 1 เรือน ไปตีกอล์ฟก็ใส่นาฬิกาสปอร์ต ไปดินเนอร์ก็ใส่นาฬิกาคลาสสิก เพื่อให้ตัวเองดูดี นอกจากนี้ยังซื้อให้เป็นของขวัญในโอกาสพิเศษต่างๆ

'แม้ผู้ชายจะมีโทรศัพท์มือถือบอกเวลา แต่ก็ยังใส่นาฬิกาเพื่อสะท้อนบุคลิก สถานภาพ นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาสปอร์ตสำหรับใส่เล่นกีฬา ซึ่งไลฟ์สไตล์ของผู้ชายแต่ละวัยก็จะมีการใช้นาฬิกาแต่ละแบบ เช่นวัยนักศึกษาอาจเป็นนาฬิกาธรรมดา พอโตขึ้นมีงานทำเริ่มเล่น Toy Watch มีราคาแตะหลักหมื่นบาท พอมีหน้าที่การงานที่ดีก็ต้องการนาฬิกาที่บ่งบอกสถานภาพของตัวเองที่สูงขึ้น' เชิงชาย ภูววีรานนท์ ผู้จัดการใหญ่สายบริหารสินค้า เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าว

เดอะมอลล์ใช้งบสำหรับทำการตลาดนาฬิกาทั้งปีกว่า 70 ล้านบาท โดยมีการจัดงานนาฬิกา 3 งานคือ Siam Paragon World Watch & Jewelry งาน The Mall Korat Watch Fair และล่าสุด The Mall Bangkok World Watch ซึ่งมีการลดราคาสูงถึง 50% พร้อมให้ลูกค้าลุ้นรางวัลกว่า 7 ล้านบาทในรายการ 2010 Brilliant Thanks พร้อมแต้มสะสม 800 แต้มเมื่อชวนเพื่อนมาชอปปิ้งในงาน ช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ

กลยุทธ์ในการทำการตลาดสินค้าพิเศษอย่างนาฬิกา เรามีการผสมผสานทั้งการใช้ Seasonal & Promotional Marketing คือการจัดงานให้สอดคล้องกับฤดูกาลขาย โดยโฟกัสสินค้าที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์และเทรนด์แฟชั่น โดยมีโปรโมชั่นที่จูงใจ การทำ Emotional & Lifestyle Marketing การจัดบรรยากาศและคัดสรรสินค้าที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ สุดท้ายเป็น Event Marketing เพื่อดึงดูดกำลังซื้อและเพิ่มยอดขาย

ไลฟ์สเตจของผู้บริโภคชายแต่ละกลุ่มต่างมีพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน เริ่มตั้งแต่เด็กอายุประมาณ 7-12 ปี มีกำลังซื้อไม่สูง ทว่ามีอำนาจชักจูงให้พ่อแม่จ่ายให้ ส่วนวัย 14-20 ปี เป็นช่วงที่มีพฤติกรรมชอบความเป็นกลุ่มก้อน มีสังคมเฉพาะกลุ่ม แสวงหาสิ่งแปลกใหม่ ไม่มีลอยัลตี้ที่ชัดเจน ไวต่อเทคโนโลยี

กลุ่มอายุ 20-25 ปี เป็นวัยนักศึกษาหรือวัยเริ่มต้นทำงาน ยังติดความเป็นกลุ่มก้อนของเพื่อนๆ มองหาไอดอลเพื่อเป็นแบบอย่างในการเดินตาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน เรื่องบันเทิง ดนตรี กีฬา มีการใช้จ่ายเงิน เพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของตัวเอง จึงไม่สนใจสิ่งที่เป็นแมส

วัย 25-35 ปี ลดความเป็นกลุ่มก้อนของเพื่อนฝูง จับจ่ายไม่เน้นของแพง แต่ต้องเสริมบุคลิกของตัวเอง สำหรับวัย 30 ปลายๆ ไปถึงวัย 40 กว่าปี เป็นวัยที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่สนใจสังคม แต่ยังคงมีการจับจ่าย ส่วนวัย 40 กว่าถึง 50 ปีขึ้นไป เดิมทีเป็นวัยที่ไม่ค่อยเข้าสังคม ทว่าปัจจุบันกลับกลายเป็นกลุ่มที่มีสังคมสูง เนื่องจากเป็นวัยใกล้เกษียณ บ้างก็เกษียณแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง จึงมีชีวิตส่วนตัว ดูแลตัวเอง ใส่ใจตัวเอง ใส่ใจสุขภาพ ซึ่งการเข้าสังคมมีส่วนเสริมในสิ่งเหล่านี้ ที่สำคัญเป็นกลุ่มที่น่าจับตาในอนาคต

'เศรษฐกิจไม่ดี ยิ่งทำให้เห็นเซกเมนต์ของการจับจ่ายชัดเจนขึ้น สินค้าลักชูรี แบรนด์เนม เสื้อผ้าอินเตอร์ นาฬิกาพรีเมียม ขายได้มากขึ้น ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวเริ่มมา 3-5 ปีแล้ว แต่จากนี้ไปเราจะเห็นเทรนด์ดังกล่าวชัดเจนมากขึ้น'เชิงชาย กล่าว

กลุ่มหลักของตลาดลักชูรีคือวัย 30 ปีขึ้นไป ซึ่งธุรกิจห้างสรรพสินค้าจำเป็นต้องหมุนตามให้ทัน เพื่อไม่ให้ตัวเองดูแก่ ดังนั้น เดอะมอลล์จึงพยายามใช้กิจกรรมการตลาดเพื่อดึงให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วม โดยที่ผ่านมามีกิจกรรมที่เจาะตลาดหนุ่มลักชูรีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Men in Trend Charity, Man of the year, Golf Trial Day รวมถึงการจัดงาน The Mall Bangkok World Watch

ทั้งนี้ แผนกสินค้าชายแบ่งออกเป็น 7 กลุ่มสินค้า ประกอบด้วย เครื่องแต่งกายชาย ชุดและอุปกรณ์กีฬา สินค้ากอล์ฟ สินค้าพิเศษ เช่น นาฬิกา เครื่องหนังชาย สินค้าเด็ก และของเล่น ซึ่งแผนกเสื้อผ้าชายมีสินค้าไฮเอนด์มากกว่า 30-35%

ปัจจุบันผู้ผลิตพยายามพัฒนาสินค้ารุ่นใหม่ๆ ที่ดีขึ้นเพื่อผลักดันผู้บริโภคให้ยกระดับไลฟ์สไตล์ของตัวเองให้สูงขึ้น เพราะปัญหาเศรษฐกิจรอบล่าสุดได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากำลังซื้อในตลาดบนไม่ได้ตกตามภาพรวมของเศรษฐกิจ

'ไลฟ์สไตล์มาร์เกตติ้ง เดิมอาจจะพูดกันด้วยเรื่องของอายุ แต่เราไม่ได้ทำแค่นั้น เพราะผู้บริโภคแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันและมีหลากหลายไลฟ์สไตล์ ดังนั้น หากเราเข้าใจไลฟ์สเตจของผู้บริโภคว่ามีความต้องการอะไรบ้างตั้งแต่ตื่นนอน ไปที่ไหน ทำอะไร วันธรรมดาเป็นอย่างไร วันเสาร์อาทิตย์มีพฤติกรรมอย่างไร ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสการขายได้มากขึ้น' เชิงชาย กล่าว



อัพเดดล่าสุด 12/4/2009 12:57:13 PM โดย Chaotip Kleekhaew

หมายเหตุ เส้นแบ่งข่าว หมายถึง ข่าวถูกแบ่งเป็นหน้า ๆ
keyword :

Close


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.