อาร์เอสปรับแผนธุรกิจภาพยนตร์ สร้างโมเดลใหม่รับกระแสแข่งดุ


ASTV ผู้จัดการรายวัน(10 ธันวาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

อาร์เอสเตรียมรีแบรนด์ ยูนิตธุรกิจกลุ่มภาพยนตร์ใหม่รับศึกปีหน้า พร้อมปรับโมเดลธุรกิจรองรับกระแส วางตัวเป็นนายทุน เปิดกว้างต้อนรับบทหนังดีๆจากทุกค่าย เชื่อสร้างความหลากหลาย เผยแผนปีหน้าพร้อมอัดงบกว่า 150-160 ล้านบาท สร้างหนังตีตลาด 5 เรื่อง หลังพบปีหน้าโอกาสหนังไทย เหตุหนังเทศทำเงินมีน้อย

นายคมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานภาพยนตร์ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีหน้าในส่วนของธุรกิจสายงานภาพยนตร์ จากเดิมที่เคยใช้ชื่อค่ายอาวอง จะมีการรีแบรนด์ชื่อหน่วยธุรกิจกลุ่มภาพยนตร์นี้ใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องและเข้าใจง่ายต่อการดำเนินธุรกิจของทางอาร์เอสมากยิ่งขึ้น
รวมไปถึงให้ตรงกับแนวทางโมเดลการดำเนินธุรกิจสายงานภาพยนตร์ที่วางไว้รองรับปีหน้าด้วย

โดยตามแผนการดำเนินงานที่ได้วางไว้สำหรับธุรกิจสายงานภาพยนตร์นั้น เบื้องต้นจากการที่อาร์เอสได้วางตัวเป็นสตูดิโอเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ และเปิดโอกาสรับพิจารณาบทภาพยนตร์ดีๆ จากทุกรายทุกค่ายที่ต้องการทำภาพยนตร์แต่ไม่มีทุน ทั้งนี้เพื่อสร้างความหลากหลาย ให้กับอาร์เอสเอง ในแง่ที่จะเพิ่มโอกาสให้ได้ลองทำภาพยนตร์ประเภทต่างๆจากเดิมที่ถนัดที่จะทำแต่ภาพยนตร์ตลก คอมมาดี้ อย่างที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามหลังจากประกาศแนวทางเบื้องต้นของสายงานภาพยนตร์ออกไปแล้วนั้น ล่าสุดพบว่ามีผู้ที่สนใจเข้ามาเสนอบทภาพยนตร์ดีๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 20-30 ราย ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่จะทำให้อาร์เอสจะได้มีคอนเท้นท์ภาพยนตร์ดีๆที่จะนำเสนอต่อไปในอนาคต แต่ทั้งนี้บริษัทก็ต้องเลือกและคัดสรรบทภาพยนตร์ที่น่าสนใจ และมีความเป็นไปได้ที่จะทำเงินให้กับอาร์เอสด้วย

ดังนั้นในปีหน้าบริษัทได้คัดเลือกบทภาพยนตร์ที่จะผลิตแล้ว 5 เรื่อง ประกอบด้วย ตลก 2 เรื่อง, ผี 1 เรื่อง และ โรแมนติก คอมมาดี้ 2 เรื่อง ภายใต้งบลงทุนประมาณ 150-160 ล้านบาท เฉลี่ยเรื่องละ 20-25 ล้านบาท ซึ่งแผนในปีหน้าจะมุ่งหาสปอนเซอร์เข้าร่วมสนับสนุนการผลิตภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง ส่วนภาพยนตร์ที่จะนำเสนอในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จหรือไม่ถือเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยาก

อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภาพรวมรายได้จากสายงานภาพยนตร์ปีหน้า จะมีรายได้ที่ 250 ล้านบาทขณะที่ในปีนี้อาร์เอสมีภาพยนตร์เข้าโรงฉายเพียง 3 เรื่อง คือ โหดหน้าเหี่ยว ทำรายได้ ไป 50 ล้านบาท ถือว่าตามเป้า, แฟนเก่า ทำรายได้ไปประมาณ 50 ล้านบาทเช่นกัน ถือว่าตามเป้า และม.3ปี4 ทำรายได้เพียง 23 ล้านบาท ถือว่าขาดทุน เพราะโดยเฉลี่ยการลงทุนผลิตภาพยนตร์ของอาร์เอส ถ้าทำรายได้ที่ 30-40 ล้านบาทขึ้นไป จึงจะถือว่าคุ้นทุน เช่นเดียวกับโมเดลผลิตภาพยนตร์ไทยในปัจจุบัน

นายคมสันต์ กล่าวต่อว่า ปีหน้าแนวโน้วอุตสาหกรรมภาพยนตร์โดยรวม เชื่อว่าจะเป็นโอกาสของภาพยนตร์ไทย ที่จะเข้ามาทำเงินกันอีกมาก เพราะปีหน้าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ทำเงินจากต่างประเทศค่อนข้างมีน้อย ดังนั้นจึงเชื่อว่าผู้สร้างภาพยนตร์ไทยจะแห่กันลงทุนผลิตภาพยนตร์เข้ามาแข่งขันกันมากเป็นพิเศษ



อัพเดดล่าสุด 12/10/2009 4:26:56 PM โดย Ratchanee Sriwattanachai

หมายเหตุ เส้นแบ่งข่าว หมายถึง ข่าวถูกแบ่งเป็นหน้า ๆ
keyword :อาร์เอส,ภาพยนตร์

Close


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.