"พิสิฐ ลี้อาธรรม" บอกลาทีทีแอนด์ที หลังครบสัญญาการทำงานเมื่อวันที่ 30 กันยายน
2546 หลังโชว์ศักยภาพ และพิสูจน์ฝีมือในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมให้เห็น ด้วยการเสกทีทีแอนด์ทีจากอาการร่อแร่ให้ฟื้นคืนมามีกำไรได้
"บรรยากาศโดยทั่วไปขาดความเชื่อมั่นในอนาคตของทีทีแอนด์ที ความท้าทายของการมาทำงานที่นี่ของผมก็คือการปรับเปลี่ยนองค์กรให้เป็นธุรกิจที่มีอนาคตภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ
ผมโชคดีที่ได้รับความร่วมมือและสนับสนุนจากพนักงานและผู้บริหารในช่วงเวลาสองปีครึ่ง
จัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ และยังวางรากฐานเพื่อให้ทีทีแอนด์ทีเป็นองค์กรที่มีทิศทางและมีอนาคตที่ดีขึ้น"
ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเทเลโฟนแอนด์เทเลคอมมิวนิเคชั่น
(ทีทีแอนด์ที) ผู้รับสิทธิ์ในการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน 1.5 ล้านเลขหมาย ในเขตภูมิภาคกล่าว
หลังบอกลาจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เมื่อวันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา เนื่องจากครบสัญญาการ
ทำงานกับทีทีแอนด์ที
ดร.พิสิฐเริ่มเข้ามาทำงานหลังจากพ้นตำแหน่งจากรัฐบาลชวน 2 ที่ครบวาระเมื่อต้นปี
2544 ในตำแหน่งรมช.กระทรวงการคลัง และแสดงความประสงค์ไม่ทำงานในตำแหน่งงานด้านการเมือง
ทีทีแอนด์ทีจึงได้มีการส่งตัวแทนไปทาบทามให้ไปร่วมทำงาน เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่
ซึ่งในระยะนั้นทีทีแอนด์ทียังอยู่ในศาลฟื้นฟูและฐานะการเงินที่ปรากฏในงบดุลก็น่าเป็นห่วงมาก
การทำงานกับเจ้าหนี้และที่ปรึกษากฎหมายเจ้าหนี้ก็ไม่ราบรื่น บริษัทมีปัญหากับหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง
เช่น สรรพากร พนักงานมีบรรยากาศการทำงานที่หดหู่ มีการลาออกของวิศวกรและผู้บริหารเป็นจำนวนมาก
เช่น ผู้อำนวยการด้านวิศวกรรม ผู้อำนวยการบุคคล ผู้อำนวยการตรวจสอบภายใน ขณะที่ผู้บริหารด้านการตลาดก็ขาดประสบการณ์และแนวทางการทำงานที่เหมาะสม
ทีมงานผู้บริหารระดับสูงจึงอยู่ในภาวะที่อ่อนแอ การแข่งขันจากโทรศัพท์มือถือก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยอาศัยความได้เปรียบทางเทคโนโลยีและมาตรการราคาที่ต่ำกว่า
กิจการโทรศัพท์พื้นฐานทั่วโลกอยู่ในช่วงขาลง
เมื่อดร.พิสิฐเข้ามาได้วางรากฐานเพื่อให้ทีทีแอนด์ทีเป็นองค์กรที่มีทิศทางและมีอนาคตที่ดีขึ้น
ซึ่งได้มีการปรับปรุงที่มีความก้าวหน้า โดยแยกเป็น 9 ด้าน คือ
1.การปรับปรุงโครงสร้างองค์กรและการควบคุมค่าใช้จ่าย ซึ่งดร.พิสิฐได้ให้ความสำคัญแก่การปรับโครงสร้างองค์กรให้เข้มแข็งและเอื้อต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
รวมไปถึงการยุบรวมหน่วยงานหรือองค์กรเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น มีการสรรหาคณะผู้บริหาร
ระดับสูงใหม่เกือบทั้งชุด ยกเว้นด้านการเงินและการวางแผน โดยใช้การคัดสรรอย่างรอบคอบจากบุคลากรภายในแทนการว่าจ้างจากภายนอก
2.การเพิ่มรายได้และกลยุทธ์การตลาด ได้มีการนำความคิดใหม่ๆ มาวางกลยุทธ์ในการทำงานให้ทีทีแอนด์ทีมีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้นในอนาคต และเป็นแนวทางที่ชัดเจนในการทำธุรกิจ โดยผันตัวเองจากการเป็น single
service provider ไปเป็น multi service provider สัดส่วนของรายได้บริการโทรคมนาคมจากแหล่งที่ไม่ใช่โทรศัพท์พื้นฐานได้
เพิ่มจาก 1.7%ใน ปี 2543 เป็น 40% ในกลางปี 2546
3.ฐานะการเงินและตลาดหลักทรัพย์ แผนการฟื้นฟูกิจการของทีทีแอนด์ทีได้ผ่านความเห็นชอบจากศาลฟื้นฟูเมื่อปลายปี
2544 ฐานะการเงินของทีทีแอนด์ทีได้ฟื้นตัวขึ้นโดยสามารถกลับมาทำกำไรได้กว่า 600
ล้านบาท เมื่อปี 2545 เทียบกับตัวเลขในแผนฟื้นฟูที่กำหนดให้มีการขาดทุน 800 ล้านบาท
4.คุณภาพข่ายสายและบริการใหม่ๆ การปรับปรุงคุณภาพข่ายสายและอุปกรณ์ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเป็นส่วนสำคัญในการปรับทิศทางการการให้บริการตามความต้องการของลูกค้า
5.การพัฒนาพนักงานและเพิ่มพูนความสามารถ เพราะพนักงานที่มีความสามารถเป็นทรัพยากร
ที่สำคัญที่สุดขององค์กร ซึ่งทีทีแอนด์ทีได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง
6.การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและนโยบายแห่งรัฐ และการเตรียมพร้อมของทีทีแอนด์ที
ในช่วงเวลานี้ระบบกฎหมายและนโยบายด้านโทรคมนาคมได้มีการปรับเปลี่ยนอย่างสำคัญ
มีการผ่านร่างและประกาศใช้ พ.ร.บ.โทรคมนาคม มีการแปรรูปองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยและการสื่อสารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งการจัดตั้งกระทรวงไอซีที จึงต้องมีการเตรียมพร้อมเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
เพื่อร่วมมือกับภาครัฐในการสร้างความแข็งแกร่งของบริการโทรคมนาคม เพื่อรักษาสิทธิและผลประโยชน์ของทีทีแอนด์ที
7.การสร้างระบบธรรมาภิบาล และผู้มีส่วนได้เสียกับองค์กรโดยดร.พิสิฐพยายามสร้างเสริมทีทีแอนด์ทีให้มีธรรมาภิบาลในการทำงานเพราะทีทีแอนด์ทีมีผู้มีส่วนได้เสียที่หลากหลาย
โดยเฉพาะการดูแลผลประโยขน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย
9.การทำประโยชน์ให้แก่สังคมและการรักษาภาพลักษณ์ขององค์กร ดร.พิสิฐได้พยายามปลูก
จิตสำนึกให้พนักงานทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพราะงานของทีทีแอนด์ทีเป็นงานบริการพื้นฐาน
สาธารณะ ที่ช่วยสร้างความสะดวก ความก้าวหน้าในการทำงานของผู้ใช้ จึงต้องรักษาคุณภาพของบริการ
เป็นเป้าหมายสูงสุดในการใช้งานของลูกค้า
จากการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในช่วง 2 ปีเศษที่ดร.พิสิฐ เข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ทีทีแอนด์ทีได้กลายเป็นกิจการที่มีบริการหลากหลายพร้อมกับมีกำไรและมีรายได้สุทธิที่สูงก่อนหักค่าเสื่อมภาษีและหนี้ ด้วยเหตุนี้ทีทีแอนด์ทีจึงได้รับความยอมรับในสังคมและในตลาดหลักทรัพย์ ลูกค้าและประชาชนในจังหวัดต่างๆที่จำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะที่รู้จักทีทีแอนด์ทีมานาน