บ้านสไตล์แหวกตลาดแต่เท่ระเบิด


นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( ธันวาคม 2552)



กลับสู่หน้าหลัก

ตอนที่สองสามีภรรยา Tom Twopeny และ So Laidlaw ตัดสินใจซื้อบ้านสองชั้นหลังนี้ซึ่งตั้งอยู่ บริเวณชานเมืองชั้นในของ Adelaide ประเทศออสเตรเลียนั้นจะพูดว่าเป็นความเขลาก็ไม่ผิดนัก แต่อีกสองปีถัดมากลับได้ข้อสรุปใหม่ว่าตัดสินใจถูกแล้วสำหรับการซื้อครั้งนั้น เพราะทำให้พวกเขามีเรื่องต้องคิดต้องสร้างสรรค์และบูรณะบ้านหลังนี้ใหม่จนกลายเป็นบ้านที่โชว์การตกแต่งภายในได้โดนใจทั้งๆ ที่เป็นสไตล์แหวกแนวไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของสังคมด้วยซ้ำ

Tom ให้ความเห็นด้วยสายตาของมัณฑนากรและนักออกแบบอุตสาหกรรมโดยอาชีพว่า "สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเราก็คือสัดส่วนของห้องต่างๆ คือไม่จำเป็นต้องบูรณะครั้งใหญ่ เพียงแต่เน้นงานตกแต่งมากขึ้นเท่านั้นเอง ที่สำคัญ เรายังมีเครื่องเรือนดั้งเดิมที่ได้มาพร้อมกับการซื้อบ้านอยู่แล้วมากชิ้นด้วยกัน"

แถมเมื่อบ้านข้างๆ ติดป้ายขายบ้าน พวกเขายังรีบซื้อ เอาไว้ทันทีเพื่อรองรับครอบครัวใหญ่ที่มีอยู่ด้วยกัน 5 ชีวิตคือ พวกเขา สองสามีภรรยาและลูกชายวัยหนุ่มฉกรรจ์อีก 3 คน จากนั้นก็ทำประตูเชื่อมบ้านสองหลังไว้ด้วยกัน

บ้านหลังนี้งามสง่าอย่างน่าพิศวงและโดดเด่นเป็นพิเศษบนถนนสายนี้ เพราะด้านหน้าเป็นสไตล์ stucco เก่าแก่ ส่วนประตู เป็นแบบฝรั่งเศสที่มีเสน่ห์แบบโบราณ ระเบียงไม้ชั้นบนนั้นตกแต่งด้วยลวดลายสวยงาม มีเพียงหน้าต่างทั่วทั้งบ้านเท่านั้นที่เริ่มไม่มั่นคงตามอายุขัยโดยเฉพาะยามต้องแรงลมจน Tom กับ So ต้อง ตั้งฉายาล้อเลียนว่าเป็น "คฤหาสน์ที่กำลังจะพังทลาย" ทำให้ Tom ต้องซ่อมหน้าต่างทั้งหมดเสียใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เมื่อแรกสร้างในปี 1850 บ้านหลังนี้มีสภาพเป็นบ้านชั้นเดียวเท่านั้น ต่อมาในปลายทศวรรษ 1800 จึงมีการเสริมสไตล์อิตาเลียน รวมทั้งเพิ่มเนื้อที่บ้านด้านหลังและต่อเติมให้เป็นบ้านสองชั้นด้วย พอถึงทศวรรษ 1930 ถูกแปลงสภาพให้กลายเป็นเกสต์เฮาส์ จากนั้นได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในทศวรรษ 1980 จนกลับมาเป็นบ้านพักอาศัยอีกครั้งหนึ่ง

ผลที่ออกมาจึงเป็นส่วนผสมของสไตล์อันหลากหลายและเป็นแหล่งรวมของห้องขนาดเล็กใหญ่อย่างแท้จริงดังที่ Tom อธิบายว่า

"การที่คุณเดินจากห้องที่ใหญ่กว้างขวางไปยังห้องเล็กๆ แล้วโผล่ออกไปยังห้องกว้างๆ อีกถือเป็นประสบการณ์ตื่นเต้นเร้าใจไม่เบา เพราะมันให้ความรู้สึกของการค้นพบดีๆ นี่เอง"

ตัวบ้านชั้นล่างแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นห้องทำงานทั้งของ Tom และ So มีห้องรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยผลงานศิลปะเอาไว้เสพสุขทางสายตา ห้องครัวนั้นแยกอยู่ต่างหากโดยมีประตูแบบฝรั่งเศสสำหรับเปิดออกสู่บริเวณกลางแจ้ง นอกจากนี้ยังมีห้องน้ำและส่วนต่อเติมพื้นที่กว้างขวาง

สำหรับชั้นบนออกแบบให้มี 3 ห้องนอนและ 2 ห้องน้ำ ซึ่ง Tom เพิ่มเติมว่า

"บ้านของเราหลังใหญ่ก็จริง แต่ไม่ถึงกับใหญ่เกินไป เราใช้ประโยชน์จากห้องทุกห้องและอยู่อย่างสุขสบายเพราะทุกคนต่างก็มีที่ทางของตัวเอง ที่สำคัญเวลาแต่งบ้านเราไม่เคยรู้สึกอึดอัดเพราะข้อจำกัดของพื้นที่เลย เรามีที่ทางเหลือเฟือสำหรับโชว์งานประติมากรรมขนาดใหญ่สุด แถมผนังก็ใหญ่พอสำหรับแขวนผลงานศิลปะขนาดใหญ่กว่าปกติด้วย"

ดูเหมือนการมีห้องหลากหลายขนาดจะสมบูรณ์แบบสำหรับคู่สามีภรรยาจริงๆ เพราะสามารถรองรับคอลเลกชันของเก็บสะสมมากมายได้อย่างเหมาะเจาะ Tom เน้นว่าเฟอร์นิเจอร์ของครอบครัวเป็นองค์ประกอบสำคัญยิ่งสำหรับแปลนตกแต่งบ้าน พวกเขามีเฟอร์นิเจอร์ยุค Victoria Regency และ Georgia ที่เป็นมรดกตกทอดสำหรับนำมาประดับตกแต่งทั่วทั้งบ้าน บางชิ้นก็นำมาโชว์หรือใช้งานในสภาพเดิมทุกอย่างไม่มีการดัดแปลงอะไรเลย เช่น เก้าอี้ที่โต๊ะอาหารซึ่งมีที่นั่งบุด้วยผ้าลายดอกนั้นเป็นงานฝีมือของคุณยายของ So พวกเขาจึงคงไว้อย่างนั้น ส่วนเก้าอี้อื่นๆ ซึ่งเป็นของเก่าที่ตกทอดมาจะได้รับการซ่อมใหม่ด้วยการบุด้วยผ้าลินินสีม่วงและผ้ากำมะหยี่สีเขียวเป็นหลัก

เมื่อซื้อบ้านหลังนี้มา พวกเขายังได้โต๊ะ "Tulip" ผลงานออกแบบของสถาปนิกอเมริกันชื่อดัง Eero Saarinen และเก้าอี้ทำด้วยไม้สำหรับทำเครื่องเรือนโดยเฉพาะแถมพกมาด้วย (ดูภาพ ประกอบ) ส่วนโซฟาของ Jardan บริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์ชั้นนำของออสเตรเลียนั้นเล่าก็วางเคียงคู่กับโต๊ะกาแฟผลงานออกแบบของ Khai Liew นักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ผู้ถือกำเนิดในมาเลเซียแต่ไปสร้างชื่อโด่งดังจนกระฉ่อนไปทั่วโลกที่ออสเตรเลีย

บ้านนี้ยังเป็นที่โชว์ผลงานออกแบบโคมไฟหรือหลอดไฟอันหลากหลายด้วย นั่นเพราะเป็นของสะสมที่ Tom โปรดปรานเป็นพิเศษ มีทั้งโคมไฟมาตรฐานและไฟแขวนฝีมือออกแบบโดย Verner Panton, Marc Pascal, Flos, Frank Bauer และ Artemide

องค์ประกอบโดนใจเป็นพิเศษอีกอย่างหนึ่งของบ้านหลังนี้คือผ้า ซึ่งเจ้าของสามารถผสมผสานการใช้ประโยชน์ของผ้าลินิน กำมะหยี่ และงานเย็บปักถักร้อยกับเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างน่าทึ่ง Tom ให้เหตุผลว่า

"ผมสนใจผ้ามากกว่าหนัง เมื่อนำผ้ามาใช้ในงานตกแต่งตามห้องต่างๆ จะทำให้เกิดทั้ง texture และความน่าสนใจ ที่สำคัญผ้าที่นำมาตกแต่งจะช่วยเสริมความสวยงามให้กับห้องโดยไม่ข่มกันด้วย"

ในท้ายที่สุด Tom สรุปบ้านของครอบครัวในความคิดของเขาว่า

"บ้านต้องอยู่สบาย เราชอบนั่งมุมโน้นมุมนี้แล้วอ่านหนังสือ พิมพ์หรือไม่ก็หนังสือเล่มโปรด ดังนั้น ความสวยงามในความหมาย ของเราจึงมีความสบายเป็นองค์ประกอบส่วนที่สำคัญมาก กล้าพูด ได้เลยว่าห้องของเราทำให้คุณอยากเข้าไปสัมผัสจริงๆ"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.